คนภูเก็ตโวยฉะทนายตั้มเปิดโปงโรงแรมจัดปาร์ตี้ยันเช้าทำคนตกงาน เจ้าตัวปัดรับเงินมาแฉ (คลิป)

กรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ผมได้รับการร้องเรียนจากชาวภูเก็ตว่าได้รับความเดือดร้อน จากโรงแรม__มีการเปิดสถานบันเทิงเกินเวลา มั่วสุม เสียงดัง ก่อความรำคาญและมีสิ่งผิดกฎหมาย มาเป็นปี ๆ แล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่ก็นิ่งเฉย ผมจึงขอมาดูด้วยตาตัวเอง ปรากฏว่าสถานบันเทิงนี้เปิดยันเช้าจริง และคนเยอะขนาดนี้ หากเกิดคลัสเตอร์ใหม่อีกจะทำยังไง

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ทำไมปล่อยปละละเลยให้สถานบันเทิงเปิดเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด ฝ่าฝืนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกต่างหาก และเท่าที่ทราบสถานบันเทิงแห่งนี้ไม่มีใบอนุญาตอีกด้วย ผมคิดว่าสถานบันเทิงในโรงแรมที่สามารถเปิดเกินเวลามาเป็นปี ๆ มีนักท่องเที่ยววันละเป็นพันคน ไม่มีทางที่เจ้าหน้าที่ไม่รู้ และน่าจะมีการจ่ายสินบนมหาศาล ขอให้ท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่วยตรวจสอบว่าทำไม ถึงมีการปล่อยปละละเลยขนาดนี้ มีการทุจริตรับสินบนกันหรือไม่”

กระทั่งวันที่ 16 เม.ย. 65 เวลาประมาณ 23.00 น. บริเวณหน้าหาดป่าตอง มีกลุ่มผู้ประกอบการ เเละพนักงานบางส่วนของโรงแรมดังกล่าวออกมาถือป้ายประท้วงทนายตั้ม จำนวน 50 คน เนื่องจากไม่พอใจที่ทนายตั้ม แอบถ่ายคลิปวิดีโอในโรงเเรม ซึ่งเป็นช่วงเวลา 02.17 น. ของวันที่ 16 เม.ย.65 โดยในคลิปก็จะมีเสียงเพลงเเละมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มาเที่ยว

ล่าสุดวันที่ 17 เม.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานว่า ทนายตั้ม โพสต์ข้อความอีกครั้งหลังจากเห็นข่าวที่กลุ่มคนภูเก็ตออกมาประท้วง ระบุข้อความว่า “เจอกลุ่มคนภูเก็ตที่เห็นผิดเป็นชอบ เอาแต่ผลประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่สนใจกฎหมายและไม่แคร์ว่าการเปิดสถานบันเทิงแบบไม่มีใบอนุญาตและเปิดเกินเวลา สร้างมลภาวะทางเสียง ทำชาวบ้านที่อาศัยในพื้นที่ไม่ต้องหลับต้องนอน นับร้อยคน มาถือป้ายด่าผม กดดันผมว่าผมหิวแสง หรือถ้อยคำแรง ๆ มากมาย บอกเลยผมไม่โกรธครับ เพราะลายมือเดียวกันเลย สงสัยนายสั่ง โกรธคำเดียวเรียกผมไอ้แก่ โอ้โห เจ็บจี๊ด ที่เจ็บไม่ใช่เพราะอายุครับ แต่เจ็บเพราะคนถือป้าย ทั้งหุ่นทั้งหน้าไปไกลกว่าผมเยอะเลย รอบหน้าช่วยคัดนายแบบมาถือป้ายหน่อย ขอบคุณครับ ส่วนเรื่องความปลอดภัย ผมไม่ห่วงมากเพราะถ้าขนาดทนายที่คนรู้จักมากหน้าหลายตาแบบผมถูกทำร้ายได้ในจังหวัดที่เขาลือกันว่าไม่มีมาเฟีย ไม่มีอันตราย ทั้งที่ออกมาพูดเพื่อผลประโยชน์ของคนในพื้นที่ ผู้หลักผู้ใหญ่เสียแน่นอน ฝากไว้ให้คิดนะครับ”

