จากกรณีเพจ “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 2” ได้โพสต์น้องชายติดใจการตายปริศนาของพี่ชายภายในโรงแรมย่านบางนา-ตราด สรุประบุใจความว่า พี่ชายผมได้นัดเพื่อนสาวคนสนิทมาเปิดห้องพักโรงแรมในซอยบางนา-ตราด 30 โดยเพื่อนสาวได้ให้การเบื้องต้นว่า พี่ชายผมเมานอนหลับ นอนกรน ปลุกไม่ตื่นตั้งแต่ตอนกลางคืน จนประมาณเที่ยงบ่าย จนเริ่มรู้สึกว่าพี่ชายผมอาการแย่ อาการไม่ดีตอนเที่ยง-ถึงบ่ายสอง จึงได้ลงไปตามหาคนมาช่วย
ทางครอบครัวของผู้ตายจึงตั้งข้อสงสัยว่าทำไมไม่แจ้งโรงแรมหรือโทรเรียกกู้ภัย หรือรถพยาบาล ซึ่งปากซอยของโรงแรมเป็นโรงพยาบาลบางนา 1 ห่างจากโรงแรมเพียง 300 เมตร เพราะจากสภาพศพ ทั้งอาเจียน มีเลือดปน นอกจากนี้ เพื่อนสาวยังบอกด้วยว่าได้ตามผู้ชายคนหนึ่งขึ้นมาช่วยดูอาการ แต่ทำไม่ไม่ให้การช่วยเหลือ
ผลชันสูตรเบื้องต้น แพทย์แจ้งว่าเสียชีวิตด้วยภาวะสมองบวมและกะโหลกร้าว จึงสงสัยว่าพี่ชายอาจโดนวางยา และโดนทำร้ายรุนแรง ทำให้เสียชีวิต อีกทั้งเงินสดของพี่ชายยังหายไปเกือบ 20,000 บาท
ส่วนทางร้อยเวรสอบสวนเจ้าของคดีบอกว่า ต้องรอผลชันสูตรโดยระเอียดออกมาก่อน ขอให้รอ 30-45 วัน ถึงจะสามารถติดตามคนต้องสงสัยมาสอบเพิ่มเติมได้ กังวลใจว่าถ้ารอนาน พยานหลักฐาน พยานแวดล้อมต่าง ๆ จะติดตามยากขึ้น เช่น ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด จึงได้ขอความช่วยเหลือสื่อให้ช่วยติดตามเคสการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำนี้
นายฐานุพงศ์ วงวิทยนนท์ อายุ 43 ปี น้องชายของผู้ตาย บอกว่า ในวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ตนเดินทางไปยังที่เกิดเหตุในเวลาประมาณ 15.25 น. เนื่องจากได้รับแจ้งว่าพี่ชายเสียชีวิต เมื่อเดินทางไปถึงพบว่าพี่ชายอยู่กับหญิงสาวคนสนิทตั้งแต่กลางดึกของคืน 23 เมษายน ซึ่งทั้งคู่คบหากันมาได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว
เบื้องต้น จากการที่ตนได้พูดคุยกับสาวคนสนิทของพี่สาว ทราบว่า ก่อนจะเสียชีวิตพี่ชายของตนได้อาเจียนและนอนกรนตั้งแต่เวลา 05.00 น. โดยลำดับเหตุการณ์มีดังนี้ 23 เมษายน 2565 เวลา 23.30 น. ผู้ตายเปิดห้องพักกับสาวคนสนิท ย่านบางนา-ตราด 30 พร้อมดื่มสังสรรค์ แต่ฝ่ายหญิงไม่ได้ดื่ม, 24 เมษายน 2565 เวลา 05.30 น. สาวคนสนิทถ่ายรูปผู้ตายขณะที่นอนเมาหมดสติ หลังอาเจียนและนอนกรน, เวลา 10.05 น. สาวคนสนิทถ่ายคลิปผู้ตายขณะกำลังนอน โดยมือของผู้ตายยังคงขยับได้ เวลา 12.00 น. สาวคนสนิทอ้างว่าผู้ตายยังมีชีวิต แต่ปลุกไม่ตื่น จึงเดินไปตามนายพจน์ ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณโกดังติดกับโรงแรมให้มาช่วย โดยนายพจน์เป็นก๊วนวงเหล้าของผู้ตาย, เวลา 12.00-13.00 น. นายพจน์นั่งเฝ้าผู้ตายกับหญิงสาวคนสนิทของผู้ตาย
