กรณีพบศพหญิงวัย 61 ปี ในร่องสวนมะม่วง ห่างจากถนนสายคันคลองท่าเสด็จ-บางกุ้ง หมู่ 1 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ประมาณ 80 เมตร ทราบชื่อผู้เสียชีวิตภายหลังว่า นางสาวสุนี มีอาการป่วยจิตเวช พักอาศัยในพื้นที่เดียวกับจุดพบศพ ส่วนสภาพศพที่แก้มซ้ายมีบาดแผลลักษณะคล้ายถูกของมีคม 2 แผล ใต้คาง 1 แผล หลังหูด้านขวา 1 แผลมือซ้าย 1 แผล และด้านหลังบริเวณสะบักมีแผลถลอกคล้ายถูกครูดกับพื้นถนน แพทย์คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6-8 ชั่วโมง
ล่าสุดวันที่ 26 เม.ย.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านของผู้เสียชีวิต ในพื้นที่หมู่ 1 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สระแก้ว และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่เก็บหลักฐานเพิ่มเติมและเชิญตัวญาติ ๆ ที่อยู่บ้านติดกัน นั่นคือ นางสาวสุวรรณ ลัยนันท์ อายุ 58 ปี ไปสอบปากคำที่โรงพักเพื่อหาเบาะแสเพิ่มเติม
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกันไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปด้านในบริเวณบ้าน เนื่องจากเกรงว่าจะไปยุ่งหรือทำลายหลักฐานสำคัญ ทีมข่าวสังเกตเห็นว่าบางช่วงน้องสาวของผู้เสียชีวิตถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เมื่อถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจถามในบางประเด็น ในระหว่างทางที่เชิญตัวนางสาวสุวรรณ ไปโรงพักนั้น แวะให้ชี้จุดต่าง ๆ ที่ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้
ทั้งนี้ จุดดังกล่าวพบว่าเป็นริมคลองชลประทาน ห่างจากบ้านประมาณ 250 เมตร ห่างจากจุดพบศพประมาณ 800 เมตร ซึ่งจุดนี้นางสาวสุวรรณ บอกว่าหลังจากเจอผู้เสียชีวิต ในเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 25 เมษายน 65 ผู้เสียชีวิตเดินออกมาจากบ้านคนเดียว จึงถามว่าจะไปไหน ผู้เสียชีวิตบอกว่าจะไปซื้อน้ำ ก่อนจะซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ออกมาด้วยกัน กระทั่งนางสาวสุวรรณขี่รถมาถึงจุดพบศพ ผู้เสียชีวิตบอกให้จอดรถ เพื่อขอลงแต่ไม่ได้บอกว่าจะไปไหน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ พานางสาวสุวรรณ ไปชี้จุดพบศพบริเวณสวนมะม่วงห่างออกไปประมาณ 800 เมตร และห่างจากบ้านประมาณ 1.5 กม. แต่เนื่องจากยังไม่สามารถระบุได้ว่าสาเหตุการเสียชีวิตเป็นการถูกฆาตกรรม อุบัติเหตุ หรืออะไรกันแน่ จึงจำเป็นจะต้องกันสื่อมวลชนและกั้นพื้นไว้ เพื่อเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนตำรวจจะเชิญตัวนางสาวสุวรรณ ไปสอบปากคำที่โรงพัก
นางสาวธนิษฐา สุรินรัตน์ อายุ 25 ปี ลูกสาวของนางสาวสุวรรณ ที่เดินทางมาเฝ้าแม่สอบปากคำที่โรงพัก กล่าวว่า ปกติตนจะพักอาศัยอยู่ที่ กรุงเทพฯ และมาทราบข่าวเมื่อตอนเช้าที่ผ่านมา จึงรีบเดินทางกลับมาบ้าน แต่พอมาถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็อยู่ระหว่างสอบปากคำแม่ ทำให้ตนยังไม่มีโอกาสได้คุยกับแม่ หากถามว่าแม่กับผู้เสียชีวิตทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อยหรือไม่ ด้วยความที่ผู้เสียชีวิตเป็นผู้ป่วยทางจิตมามากกว่า 30 ปี
เพราะว่าในอดีตประสบอุบัติเหตุขณะเลี้ยงวัว แล้ววัวกระชากเชือกอย่างแรงทำให้หกล้มสมองกระทบกระเทือน แล้วพักหลังไม่ได้รับยาอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่มีเงินไปรับยา จึงทำให้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายสลับกันไปในแต่ละปี ช่วงไหนที่ดีก็สามารถคุยกับทุกคนได้ แต่ถ้าช่วงไหนที่ร้ายก็จะไม่ยุ่งกับใคร หากใครมาถามไถ่ก็จะด่าตะเพิด ปาข้าวของใส่ เดินไปเดินมาตามถนน ซึ่งช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่อารมณ์ไม่ค่อยดี เพราะล่าสุดที่ตนกลับมาบ้านช่วงกุมภาพันธ์ 65 เห็นว่าผู้ตายมีบ่นคนเดียวและปาข้าวของ เวลาที่ผู้ตายไปด่าชาวบ้าน แม่ของตนก็จะตักเตือนด้วยความเป็นห่วงและหวังดี
แต่แม่ของตนไม่ได้เครียดที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่กับผู้ตายซึ่งป่วยจิตเวช เพราะปกติแล้วก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้ดูแลเป็นการพิเศษอะไร เนื่องจากผู้ตายสามารถหาเงินเลี้ยงชีพได้ ด้วยการไปรับจ้างล้างจานตามงานศพในวัด เพราะฉะนั้น ตนยอมรับว่ารู้สึกงง ๆ เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น และเครียดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญแม่มาสอบปากคำ แต่อยากจะบอกกับดวงวิญญาณของผู้ตายว่า “เสียใจมากค่ะ”