นายอภิเชษฐ์ พูลสงค์ อายุ 32 ปี ผู้ประกอบการสถานบันเทิงป่าตอง และเป็นผู้ดูแลการจัดงานของโรงแรม เปิดเผยว่า หลังจากมีข่าวออกไปตอนนี้โซนห้องอาหารจะต้องถูกปิดอย่างเเน่นอน รวมถึงงานอีเวนต์ในคืนนี้ด้วย เพราะโรงเเรมเป็นเพียงเเค่ผู้ให้เช่าสถานที่เท่านั้น เเละไม่สามารถควบคุมเวลาได้ เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลด้วย ส่วนใหญ่เหตุผลที่ลูกค้าเลือกจะจัดงานที่นี่ เนื่องจากเป็นสถานที่ส่วนตัว

ทั้งนี้ ผลกระทบที่ตามมาก็คือพนักงานที่ทำงานที่นี่ ทั้งประจำเเละพาร์ตไทม์ตกงานร่วม 400 คน ทำให้ลูกน้องของตนขาดรายได้ ประมาณวันละ 200 - 300 บาท ส่วนลูกค้าที่จองสถานที่จัดอีเวนต์ไว้พวกตนก็ต้องแจ้งยกเลิกทั้งหมด นอกจากนี้ ในช่วงที่มีโควิด-19 โรงเเรมก็ลำบากมากพอสมควร เคยจัดโปรโฒชันจากห้องละ 2,000 บาท ลดเหลือ 350 - 650 บาท เพื่อให้คนไทยได้เข้ามาพักกระตุ้นเศรษฐกิจ ตอนนี้ทำให้มีลูกค้าเริ่มกลับเข้ามาพักมากขึ้น ส่วนใหญ่จะพากันมาเป็นกลุ่ม ๆ 20-30 คน และเข้าพักหลายวันติดกัน ตนก็อยากจะจัดกิจกรรมภายในโรงเเรม นักท่องเที่ยวจะได้ไม่ต้องออกไปเที่ยวข้างนอก

"เมื่อคืนนี้ผมได้ข่าวว่าทนายดัง จะไปเดินเที่ยวในซอยบางลา ผมกับลูกน้องอีก 5-6 คน จึงไปที่นั่นเพื่อที่จะไปคุยเเละบอกให้เข้าใจว่า ทนายไม่เคยรู้จักบ้านเมืองป่าตอง เเต่กลับโพสต์คลิปแบบนั้น ผมยอมรับว่าผิดจริงเรื่องเกินเวลา เเต่หากไม่เกินเวลาพวกผมก็จะขายอะไรไม่ได้เลย เพราะลูกค้ากว่าจะออกเที่ยว 22.00 - 23.00 น. ถ้ามาสั่งปิดร้านเวลา 23.00 น. ก็คงไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนอยากเที่ยวแล้ว เเละอยากให้ทนายช่วยเอาความรู้ที่มี มาช่วยชาวเมืองป่าตอง ช่วยผลักดันเมืองภูเก็ตให้มีกฎหมายการท่องเที่ยวอีกแบบหนึ่ง การที่ทนายทำแบบนี้ดูเหมือนมีเจตนาอื่นแอบแฝง เเต่ผมจะไม่ก้าวล่วง" นายอภิเชษฐ์ กล่าว 

