กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “น้ำดื่ม สุขใจ” โพสต์คลิปวีดีโอที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิด พร้อมข้อความระบุว่า "เมื่อวันที่ 13 มี.ค.65 เวลา ประมาณ 05.40น. ได้มีขโมยขึ้นบ้านน้องโบว์ (ตรงข้างโรงน้ำดื่มสุขใจ) ม.6 บ้านนาแก ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ มีชายอายุประมาณ 35-40 ปี สูงประมาณ 160 ซม. รูปร่างผอม สวมแขนยาวเสื้อลายพราง สวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า ปีนกำแพงเข้ามาเพื่อพยายามเปิดห้องและหาของมีค่า
โดยคนร้ายขึ้นบันไดบริเวณหลังบ้านและหน้าด้าน จากนั้นคนร้ายพยายามครู่หนึ่งไม่สำเร็จ จึงเปลี่ยนลงมาค้นรถยนต์ที่จอดหน้าบ้าน และได้พยายามขโมยรถยนต์เพื่อหลบหนี (น้องลืมกุญแจไว้ในรถ) แต่เจ้าของบ้านลงมาทันและเจอกันกับขโมยอย่างจัง! และพยายามบอกให้หยุดและออกมาจากรถ คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงทิ้งกุญแจไว้ และออกมาจากรถยนต์แล้วรีบวิ่งหนีไปด้านหลังบ้าน ถนนลูกรังเส้นหลังคลองชลประทาน บ้านวังฝั่งแดง-บ้านเลิงทุ่ม หากท่านใดพบเห็นหรือมีเบาะแสโปรดแจ้ง สภ.นากุง"
ทั้งนี้ คลิปดังกล่าวมีความยาวถึง 17 นาที ขณะที่เจ้าของบ้านระบุว่าทุกวันนี้ดำเนินชีวิตอย่างอย่างหวาดระแวง กลัวว่ามิจฉาชีพจะย้อนกลับเข้ามาก่อเหตุซ้ำอีกครั้ง เนื่องจากผ่านมากว่า 1 เดือน คนร้ายยังหลบหนีลอยนวล
นอกจากนี้ พ.ต.อ.แมน ศิริฉาย ผกก.สภ.นากุง อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้ง จึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับสอบปากคำผู้เสียหาย เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนพื้นที่ใกล้เคียง และขณะนี้พอที่จะทราบตัวแล้ว แต่จากการติดตามเบื้องต้นอยู่ระหว่างการหลบหนีออกไปนอกพื้นที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเฝ้าติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบสวนทราบว่าหญิงสาวเจ้าของบ้าน ให้ข้อมูลว่าเหตุดังกล่าวเกิดในช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มี.ค.65 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 05.42-05.54 น. ขณะที่ตนพร้อมด้วยแม่และลูก 2 คน หลานอีก 2 คนที่ยังเล็กอยู่ยังไม่ตื่นนอน ครั้งแรกตนได้ยินเสียงเปิดประตู ซึ่งเป็นแผงเหล็กกั้นราวบันไดหลังบ้าน ก็นึกว่าเป็นเสียงสุนัขที่เลี้ยงไว้เอาสีข้างมาถูไถเล่นกับแผงเหล็กดังกล่าว จึงไม่สงสัยว่าเป็นคนร้าย สักพักก็ได้ยินเสียงเหมือนคนพยายามจับขอบประตู หน้าต่าง และเขย่าเบา ๆ แล้วก็เงียบหายไป ก่อนที่ต่อมาจะได้ยินเหมือนเสียงคนพยายามงัดประตูหน้าบ้านเบา ๆ 2-3 ครั้ง และเงียบไปอีก ก็ยังไม่นึกว่าจะเป็นคนร้าย และเข้าใจว่าหูคงแว่วไปเอง ต่อมาจึงได้ยินเสียงสตาร์ตเครื่องรถเก๋งที่จอดอยู่โรงเก็บรถหน้าบ้าน เข้าใจว่าน่าจะมีคนร้ายขึ้นบ้านและขโมยรถ
