คืบหน้ากรณี "แตงโม-นิดา" นักแสดงชื่อดังพลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงใต้สะพานพระราม 7 ท่าเรือพิบูลสงคราม เขตจังหวัดนนทบุรี คืนวันที่ 24 ก.พ.65 กระทั่งพบว่าร่างลอยน้ำขึ้นมาในช่วงบ่ายของวันที่ 26 ก.พ.65 ที่ผ่านมา
แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Porntip Rojanasunan ระบุว่า ทนายนับเป็นอาชีพที่สำคัญในการต่อสู้ให้ลูกความได้รับความยุติธรรม คดีแตงโมกลายเป็นเวทีที่ทนายและบุคคลหลากหลายออกมาแสดงความเห็น แสดงบทบาท ทั้งที่ได้รับการว่าจ้างและไม่ได้รับการว่าจ้าง ทุกคนล้วนออกมาเพื่อช่วยคุณแตงโม แต่คดีนี้มีปรากฎการณ์แปลกๆที่มีการออกมาด่าทอผู้คนให้วุ่นวาย ปล่อยความเกรี้ยวกราดทั้งจากญาติและจากทนาย ทั้งที่จริงๆแล้วประเด็นต่างๆที่มีคนทักท้วงล้วนสำคัญและต่างมุ่งให้เกิดความยุติธรรมต่อผู้ตาย สังคมชอบใช้ความรุนแรงทั้งโดยการใช้กำลัง การใช้อารมณ์รวมทั้งคำพูดในการจัดการปัญหา อีกไม่นานตำรวจกำลังจะแถลงปิดคดี จะได้ทราบกันว่ามีการปิดคดีอย่างไร หลังจากปล่อยให้ยืดเยื้อมากว่าเดือน ประเด็นสำคัญในคดีนี้คือปัญหาในการเก็บและพิสูจน์หลักฐานหลักฐาน แม้กรรมาธิการวุฒิสภาจะได้รับการชี้แจงว่าไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆได้เลยในเรื่องการเก็บหลักฐาน เพราะเป็นความลับในสำนวน เปิดเผยไม่ได้ แล้วพลเมืองดีคนไหนทีให้ข้อมูลคุณอัจฉริยะอย่างละเอียด อย่าเพิ่งเบื่อการตำหนิด่าทอกันไปมา 26เมยนี้ตำรวจยืนยันแล้วว่าปิดคดีได้แน่นอน ติดกระดุมเม็ดแรกผิด จะนำไปสู่ความถูกต้องตอนจบได้อย่างไร ต้องตามดู
ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ในฐานะทนายความของแม่แตงโม เพื่อสอบถามว่าส่วนตัวมองอย่างไรกับกรณีที่ทางอัจฉริยะอ้างว่ามีการแก้ไข GPS หรือไม่ ในส่วนนี้ส่วนตัวยังไม่ได้มีโอกาสเห็นเอกสารฉบับดังกล่าวทั้ง 2,000 แผ่น แต่ส่วนตัวได้เห็นข้อมูลแค่บางส่วน ในช่วงที่ไปออกรายการหนึ่ง ข้อมูลดังกล่าวส่วนตัวมองว่าเป็นข้อมูลที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือสูง คล้ายกับข้อมูลหลักฐานการโทรเข้า-ออกของโทรศัพท์ ยืนยันว่าตนเองไม่ทราบรายละเอียดถึงขั้นว่าจอดเทียบกี่จุด แต่ได้รับทราบจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในภาพรวม ไม่ได้เจาะจงในส่วนของรายละเอียด GPS เรือ
ส่วนตัวมองว่าไม่มีความเป็นไปได้ที่จะมีการแก้ไข เหมือนข้อมูลการโทรเข้าออกของโทรศัพท์ หรือจุดที่ใช้โทรศัพท์ ทุกอย่างแก้ไขไม่ได้ และหากแก้ไขจริงถามว่าทางเจ้าหน้าที่เขาเองจะทำไปเพื่ออะไร เพราะการทำแบบนั้นเท่ากับการลดความน่าเชื่อถือขององค์กรเขาได้ มั่นใจว่าไม่สามารถแก้ไขตามที่นายอัจฉริยะพูด มองว่าเจ้าตัวโกหก เชื่อถือไม่ได้ ออกมาพูดในเรื่องที่ไม่ใช่ความจริง ดูได้จากที่วันก่อนพูดไว้ แต่พอเจอหน้าจริงในรายการหนึ่งกลับยกมือไหว้ขอโทษ แล้วจะไปเชื่ออะไรกับเขา GPS โกหกไม่ได้ แต่คนที่ออกมาพูดนัjนแหละโกหกได้ มองว่าลิ้นไม่มีกระดูก เปรียบเทียบคดีหวย 30 ล้าน ที่ทางครูปรีชาแพ้เพราะการจับสัญญาณโทรศัพท์