นอกจากนี้ เรื่องจัดงานเสียงดังจนชาวบ้านต้องไปร้องเรียนตำรวจ ในช่วงก่อนพวกตนก็มักจะออกไปสอบถามชาวบ้าน ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า "ไม่เป็นอะไร เข้าใจว่าสภาพของเมืองป่าตองเป็นอย่างไร" ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนคงไม่ได้อยากจะให้ใครมารับผิดชอบ เเต่อยากให้เป็นตัวอย่างในการแก้ไขกฎหมาย เพราะอยากให้ขยายเวลามากขึ้น และอยากจะให้ผู้รู้ช่วยกันวิเคราะห์เเละผลักดันเมืองป่าตอง เนื่องจากเมืองนี้ไม่เหมือนกับเมืองอื่น ๆ ไม่ได้พึ่งพาเกษตรกรรม เเต่พึ่งพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหลัก

นายกิจจา เเช้มช้อย อายุ 42 ปี พนักงานเสิร์ฟในโรงเเรม เปิดเผยว่า ตนเป็นชาวจังหวัดสุพรรณบุรี เเต่มาทำงานอยู่ป่าตองได้ประมาณ 22 ปีเเล้ว เป็นพนักงานเสิร์ฟในเครือบริษัท โดยช่วงก่อนที่จะมีสถานการณ์โควิด-19 ตนส่งเงินให้ที่บ้านเดือนละ 20,000 บาท ซึ่งที่บ้านมีกันอยู่ 3 คน พ่อเเม่เเละพี่ที่แก่ชรา จนมาเจอช่วงโควิด-19 เกือบ 3 ปีที่ไม่มีงานทำ ต้องเอาเงินเก็บมาใช้จนหมด เเละเเทบจะไม่ได้ส่งเงินให้ที่บ้าน กระทั่งช่วงนี้ที่เศรษฐกิจเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัว และมีนักท่องเที่ยวมา ตนส่งเงินให้ที่บ้านเดือนละ 4,000-5,000 บาท เเต่ก็ไม่พอใช้จ่าย

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบให้โซนอาหารเปิดไม่ได้ เพราะหากจะเปิดต้องเกินเวลา ทำให้ตนไม่มีงานทำ ซึ่งรายได้ต่อวันประมาณวันละ 500 บาท ตนก็มีภาระหนี้สินเหมือนกัน เเละไม่ใช่เเค่ตน แต่ยังรวมถึงเพื่อนพนักงานด้วยกันอีก 400 กว่าชีวิต หลังจากนี้ตนคงจะต้องหางานเสริม ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะทำงานอะไร ตนหวังเเค่ว่าโซนอาหารของโรงเเรมจะกลับมาเปิดได้

นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น อายุ 46 ปี เจ้าของโรงเเรม กล่าวว่า เหตุการณ์ในคืนที่ทนายตั้ม เข้ามาที่โรงเเรม ตนก็ได้เข้ามาต้อนรับกราบสวัสดี เเละสั่งให้ลูกน้องดูแลอย่างดี อันที่จริงวันนั้นตนก็ทราบอยู่เเล้วว่าช่วงเวลาประมาณ 00.00-01.00 น. ทนายตั้มได้เข้ามาจอดรถรออยู่ก่อนเเล้ว น่าจะมาสำรวจ หลังจากนั้นเมื่อสถานบันเทิงในซอยบางลาปิด คนก็ทะยอยกันมาเที่ยวที่โรงเเรมของตนเพราะมีการจัดงานอีเวนต์ ตนไม่ได้อยากจะท้าทาย เเต่อยากให้ทนายตั้ม เห็นบริบทของบ้านเมืองป่าตองที่เเท้จริงว่าเป็นอย่างไร