"ด้วยความหวงรถ ลืมที่จะห่วงความปลอดภัย ทั้งที่อยู่ในชุดนอน จึงวิ่งลงไปเห็นรถเก๋กำลังถูกใครไม่รู้ขับถอยหลังออกมาจากโรงจอดช้า ๆ โยกไปมา เหมือนขับรถเกียร์ออโต้ไม่เป็น หรืออาจจะเพิ่งกำลังจะหัดขับ ก็ร้องตะโกนออกไปว่าคุณเป็นใคร ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้ เขาจึงยอมเปิดประตูออกมา เหมือนเขาทำท่าจะล้วงวัตถุอย่างหนึ่งออกมาข่มขู่ กึ่งเดินกึ่งวิ่งปีนกำแพงหลังบ้านหนีออกไป" หญิงสาวเจ้าของบ้าน กล่าวให้ฟัง
ล่าสุดวันที่ 22 เม.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี วิดีโอคอลไปพูดคุยกับนายปิยะ ลิขิตชีวิตตน ผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนเป็นเพื่อนบ้านซึ่งอยู่ตรงข้ามกับบ้านผู้เสียหาย สภาพจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณหลังบ้านของผู้เสียหายเป็นคลองส่งน้ำ มีลักษณะเป็นป่ามีต้นไม้ ต้นไผ่ และต้นยางนา ขึ้นเต็มไปหมด ส่วนบ้านของตนนั้นด้านหลังบ้านจะเป็นทุ่งนา แต่ตนก็อาศัยอยูที่นี่มาเป็น 10 ปีแล้ว ไม่เคยมีเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ผู้เสียหายเพิ่งจะย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้เมื่อปีที่แล้ว
เมื่อดูลักษณะของคนร้ายจากกล้องวงจรปิด ตนยอมรับว่าไม่คุ้นหน้า เป็นคนตัวเล็ก ผอม ใส่เสื้อลายพรางแขนยา ว ใส่หมวกแก๊ป ทำให้สังเกตยากมาก ๆ ถ้าดูจากบุคลิกแล้วไม่แน่ใจว่าเป็นคนในพื้นที่หรือไม่ แต่ตนตั้งข้อสังเกตว่าทำไมถึงเลือกก่อเหตุที่บ้านมีแต่ผู้หญิงและเด็ก ๆ ในบ้านผู้เสียหายมีเพียงผู้หญิง 2 คน คือ ผู้เสียหายและแม่กับเด็กอีก 4 คน
นอกจากนี้ ตนคิดว่าคนร้ายน่าจะรู้จักพื้นที่บริเวณนี้ในระดับหนึ่ง เพราลักษณะการก่อเหตุนั้นมีการขี่รถจักรยานยนต์มาจอดทิ้งไว้ข้างบ้าน ก่อนจะปีนกำแพงเข้ามาก่อเหตุ และตอนที่คนร้ายหนีไปก็ไม่ได้ขี่รถกลับไปด้วย เพราะตกใจที่เจ้าของบ้านลงมาเจอ ส่วนบริเวณด้านหลังกำแพงบ้านผู้เสียหาย เป็นป่ารกและมีถนนลูกรังที่เชื่อมต่อได้หลายหมู่บ้าน คนร้ายน่าจะวางแผนอย่างดี เพราะรู้ว่าบริเวณด้านหลังบ้านไม่มีบ้านคน
นายมารุต ภูทะวัง อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่หมู่ที่ 14 บ้านนาแกใต้ เปิดเผยว่า คดีนี้ถือว่าอุกอาจมาก คนร้ายเข้ามาในบ้านและพยายามหาสิ่งของมีค่า จากนั้นกำลังกำลังจะโขมยรถเก๋ง แต่เจ้าของบ้านตื่นเสียก่อน ตนตรวจสอบแล้วไม่คุ้นหน้าคุ้นตาผู้ก่อเหตุ คาดว่าน่าจะไม่ใช่คนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ตนขอให้เจ้าหน้าที่ตำราจเร่งจับกุมตัวเพราะถือว่าเป็นภัยสังคม ชาวบ้านในพื้นที่หวาดกลัว