จากที่มีการแชร์ข้อความและภาพในโซเชียลฯ ประกาศตามหานายนิรุตน์ บุญชู อายุ 41 ปี, นางสาวนฤมล เพ็ชรบุญมี อายุ 41 ปี, ด.ช.นฤเบศก์ บุญชู อายุ 12 ปี และด.ญ.หริญดา บุญชู อายุ 7 ปี ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านหมู่ 3 ต.บ้านไร่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ทั้ง 4 คน หายออกจากบ้านใน อ.ทุ่งเสลี่ยม พร้อมรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าสีเทา หมายเลขทะเบียน บพ 3053 สุโขทัย เป็นพาหนะในการเดินทาง ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. 65 ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 22 เม.ย. 65 ตำรวจแถลงครอบครัว 4 พ่อแม่ลูกหายตัวปริศนา พบว่ามีหนังสือเดินทางและภาพถ่ายการเดินทางไป ตุรกี และไม่พบข้อมูลการเดินทางกลับเข้าประเทศ ผ่านมาแล้ว 12 วัน
น.ส.หิรัญญา บุญชู หรือ น้องอุ้ย อายุ 19 ปี ลูกสาวคนโตผู้สูญหาย เปิดเผยว่า กรณีอาสาวที่นำรถอัลติสมาส่ง ยืนยันกับปู่ว่ายังไม่สามารถติดต่อพ่อแม่และน้องได้ ซึ่งมีการติดต่อสื่อสารตลอดเวลา ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่าพ่อกับแม่ขายหมูยกฟาร์มไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมาเป็นการทยอยขายตามราคาหมูขึ้นราคา ซึ่งเป็นปกติ
ขณะที่เรื่องปัญหาการเงิน ตนรอฟังคำตอบจากแม่และพ่อ แต่ที่ผ่านมารูแค่ว่าแม่ทำบัญชี ตนยังเคยช่วยแม่ปรินต์เอกสาร แต่ไม่เคยอ่านรายละเอียดว่าเป็นเอกสารอะไร ส่วนการใช้จ่ายเงินก็ปกติ ไม่พบว่าแม่และพ่อจะมีเงินมากมายเป็น 10 ล้านบาท ทั้งนี้ตนไม่รู้อะไรสักอย่าง ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ถ้าพ่อแม่บอกบ้างตนจะได้รู้ แต่ถ้าพ่อแม่มีปัญหาจริง ๆ ตนอยากให้พ่อแม่กลับมาแก้ไข มากกว่าการปล่อยให้เป็นแบบนี้ เชื่อว่าพ่อแม่มีเหตุผลที่บอกตนไม่ได้
ส่วนทรัพย์สินบางส่วนของนายนิรุตน์ และน .ส.นฤมล ที่สงสัยว่าหายไป เช่นรถจักรยานยนต์ R 15/150 cc รถจักรยานยนต์สามล้อไฟฟ้า พบจอดอยู่ภายในบ้านนายล้วน มีการคลุมผ้าไว้ ทราบภายหลังว่านำมาจอดไว้นานแล้ว ตั้งแต่ยังไม่หายตัวไป จากข่าวหลายมุม และจากผู้หวังดีติดต่อเข้ามาทำให้เริ่มสับสน โดยเฉพาะเรื่องหนี้สิน ตนไม่รู้เรื่องเลย จึงหันหาที่พึ่งทางใจ โดยเดินที่ไปบ้านที่อ.ทุ่งเสลี่ยม ทำการจุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทางให้ดลใจพ่อกับแม่กลับมาหาตน
ขณะเดียวกันย่าตน หรือนางละมูล พาตนไปหาหมอดูที่เคยทักลูกลุง ซึ่งป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเองตอนอายุ 7 ขวบ หมอบอกว่ายังไงก็ไม่รอด แต่หมอดูรายนี้แนะให้ไปขอขมาพ่อทันใจ และอีกวันน้องจะอาการดีขึ้น ซึ่งน้องก็รอดปลอดภัยมา 2 ปีกว่าแล้ว ครอบครัวจึงนับถือ ซึ่งจากการดูเรื่องพ่อกับแม่ หมอดูยืนยันว่ายังมีชีวิตดีอยู่ ซึ่งก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ไม่ลบหลู่ ซึ่งการหันไปพึ่งทางนี้ก็เพื่อความสบายใจ ได้มีแรงสู้ต่อ สำหรับตอนนี้ไม่ว่าพ่อกับแม่จะมีปัญหาอะไรก็ตาม ขอให้กลับมาหากลับมาอยู่ด้วยกัน และตนพร้อมอยู่ข้าง ๆ พ่อกับแม่ อยากบอกทั้งคู่ว่า "หนูเป็นห่วงมาก ๆ"