สำหรับประเด็นที่ตนติดใจสงสัย คือ ชาวบ้านที่ร้องเรียนไม่รู้ว่าเป็นชาวบ้านจริง ๆ หรือผู้ที่เสียผลประโยชน์กันเเน่ หากจะมีชาวบ้านเข้ามาร้องเรียนจริง ๆ ก็จะเดินเข้ามาบอกกับที่โรงเเรมโดยตรงเลยว่าเสียงดัง อีกทั้งชาวบ้านยังได้รับการเอื้อประโยชน์ด้วย หากมีการจัดงานอีเวนต์ ก็จะเกิดการซื้อขายของ หรือหากเกิดปัญหาตนก็จะจัดการให้ ตนพยายามแก้ปัญหามาตลอด เเละอีกอย่างคือไม่ได้มีการจัดงานหรือเสียงดังตลอดทั้งปี

ส่วนเรื่องของการจัดงานอีเวนต์ สถานที่จัดงานของตนก็เป็นสถานที่เปิดโล่ง ไม่ได้แออัดในห้องเเอร์ เเละงานอีเวนต์ก็มีเเค่ช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น ตนไม่ได้อยากจะเปิดเกินเวลาเเต่อย่างใด เพราะเมื่อหมดสัปดาห์นี้ก็จะเข้าหน้าฝนเเล้ว การจัดงานในสถานที่เเจ้งก็จะทำไม่ได้ งานอีเวนต์ที่เกิดเหตุนี้ก็เป็นเเค่ช่วงไม่กี่วัน ประมาณ 3-4 วันเท่านั้น ส่วนใหญ่เเขกที่มาก็จะเป็นชาวต่างชาติจองโรงเเรมเข้ามา เเละจองสถานที่จัดงานอีเวนต์ไว้ด้วย 

สิ่งที่ตนอยากจะบอกคือขอให้ช่วยคนภูเก็ต ได้กลับมาลืมตาอ้าปาก มีศักดิ์ศรี มีตัวตน เเละสามารถเเข่งขันกับแหล่งท่องเที่ยวทั่วโลกได้ ส่วนเรื่องคดีความได้มีการเเจ้งข้อกล่าวหา คือ ขัดคำสั่งจังหวัด ขายสุราเกินเวลา ซึ่งในรายละเอียดตนก็จะให้ทีมทนายความของบริษัท ช่วยจัดการเรื่องนี้ นอกจากนี้ หากมีคำสั่งปิดโรงเเรม ตนก็คงจะต้องยอมรับ เพราะเป็นความผิดพลาดจริง ๆ เเต่ตนห่วงพนักงาน 400 กว่าคน ซึ่งหากนับรวมคนในครอบครัวของพวกเขาแล้ว ประมาณ 1,000 ชีวิต

ด้านทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด กล่าวยินยันว่า ตนไม่ได้รับเงินจากใคร คนที่พูดก็สักเเต่จะพูดไปเรื่อย ๆ เเละน่าจะเป็นคนที่เสียผลประโยชน์มากกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นชาวบ้านร้องเรียนเข้ามาที่ตน เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจริง ๆ โดยโรงเเรมดังกล่าวเปิดยันเช้า เเละเสียงดังมากมานานหลายปีเเล้ว เมื่อตนไปดูให้เห็นกับตาก็เป็นความจริง ส่วนประเด็นที่มีคนมายืนถือป้ายด่าตนว่า "ไอ้แก่ หิวเเสง" เเต่คนถือป้ายหน้าแก่กว่าตนนั้น ตนมองว่าน่าจะคัดคนถือป้ายมาออกสื่อ เพราะตนทราบอยู่เเล้วว่าคนถือป้ายคือคนที่ทำงานอยู่ที่โรงเเรมนั้น

ทั้งน้ ตนไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะรู้อยู่เเล้วว่าเป็นกลุ่มคนที่เสยีผลประโยชน์ กลุ่มคนเหล่านี้คือคนที่ทำผิดกฎหมายเปิดเกินเวลา และกลุ่มคนนี้เอาเปรียบคนอื่น เพราะคนอื่นไม่ได้มีเส้นมีสายเหมือนพวกเขา การกระทำเช่นนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ตเสียหาย เหมือนปลาเน่าตัวเดียว ทำคนอื่นเสียชื่อไปด้วย เเล้วยังมีหน้าเกณฑ์คนมาถือป้ายอีก