เวลา 13.00 น. นายพจน์เดินทางกลับโกดัง, เวลา 13.00-14.00 น. สาวคนสนิทอยู่กับผู้ตายตามลำพัง, เวลา 14.23 น. สาวคนสนิทของผู้ตายโทรหานายไวยกรณ์ รปภ.ที่รู้จักกันกับผู้ตายให้มาดูอาการของผู้ตาย, เวลา 15.00 น. นายไวย์กรณ์ รปภ. เดินทางมาถึงห้องโรงแรมที่เกิดเหตุ พบผู้ตายเลือดออกปากออกจมูก จึงแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยและน้องชายของผู้ตาย แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้, เวลา 15.25 น. น้องชายของผู้ตายเดินทางไปถึงโรงแรมที่เกิดเหตุ พบผู้ตายสวมใส่กางเกงในตัวเอง ใบหน้าเขียวช้ำ เล็บคล้ำ ศพสภาพเริ่มแข็ง ไม่มีบาดแผลภายนอกร่างกาย พบรอยอาเจียนตามผ้าและหมอน
สิ่งที่ตนสงสัย เนื่องจากพี่ชายของตนอาเจียนหนักทำไมไม่นำตัวส่งโรงพยาบาล ทำไมสาวคนสนิทของพี่ชายไม่แจ้งทางโรงแรมให้ช่วยเหลือ ทำไมจึงเลือกที่จะเรียกนายพจน์และ รปภ.คนรู้จักให้มาช่วยเหลือ อีกทั้งเมื่อตนเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ ร่างของพี่ชายตนนั้นเริ่มเขียวและแข็งแล้ว เท่ากับหมายความว่าพี่ชาวของตนเสียชีวิตมาหลายชั่วโมงแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่าพี่ชายของตนกดเงินสดออกมาจำนวน 14,000 บาท แต่ขณะนี้เงินหายไป แต่ไม่แน่ใจว่าชายนำไปซื้อสุราก่อนเกิดเหตุหรือไม่ การที่ตนออกมาร้องสื่อในวันนี้ เนื่องจากตนร้อนใจ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งให้ตนรอผลชันสูตรอย่างละเอียดของพี่ชายซึ่งต้องรอประมาณ 30-45 วัน โดยตนเกรงว่าอาจจะช้าเกินไปจนทำให้หลักฐานต่าง ๆ นั้นหายไป เช่น กล้องวงจรปิดของทางโรงแรม
นายพจน์ จันชุรัตน์ อายุ 45 ปี เพื่อนของผู้ตาย คนที่ขึ้นไปยังที่เกิดเหตุในเวลา 12.00-13.00 น. ซึ่งอาศัยอยู่ที่โกดังข้างโรงแรม เปิดใจว่า ตนรู้จักกันคนตาย เนื่องจากผู้ตายมาพักโรงแรมแห่งนี้บ่อย และได้มานั่งดื่มสุรากับตนที่ข้างโรงแรมเป็นประจำ โดยตนเคยเจอหน้าหญิงสาวคนสนิทของผู้ตายเพียง 2 ครั้ง โดยในวันเกิดเหตุ สาวคนสนิทของผู้ตายได้มาตามตนให้ขึ้นไปดูแลผู้ตาย เนื่องจากผู้ตายมึนเมาปลุกไม่ตื่น ซึ่งในขณะนั้นตนได้ช่วยทำความสะอาดห้องที่เกิดเหตุ เพราะผู้ตายกระสับกระส่ายแล้วอาเจียนออกมา
