จากกรณีการพบศพของ นางสาวสุนี ลัยนันท์ ยายป่วยจิตเวชวัย 61 ปี ภายในร่องสวนมะม่วง ห่างจากถนนสายคันคลองท่าเสด็จ-บางกุ้ง หมู่ 1 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ประมาณ 80 เมตร เมื่อเช้าของวันที่ 26 เม.ย. 65 โดยสภาพของศพหลายจุดคล้ายการถูกฆาตกรกรรมอำพราง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งคลี่ปม ด้วยการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ตายไปสอบปากคำ อาทิ น้องสาวและสามีใหม่เพื่อหาเบาะแส พร้อมกับรอผลตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ในการระบุตัวผู้ก่อเหตุครั้งนี้
ทีมข่าวได้รับวงจรปิด วันที่ 25 เม.ย. 65 เวลา 18.58 น. จับภาพ นางสาวสุวรรณ ขับ จยย. ผ่านโดยมี นางสาวสุนี ซ้อนท้ายไปด้วย ซึ่งในช่วงเวลานี้ นางสาวสุวรรณบอกว่าพาผู้ตายไปหาคนชื่อหมัด
เวลา 20.28 น. นางสาวสุวรรณ เดินมาจากบ้าน เพื่อมาหยิบน้ำที่หน้าบ้านของเพื่อนบ้าน ท่าทางดูปกติ ไม่ได้ดูรีบร้อนหรือกระวนกระวาย ซึ่งคาดว่าเป็นช่วงเวลาที่ไปส่งผู้ตายไว้ระหว่างทาง บริเวณริมคลองชลประทานห่างจากบ้าน 250 เมตร เรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด วันที่ 27 เม.ย. 65 เวลา 13.00 น. ทีมข่าวเดินทางไปยัง สภ.สระแก้ว จ.สุพรรณบุรี นางสาวสุวรรณ ลัยนันท์ อายุ 58 ปี น้องสาวของผู้ตาย หลังจากเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแต่ประมาณ 09.00 น. กล่าวว่า ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะถามเกี่ยวกับไทม์ไลน์การอยู่กับผู้ตายในวันสุดท้ายที่เจอกัน ช่วงประมาณ 18.00 น. ขณะที่ตนอยู่บ้าน ก็เห็นว่าผู้ตายอาบน้ำแต่งตัวชุดเดียวกับที่พบศพ และหยิบกระเป๋าใบเดียวกัน จากนั้นก็เดินมาบอกตนว่า “ไม่มีงานทำเลย จะออกไปหางาน”
ตนก็เลยอาสาพาไปส่งเพราะเห็นว่าเขาอารมณ์ดี พอผู้ตายซ้อยท้าย จยย. เขาก็พูดว่า “พาฉันไปบ้านตีนเป็ด ไปหาเพื่อนชื่อหมัด ที่เคยตัดอ้อยด้วยกัน” ซึ่งตนไม่รู้จักว่าเป็นใคร เพราะไม่เคยได้ยินชื่อ แต่ก็พาไปส่ง ระหว่างทางที่ขับไปเรื่อย ๆ ตนก็ถามว่าเมื่อก่อนมาที่ตีนเป็ดอย่างไร ผู้ตายก็เล่าว่าปั่นจักรยานมา เหมือนคุยไปเรื่อย แล้วพอใกล้จะเข้าหมู่บ้านตีนเป็ดซึ่งอยู่ต่างอำเภอ ตนก็ถามว่าจะให้ส่งตรงไหน แต่ผู้ตายเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง บวกกับตนตั้งใจจะไปธุระต่อด้วยก็เลยเปลี่ยนใจพาผู้ตายกลับมาบ้าน พอมาถึงบ้าน ผู้ตายก็บอกว่าจะเข้าห้องน้ำ ส่วนตนก็จะออกไปยืมเงินญาติมาเสียค่าไฟ แต่ผู้ตายบอกให้รอ เพราะจะออกไปซื้อน้ำกินด้วย ตนก็รอ
ต่อมาช่วงประมาณ 19.00-20.00 น. ผู้ตายก็กระโดดขึ้นซ้อนท้ายรถ จยย. ของตนไป พอขับไปถึงริมคลองชลประทานห่างจากบ้านประมาณ 250 เมตร ห่างจากจุดพบศพประมาณ 800 เมตร ผู้ตายบอกให้ตนจอดรถ ตนก็ถามว่าจอดทำไม ผู้ตายบอกว่า “มึงจอดเหอะอีเหี้- กูไปเอง” ตนก็งง อารมณ์เขาเริ่มเปลี่ยนแล้ว ตนจึงปล่อยให้ลงตรงนั้น แล้วตนก็ไปบ้านญาติ แต่ระหว่างทางนึกขึ้นได้ว่าลืมบิลค่าไฟ จึงเปลี่ยนเป็นไปบ้านของสามีใหม่หรือ นายสั๊วะ แทน แล้วก็พากันกลับบ้าน