"อีกฝ่ายพูดไปเรื่อย ไม่มีราคาไร้ค่า วันนี้พูดอย่างอีกวันพูดอย่าง อย่าไปฟังเขาเลย ไม่ใช่พยานไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ทำตัวเป็นผู้รู้เห็น ส่วนตัวก็ฝากบอกเขาไปหลายรอบแล้วว่าอยากให้เขาพักผ่อนนอนน้อย ให้พักเอาเวลาไปทำมาหากินอย่าเผือกเรื่องชาวบ้าน ทั้งที่ตนเองไม่ได้รู้มาตั้งแต่เริ่มต้น สุดท้ายโดนดำเนินคดีเสียเปล่า ตนพูดในฐานะอดีตเคยเป็นเพื่อนกัน เป็นห่วงกลัวติดคุก ส่วนที่เขาเองท้าต่อยตนผ่านรายการ มองเป็นคนที่เก็บอารมณ์ไม่อยู่ ขนาดเขาเดินยังจะลื่นล้มเลย เก็บแรงไว้"
ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ในฐานะทนายความของแม่แตงโม เปิดเผยกรณีเจ้าของ GPS เรือ ความเร็วที่ขึ้นลงจากระดับหนึ่งไปยังระดับหนึ่ง หรือความเร็วจากระดับสูงลดลงระดับ ไม่ใช่ความเร็วกระชากของเรือที่ทำให้แตงโมตกน้ำ ในส่วนนี้ข้อมูลดังกล่าวนั้นอยู่ในสำนวน แต่คำตอบที่ทางตำรวจเขาโฟกัสนั้นจะเน้นเรื่องความเป็นผลมาจากการกระทeด้วยความประมาทของใคร ซึ่งในส่วนนี้ทางตำรวจตอบได้อยู่แล้ว แต่เรื่องของรายละเอียดย่อยนั้น ต้องไปนำสืบในชั้นศาล
"ไม่จำเป็นต้องมาอธิบายว่ากระชากอย่างไร แต่ในสำนวนมีการอธิบายว่าความตายของแตงโม มีผลมาจากการประมาทของคนบนเรืออย่างไร ไม่จำเป็นต้องออกมาอธิบายตำแหน่งตรงไหน คนนั่งตรงไหน ฉี่หรือไม่ฉี่ คนที่วิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่ก็ไม่มีข้อมูล พูดไปโดยที่ไม่รู้ อิงแค่กระแส การสรุปสำนวนอาจจะพูดประเด็นหลักแค่การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นผลทำให้แตงโมตายอย่างไร ไม่จำเป็นต้องมาบอกรายละเอียดย่อย ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่มีผลต่อรูปคดี เช่นเดียวกับประเด็นความเร็วของเรือที่กระชาก ก่อนที่จะไปถึงสะพานพระราม 7 มีการเพิ่มและลดความเร็วเรือ ไม่ใช่เวลา และตำแหน่งที่ทำให้แตงโมตก ในส่วนนี้ก็ไม่สำคัญเช่นกัน เอาแค่โรเบิร์ต แซน ปอ กระติก ประมาทอย่างไรแค่นั้น" ทนายเดชา กล่าว
ถามว่าคดีจะพลิกหรือไม่ในวันแถลงสรุปสำนวน ส่วนนี้หากประชาชนจะสงสัยก็สามารถสงสัยได้ สิ่งเดียวที่ตำรวจต้องการคือสำนวนของคดีจะต้องไม่ทำให้ศาลสงสัย หากศาลสงสัยก็เท่ากับว่าคดีนั้นมีโอกาสยกฟ้อง หรือเท่ากับแพ้ ซึ่งการอธิบายรายละเอียดนั้นทางตำรวจจะต้องอธิบายกับทางศาลมากกว่าคนในโซเชียล "ย้อนถามว่าทำไมต้องไปอธิบายข้อสงสัยให้คนในโซเชียล เพราะเขาเองไม่ได้เป็นผู้เสียหาย หรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับคดี งั้นถ้าเป็นคดีอื่น ๆ หากสังคมสงสัยตำรวจเองจะต้องไปตอบและอธิบายทุกคนเลยหรือ"