ทั้งนี้ ตนขอยืนยันความบริสุทธิ์ใจ โดยในเวลาที่ตนเข้าไปที่เกิดเหตุ 12.00-13.00 น. ขณะนั้นผู้ตายยังไม่เสียชีวิต โดยรวมยังดูปกติดี ตนจึงไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนไม่คาดคิดว่าผู้ตายจะเสียชีวิต ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์จะกลายเป็นเช่นนี้ อย่างไรก็ตามผู้ตายเป็นคนดื่มสุราหนัก ตนจึงคิดว่าการเสียชีวิตของผู้ตายน่าจะเกี่ยวกับสุราหรือไม่
นางสาวอ้วน (นามสมมติ) สาวคนสนิทของนายบุญร่วม บอกว่า ในคืนวันที่ 23 เมษายน เวลาประมาณ 21.00 น. ผู้ตายได้โทรให้ตนออกมาหา โดยผู้ตายพูดเป็นลางว่า “ถ้าอ้วนไม่ออกมาหาป๊า อ้วนจะไม่ได้เจอป๊าแล้วนะ” ตนจึงนั่งแท็กซี่มาหาผู้ตายที่โรงแรม ซึ่งเมื่อตนเดินทางมาถึงโรงแรมในเวลา 23.17 น. ผู้ตายได้ซื้อข้าวกะเพราะและข้าวไข่เจียวเตรียมไว้ให้ตน โดยทางผู้ตายนั้นไม่ค่อยได้กิน แต่ผู้ตายดื่มสุรา 1 แบน ซึ่งผู้ตายเมาหนักมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว จากนั้นก่อนนอน ตนก็ได้มีเพศสัมพันธ์กับผู้ตาย แต่ตนไม่ทราบว่าผู้ตายกินยาเพิ่มพลังชายหรือไม่ เนื่องจากผู้ตายอ้างว่าสุขภาพทางเพศแข็งแรง
กระทั่งเวลา 04.00 น. ตนต้องตื่นเพื่อเดินทางกลับ ตนจึงปลุกผู้ตาย แต่ผู้ตายไม่ตื่น โดยผู้ตายเพียงส่งเสียง “ฮือ” ดังออกมาจากคอ ตนจึงตัดสินใจไม่ไปทำงานและยอมโดนไล่ออก เนื่องจากเป็นห่วงผู้ตาย และห่วงทรัพย์สินของผู้ตาย ได้แก่ สร้อยทอง กำไลทอง แหวนทอง นาฒิกา แต่ไม่ทราบน้ำหนัก จนเวลาประมาณ 07.00 น. ตนได้ลงไปสอบถามคนในโกดังข้างโรงแรม คนในโกดังบอกว่าก่อนที่ผู้ตายจะขึ้นโรงแรม ก็ได้แวะดื่มสุราที่โกดัง แต่ไม่ได้ดื่มมา ต่อมาในเวลาประมาณ 12.00 น. ตนก็ได้ลงไปที่โกดังข้างโรมแรมอีกครั้ง เพื่อขอความช่วยเหลือจากนายพจน์ คนสนิทของผู้ตาย ให้ช่วยมาดูแลผู้ตาย สวนตนนั้นขอนอนงีบหลับ เนื่องจากปวดหัว เพราะเฝ้าผู้ตายมาทั้งคืน
ตนขอแสดงความบริสุทธิ์ใจ ตนไม่คาดคิดว่าผู้ตายจะเสียชีวิต เนื่องจากก่อนผู้ตายจะสำลักออกมาก่อนสิ้นใจ ผู้ตายนอนนิ่งกรนไม่มีอาการผิดสังเกต ทั้งนี้ ผู้ตายบอกกับตนว่าหย่ากับภรรยาแล้ว โดยตนจริงจังในความสัมพันธ์กับผู้ตาย ซึ่งผู้ตายได้พาตนไปพบแม่เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา อีกทั้งตนยังได้พาผู้ตายเดินทางไปพบกับครอบครัวของตนแล้วเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยผู้ตายได้พูดเป็นลางว่า “ผมตั้งใจจะมาไหว้แม่ก่อนตาย” โดยที่น้องชายของผู้ตายสงสัยว่าเงินของผู้ตายหายนั้น ตนไม่ทราบ เพราะตนได้รับเงินมาจากผู้ตายเพียง 800 บาท ซึ่งเป็นค่ารถแท็กซี่ที่นั่งมาหาผู้ตาย