กรณีร.ต.อ.สรวิศิษฎ์ มีเพียร รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุสามีทำร้ายภรรยาจนเสียชีวิต ที่บ้านหลังหนึ่ง ภายในพื้นที่ ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง จ.อุดรธานี จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ที่ห้องโถงพบศพของ น.ส.สมฤดี คูณชา อายุ 42 ปี นอนหงายใบหน้าปูดบวมอยู่บนที่นอน
จากการตรวจสอบสภาพศพของ น.ส.สมฤดี สวมเสื้อยืดลายดอก กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล เมื่อแพทย์ชันสูตรตามร่างกายมีรอยฟกช้ำ กรามหัก เลือดคั่งในสมอง ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อ นายรังสรรค์ พลชัยสวัสดิ์ อายุ 32 ปี สามีของผู้เสียชีวิต หลังก่อเหตุได้เข้าไปนั่งหลบอยู่ในห้อง ตำรวจจึงควบคุมตัวเอาไว้
ล่าสุดวันที่ 20 เม.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ในพื้นที่ ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง จ.อุดรธานี พบว่าลักษณะบ้านมีแคร่ไม้ตั้งอยู่หน้าบ้าน มีห้องน้ำอยู่นอกตัวบ้าน ส่วนภายในบ้านเป็นพื้นปูนปูด้วยกระเบื้อง มีห้องโถงและห้องนอนกั้นเอาไว้ 2 ห้อง
ทีมข่าวได้พูดกับ นางหนูแดง ชลิน อายุ 68 ปี แม่ของนายรังสรรค์ เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 20.00 น. หลังจากที่ตนทานข้าวเย็นเสร็จ ก็ได้ไปนอนกับหลานที่อาศัยอยู่บ้านของลูกสาวใกล้ ๆ กัน ก่อนจะเห็นลูกชายกับลูกสะใภ้นั่งดื่มเหล้ากันที่แคร่ไม้หน้าบ้าน แต่ตนไม่ได้สนใจ เนื่องจากเป็นปกติที่ทั้งคู่จะนั่งดื่มเหล้าเป็นประจำ ๆ
จากนั้นประมาณ 20 นาที ตนก็ได้ยินเสียงทั้ง 2 คนมีปากเสียงทะเลาะกัน ได้ยินเสียงลูกสะใภ้ร้องไห้ กระทั่งลูกชายตะโกนด่าลูกสะใภ้ว่า "มึงไปนอน ๆ" จนเสียงเงียบลง แต่ด้วยความที่ลูกชายกับลูกสะใภ้ทะเลาะกันเป็นประจำ ๆ ตนจึงไม่ได้สนใจอะไร
กระทั่งผ่านไป 10 นาที ลูกชายวิ่งมาเคาะประตูเรียกว่า "แม่ ๆ พาเมียผมไปโรงพยาบาลหน่อย" ด้วยความตกใจจึงเดินไปดูเห็นลูกชายนั่งอยู่ข้างลูกสะใภ้ กำลังนำยาดมให้ฝ่ายหญิงดม แล้วก็พูดว่า "แม่ เมียผมเป็นอะไร" ตนจึงเดินเข้าไปเปิดตาลูกสะใภ้ดูถึงรู้ว่าสิ้นใจแล้ว ก่อนจะวิ่งไปหาผู้ใหญ่บ้านบอกให้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ ขณะที่ตำรวจเดินทางมาถึงบ้านลูกชายไม่ได้หนีไปไหน นั่งกอดเมียร้องไห้รอตำรวจจับตัว อย่างไรก็ตาม ตนก็อยากจะขอโทษครอบครัวลูกสะใภ้ หากตอนเกิดเหตุตนไม่ได้ไปเลี้ยงหลาน ก็คงจะเข้าไปห้ามลูกชายทัน
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้เดินทางไปที่วัดบ้านถ่อน ในพื้นที่ ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง จ.อุดรธานี บรรยากาศในงานศพ เป็นไปด้วยความเงียบเหงา มีเพียงญาติ ๆ มาร่วมพิธีเท่านั้น โดยนางเบญจวรรณ วงศ์ศิริรักษ์ อายุ 49 ปี พี่สาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 23.30 น. ฝั่งทางญาติของนายรังสรรค์ โทรศัพท์มาบอกว่า น.ส.สมฤดี เสียชีวิตแล้ว ด้วยความตกใจจึงรีบขับรถมาที่จุดเกิดเหตุ ก็พบว่าน้องสาวนอนเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านที่เกิดเหตุ ขณะนั้นตนเสียใจมาก ๆ เพราะที่ผ่านมาตนเคยเตือนน้องสาวแล้ว 3 รอบ ไม่ให้กลับไปอยู่กินกับนายรังสรรค์ ซึ่งทั้ง 3 รอบที่ น้องสาวถูกนายรังสรรค์ ทำร้ายร่างกาย บอกตรงๆ เลยว่ารับไม่ได้
ในรอบแรกนายรังสรรค์ เคยใช้สายยาง ตีน้องสาวเป็นแผลทั่วทั้งตัว จนน้องสาวต้องหนีกลับมาอยู่ที่บ้าน ด้วยความเป็นห่วงน้องสาว ตนก็พาไปรักษาแล้วก็ได้เเจ้งความดำเนินคดีกับนายรังสรรค์ แต่เมื่อน้องสาวเริ่มมีอาการหายดี ก็กลับไปหานายรังสรรค์เหมือนเดิม จนมีเหตุการณ์ที่ 2 ซึ่งน้องสาวหนีกลับมาที่บ้านเลือดท่วมตัว อ้างว่าถูกนายรังสรรค์ ใช้เก้าอี้ตีที่ศีรษะ ทำให้ตนต้องพาน้องสาวไปเย็บแผลกว่า 50 เข็ม
หลังจากนั้นเมื่อน้องสาวหายดีก็กลับไปหานายรังสรรค์ กระทั่งมีเหตุการณ์ที่ 3 นายรังสรรค์ ใช้ท่อนฟืนที่ติดไฟจี้ตามร่างกายเพื่อทรมานน้องสาว แต่ทว่าเมื่อหายดีน้องสาวก็กลับไปหานายรังสรรค์ ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ในครั้งที่ 4 ที่น้องสาวเสียชีวิต สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครอบครัวขอยืนยันว่าจะไม่มีวันอโหสิกรรมให้กับนายรังสรรค์ เนื่องจากสิ่งที่นายรังสรรค์ ทำกับน้องสาว ไม่ใช่การกระทำของคน หากเป็นไปได้ขอให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เอาแบบให้ตกตายไปตามกัน เพราะคนอย่างนายรังสรรค์ ออกจากคุกมาก็คงจะเป็นภัยสังคมมากกว่า