ทีมข่าวเดินทางมาที่ ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต โดยพล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ในเรื่องนี้ได้ตรวจสอบข้อมูลเเล้วว่าเป็นสถานที่ในพื้นที่ป่าตองจริง เเละกระทำผิดตามที่ปรากฏในคลิปจริง ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สุจินต์ นิลบดี ผกก.สภ.ป่าตอง ปฏิบัติตามหน้าที่ เเจ้งความดำเนินคดีจับกุมตัวผู้จัดการโรงเเรมที่จัดใฟ้มีการจำหน่ายสุรา เเละมีการฝ่าฝืนคำสั่งของทางจังหวัดภูเก็ต ซึ่งในความจริงเเล้วสามารถขายสุราได้ไม่เกินเวลา 23.00 น. เรื่องนี้ได้มีการดำเนินการเเล้ว

สำหรับผู้จัดการโรงเเรมมีความผิด คือ ฝ่าฝืนคำสั่งของจังหวัดในการจำหน่ายสุรา จำหน่ายสุราเกินเวลาที่กำหนด รวมถึงเรื่องเสนอขายบารากู่ ถึงเเม้จะมีการกล่าวอ้างว่าไม่ใช่ของทางโรงเเรม เเต่เป็นเพียงการจัดอีเวนต์ เเต่อย่างไรก็ตาม ผู้เป็นเจ้าของสถานที่จะต้องรับผิดชอบ จากนั้น ตนได้มอบหมายให้รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของตำรวจ สภ.ป่าตอง ว่ามีการปล่อยปละละเลย หรือมีข้อบกพร่องที่ทำให้เกิดการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ ได้มีการเรียก 5 เสือจาก สภ.ป่าตอง มาประจำเเละช่วยราชการที่ สปก.ภ.จว.ภูเก็ต ตั้งเเต่วันนี้ (17 เม.ย.65) ไปจนกว่าการดำเนินการตรวจสอบจะเสร็จสิ้น

1.พ.ต.อ.สุจินต์ นิลบดี ผกก.สภ.ป่าตอง
2.พ.ต.ท.ปรีชา บาริงพัฒนกูล รองผกก.ป.
3. พ.ต.ท.ประเสริฐ ทองเปลว รองผกก.สืบสวน
4.พ.ต.ต. สุชาติ ชมภูแสง สว.สส.สภ.ป่าตอง
5. พ.ต.ต. วุฒิวัฒน์ เลี้ยงบุญจินดา สวป.สภ.ป่าตอง

โดยในวันพรุ่งนี้ (18 เม.ย.65) จะได้ทำหนังสือไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้พิจารณาดำเนินการการกระทำของโรงเเรมดังกล่าวซึ่งมีการฝ่าฝืนคำสั่งของจังหวัด ทั้งนี้ ก็ต้องเเล้วเเต่จังหวัดจะพิจารณาว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป ส่วนในพื้นที่อื่น เช่น ในซอยบางลา ก็ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับของจังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบอยู่ตลอด ก็พบว่ามีการปิดร้านตามเวลาที่กำหนด หรืออาจจะเกินเวลาเล็กน้อย ประมาณ 10 นาทีเท่านั้น เพื่ออะลุมอะล่วยให้ลูกค้าออกจากร้าน ซึ่งหากมีการเปิดร้านเกินเวลาไปถึง 01.00-02.00 น. ก็จะมีการดำเนินการจับกุม ก่อนหน้านี้ ในช่วงเดือนเมษายน 65 ก็มีการดำเนินการจับกุมไปแล้ว 6 ราย รวมกับเคสล่าสุด เป็น 7 ราย ส่วนในพื้นที่ สภ.ป่าตอง ราว ๆ 22 ราย ตั้งแต่เดือนตุลาคม 64 - ปัจจุบัน