เวลาประมาณ 14.00 น. ด้านของญาติคนอื่น ๆ รวมถึง นางเล็ก อายุ 52 ปี น้องสาวอีกคนของผู้ตาย และเป็นพี่สาวของนางสาวสุวรรณเดินทางมาจาก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เข้ามาที่โรงพัก แล้วก็เข้ามากอดนางสาวสุวรรณด้วยความเป็นห่วง ทั้งเรื่องคดีและเรื่องของความรู้สึก ทำให้ทั้งคู่พรั่งพรูน้ำตาออกมาขณะสวมกอด
ในขณะเดียวกัน นางเล็ก ยอมรับว่าในบรรดาเหล่าพี่น้อง 6 คน ผู้ตายเป็นคนที่ 2 นางสาวสุวรรณ เป็นคนที่ 3 และตัวเองเป็นคนที่ 5 ซึ่งตกลงกันแล้วว่าให้นางสาวสุวรรณเป็นคนดูแลผู้ตาย ซึ่งป่วยจิตเวช เนื่องจากคนอื่นออกไปทำงานที่ กทม. และตนยืนยันทั้ง 2 คนรักกันมาก ป่วยก็หายาให้กิน ขนาดตนชวนนางสาวสุวรรณไปอยู่ด้วยกันที่ จ.กาญจนบุรี เขายังไม่ไปเลย เพราะเป็นห่วงผู้ตาย กลัวว่าจะไม่มีคนดูแล แล้วปกติทุกเช้าและบ่ายตนจะต้องโทรมาคุยกับนางสาวสุวรรณเพื่อถามไถ่ทั้ง 2 คนว่าสบายดีไหม เพราะพี่น้องทุกคนรักกันมากจริง ๆ
ส่วนอีกประเด็นทีมข่าวได้รับข้อมูลจากชาวบ้านมา ซึ่งหลายคนหวั่นว่านี่จะกลายเป็นปมของการเสียชีวิต คือในอดีตด้านของนางสาวสุวรรณได้ทำประกันกองทุนฌาปนกิจศพของหมู่บ้านไว้ให้กับนางสาวสุนี โดยระบุผู้รับชื่อผู้รับเงินเป็นชื่อของตัวเอง นั่นหมายความว่าเมื่อนางสาวสุนีเสียชีวิตไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่ นางสาวสุวรรณจะได้เงินในส่วนนี้จำนวน 160,000 บาท
เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะพี่น้องตกลงกันว่าจะทำประกันนี้ให้กับผู้ตาย เนื่องจากเขาไม่มีสามีและลูก หากเกิดเสียชีวิตขึ้นมาจะลำบาก และผู้ตายเองก็เป็นคนยินยอมตกลงทำเองด้วย ดังนั้นเขาจะรับรู้ตั้งแต่แรกว่ามีประกันส่วนนี้อยู่ เนื่องจากเขาเคยพูดว่า “ถ้าพี่ตาย พวกเอ็งก็เอาเงินส่วนนี้ไปทำศพ ไม่ต้องเสียเงิน เหลือเท่าไหร่ก็เอาไปใช้จ่ายกันนะ”
ทั้งนี้ ผู้ตายไม่เคยมีปัญหากับใคร ไม่เคยมีคู่อริ แต่ด้วยอาการของเขาที่ป่วยจิต และไม่มีเงินไปรับยาต่อเนื่อง ทำให้อาการกำเริบรุนแรง จึงเห็นว่าอารมณ์จะเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ใครทักก็ด่าเขาไปทั่ว ชอบออกไปเดินตามถนนกลางค่ำกลางคืน ถามว่าตอนนี้ครอบครัวพุ่งเป้าสาเหตุการเสียชีวิตไปที่อะไร ตนติดใจว่าฆาตรกรอาจจะเป็นคนนอก แต่ไม่รู้ว่าใคร ไม่มีใครในใจ เพราะอย่างที่บอกว่าผู้ตายป่วยจิตเวช เขาอาจจะเดินไปไหนต่อไหน ทั้งกลางวันกลางคืน ไม่มีใครรู้ แล้วอาจจะไปเผลอด่าใครไว้ จนทำให้ไม่พอใจก็ได้
สุดท้าย อยากจะบอกผู้ก่อเหตุตัวจริงที่อาจจะมีโอกาสได้ดูข่าวนี้ผ่านอมรินทร์ทีวีด้วยว่า "ออกมาปรากฏตัวซะ ยอมรับซะ คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร ทำเพราะเหตุใด ทำไมถึงทำกับผู้หญิงแบบนี้ได้ คุณมีหัวใจแบบไหน อยากถามว่าหัวใจของคุณเป็นมนุษย์หรือเปล่า คุณเอาหัวใจสัตว์ตัวไหนเข้าไปอยู่ คุณถึงได้ทำแบบนี้ ถ้าคุณเอาหัวใจสัตว์ชนิดไหนเข้าไปใส่อยู่ในหัวใจของคุณ ก็ถือว่าคุณไม่ใช่มนุษย์ แต่ถ้าคุณเป็นมนุษย์คุณต้องมีจิตใจที่เป็นมนุษย์ ที่มีจิตเมตตากรุณาทุกคน คุณจะไม่โหดร้ายกับผู้หญิงแบบนี้ คุณทำไปเพื่ออะไร อยากให้ออกมาพูดว่าคุณทำไปเพื่ออะไร พี่สาวฉันไปทำอะไรคุณ ไปทำอะไรให้คุณแค้น ออกมาสารภาพ มามอบตัว แต่ไม่ขอตอบว่าจะอโหสิกรรมให้หรือไม่"