ขณะที่มีแชตคุยกับเพื่อนของน้องชาย หรือ ด.ช.นฤเบศก์ หรือ ไตเติ้ล อายุ 12 ปี พูดคุยกันเบื้องต้นพยายามติดต่อน้อง แต่ไม่ได้เป็นเพื่อนกันหรือติดตามใน TikTok จึงไม่สามารถติดต่อได้ และน้องไม่ได้ตอบข้อความใด ๆ กลับมาเลย
ด้านนางนิ่ม (นามสมมติ) แม่ผู้สูญหาย เปิดเผยว่า วันนี้ยังไร้วีแววลูกชายกับลูกสะใภ้ ซึ่งตอนนี้ครอบครัวลูกสะใภ้ก็เป็นลม กินไม่ได้นอนไม่หลับเช่นเดียวกัน ส่วนตนทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอเจ้าหน้าที่ และเมื่อเช้าหันไปหาที่พึ่งทางใจ ไปหาหมอดูมา ซึ่งยืนยันว่าลูกยังมีชีวิตอยู่ ขณะเดียวกันได้เดินทางไปที่บ้านลูก จุดธูปขอขมาเจ้าที่เจ้าทางให้ช่วยเรียกลูกกลับมาโดยเร็ว
นอกจากนี้ น.ส.หิรัญญา ลูกสาวคนโต ยืนยันแชตที่มีการคุยกับแม่ครั้งสุดท้าย หลังวันที่ 11 เม.ย. 65 มีการพูดคุยกันเรื่องกินข้าว และหลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อแม่ได้เลย
ขณะที่นายล้วน บุญชู อายุ 69 ปี พ่อของนายนิรุตน์ ผู้สูญหาย เปิดหลังบ้านให้ทีมข่าวดูฟาร์มหมู เพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีการขายหมูยกฟาร์ม โดยมีแม่พันธุ์ หมู 5 ตัว หมูรุ่นอีกกว่า 20 ตัว และลูกหมูอีกหลายสิบตัว โดยนายล้วนยืนยันว่าลูกชายเคยมีฟาร์มหมูจริงและมาทยอยขายไปเรื่อย ๆ ปัจจุบันตนก็ก็รับช่วงทำต่อ ไม่ได้ขายยกฟาร์ม แต่ขายเรื่อย ๆ ตามราคาหมู
ส่วนกรณีลูกกู้เงินคนอื่น 10 ล้านบาทและหนีหนี้จำนวนมาก หากเดือดร้อนจริงตนอยากให้เจ้าหนี้ไปแจ้งความ ตนเองก็อยากรู้ว่าใครเป็นเจ้าทุกข์ เพราะตนก็ไม่ทราบถึงเงินจำนวนนี้ ส่วนเกี่ยวข้องกับการนำไปให้ชาวบ้านกู้ยืมเพื่อคืนกองทุนหมู่บ้าน เพื่อจะได้กู้ใหม่เรื่องนี้ตนไม่รู้ แต่ยอมรับตนเป็นประธานกองทุนหมู่บ้านประจำหมู่ 3 ต.บ้านไร่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ที่อยู่ตามภูมิลำเนาเดิม และลูกสะใภ้หรือ น.ส.นฤมล เป็นเหรัญญิก เพื่อทำบัญชี ซึ่งทำบัญชีปกติ และทำให้หมู่บ้านอื่นด้วย รวมถึงลูกสะใภ้ก็ยังกู้กองทุนนี้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หากมีข้อสงสัยอะไรตนพร้อมเปิดเผย ตนไม่มีเรื่องอะไรต้องปิดบัง ตนอยากให้มีหลักฐานข้อเท็จจริง เพราะทุกเรื่องที่ลูกถูกกล่าวหาสร้างความไม่สบายใจให้ตนตลอดเลย
สำหรับการเดินทางไปตุรกี ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 4 มี.ค.62 คนต่างด้าวที่ถือหนังสือเดินทางของ 56 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ ซึ่งเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ได้รับยกเว้นการตรวจลงตรา และอนุญาตให้พำนักอยู่ในราชอาณาจักรได้ครั้งละไม่เกิน 30 วัน
สำหรับบุคคลสัญชาติไทย เพื่อเดินทางท่องเที่ยว ธุรกิจ หนังสือเดินทางไทย ไม่ต้องขอวีซ่าเข้าประเทศตุรกี ถ้าอยู่ไม่เกิน 30 วัน โดยที่ทาง ต.ม. จะประทับตราอนุญาต ให้เข้าเมืองได้หลายครั้ง ภายในระยะเวลา 180 วัน และอนุญาตให้อยู่ในประเทศตุรกีได้ครั้งละ ไม่เกิน 30 วัน แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 90 วัน ภายในเวลา 180 วัน และจากการตรวจสอบค่าตั๋วเดินทางประมาณที่นั่งละ 20,000 บาท/คน