จากกรณีเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 65 พ.ต.ท.รสิตา เณรพงษ์ สารวัตรเวรสถานีตำรวจภูธรบ่อไร่ ได้รับแจ้งเกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตที่บ้าน หมู่ 3 ต.บ่อพลอย อ.บ่อไร่ จ.ตราด ที่เกิดเหตุบริเวณหลังบ้าน พบศพผู้เสียชีวิตเป็นหญิง สภาพนอนคว่ำหน้าในท่าชันเข่า มีเลือดไหลนองเต็มพื้น และกำแพงบ้าน ลักษณะเป็นรอยมือ ทราบชื่อผู้เสียชีวิต นางนวลจันทร์ นาคบุตรสี อายุ 65 ปี
โดยมีนางนฤมล นาคบุตรสี อายุ 39 ปี ผู้เป็นบุตรสาว ยืนรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ด้วย แพทย์เวรจากโรงพยาบาลบ่อไร่ชันสูตรเบื้องต้นพบบาดแผลบริเวณศีรษะและหน้าอก แพทย์ยังไม่ระบุว่าบาดแผลเกิดจากอะไร ต้องนำศพส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลอีกครั้ง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง
วันที่ 24 เม.ย. 65 ทีมข่าวลงพื้นที่เกิดเหตุ พบบ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว เจ้าหน้าที่นำเชือกมากั้นพื้นที่เอาไว้ ภายในบ้านข้าวของกระจัดกระจาย ไม่มีประตูหลังบ้านและหน้าต่าง มีทางเข้าทางเดียวคือประตูหน้าบ้านซึ่งเป็นรั้วเหล็ก ข้างบ้านเป็นร้านขายไก่ทอดของผู้เสียชีวิต
ทีมข่าวลงพื้นที่มายังวัดบ่อไร่ อ.บ่อไร่ จ.ตราด พบกับนางสาวนฤมล นาคบุตรสี หรือ อุ๊ ลูกสาวของป้าต๋อย ได้นำศพป้าต๋อยมาทำพิธีรดน้ำศพ และสวดศพจำนวน 3 คืน เล่าว่า เมื่อวานตอนที่ตนไปพบศพแม่ตกใจมาก สภาพแม่นอนคว่ำหน้า เลือดกองเต็มพื้น มีแผลที่ศีรษะและหน้า จึงขอให้ตำรวจตรวจสอบเพราะเชื่อว่าแม่อาจถูกฆาตกรรม และให้ข้อมูลกับตำรวจไปว่าลุงชลออยู่กับแม่เป็นคนสุดท้าย
แต่ล่าสุดได้รับผลการชันสูตรศพจากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลแล้ว โดยสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการลื่นล้ม ศีรษะฟาดพื้นเสียชีวิต ทั้งนี้ ตนเองเสียใจที่เห็นว่าแม่เมาไม่ได้สติ แต่ก็ไม่ได้ดูแลในตอนนั้น และได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปทำธุระ จนกลับเข้ามาพบว่าแม่นอนเสียชีวิตเพราะว่าเมาสุรา
โดยสันนิษฐานว่าแม่น่าจะพยายามเดินไปเข้าห้องน้ำเพราะมืออีกข้างหนึ่งยังจับกางเกงอยู่ แต่พลาดท่าลื่นล้มหัวฟาดพื้นเสียชีวิตเสียก่อน สำหรับลุงชลอ ไม่ได้ติดใจเอาความอะไรแล้ว เพราะว่าเชื่อผลการชันสูตรศพจากแพทย์ ก็ต้องยอมรับว่าแม่ตนชอบดื่มยาดองและเมาอยู่เป็นประจำ และเคยลื่นล้มคางแตก แขนถลอกมาก่อนแล้ว
สำหรับการทำพิธีศพวันนี้ มีการทำพิธีกรรมเก่าแก่ให้ผู้เสียชีวิตคือการนำใบบอนคันมาใส่ปากผู้เสียชีวิต ซึ่งโบราณเชื่อว่าการนำมาใส่ปากผู้เสียชีวิตจะมีการโดนจิตโดนใจผู้ที่กระทำผิดถูกยอมพูดความจริง เป็นความเชื่อส่วนบุคคล
นายชลอ ฉิมพงษ์ อายุ 65 ปี แฟนผู้เสียชีวิต บอกว่า เมื่อวานนี้ตอนมาที่บ้านที่เกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. เจอกับลูกสาว ของผู้ตาย พอดีแต่ตอนนั้นลูกสาวของผู้ตายเดินเข้าไปภายในบ้านและไปต่อว่าผู้ตายว่าทำไมดื่มเหล้าเมาขนาดนี้ ตอนนั้นตนไม่กล้าเข้าบ้านก็เลยยืนรออยู่หน้าบ้าน มองผ่านประตูบ้านไปก็เห็นว่าผู้ตายนั่งเมาอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า ตอนนั้นยังมีชีวิตอยู่ แต่ข้าวของในบ้านกระจายอยู่ จนลูกสาวของผู้ตายออกไป ตนจึงเข้าไปเอาโทรทัศน์เพื่อนำไปซ่อม และไม่ได้คุยกับนางนวลจันท์เลย เพราะรู้ว่านางนวลจันทร์เมาก็จะนั่งกินแบบนั้น
จากนั้น ตนไปเรียกรถมาเอาโทรทัศน์ไป ตอนนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางนวลจันท์ก็ยังนั่งเมาอยู่ จนตนนำโทรทัศน์ไปซ่อม ก็เดินทางกลับบ้านที่ต่างอำเภอ ห่างกัน 25 กิโลเมตร สำหรับตนกับนางนวลจันทร์ชอบกันมาเป็น 10 ปี คอยดูแลกันอยู่ตลอดตนเป็นคนไปมาหาสู่ซื้อข้าวซื้อของมาให้นางนวลจันทร์ ไม่มีทางที่ตนจะทำร้ายนางนวลจันทร์อย่างแน่นอน เพราะนางนวลจันทร์ก็เป็นคนนิสัยดี ตนก็รัก
ส่วนกรณีที่ว่าทางครอบครัวนางนวลจันทร์สงสัยว่าตนเป็นคนทำ เพราะอยู่กับนางนวลจันทร์เป็นคนสุดท้าย ก็ให้เรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ให้ตำรวจเป็นคนตรวจสอบ เพราะตนให้ข้อมูลข้อเท็จจริงไปกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดแล้ว