"หมอธีระ" เผยข้อมูล โควิดไทยเมื่อวานนี้ (15 พ.ค.65) เสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของเอเชียแนะ "หน้ากากอนามัย" คือหัวใจสำคัญ
วันนี้( 16 พ.ค.65) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด ผ่านทางเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat โดยระบุว่า
"16 พฤษภาคม 2565...
ทะลุ 521 ล้านไปแล้ว
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 310,275 คน ตายเพิ่ม 532 คน รวมแล้วติดไปรวม 521,144,746 คน เสียชีวิตรวม 6,288,226 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ไต้หวัน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อิตาลี และเกาหลีใต้
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 6 ใน 10 อันดับแรก และ 13 ใน 20 อันดับแรกของโลก
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 71.72 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 76.31
การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 49.25 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 35.15
...สถานการณ์ระบาดของไทย
จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก และอันดับ 4 ของเอเชีย
ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย ถึงแม้กระทรวงสาธารณสุขจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.เป็นต้นมาจนทำให้จำนวนเสียชีวิตที่รายงานนั้นลดลงก็ตาม ทั้งนี้จำนวนเสียชีวิตของไทยเมื่อวานนั้นคิดเป็น 27.27% ของการเสียชีวิตทั้งหมดที่รายงานของทวีปเอเชีย
...เปรียบเทียบเรื่องการเสียชีวิต
ณ ปัจจุบัน จำนวนเสียชีวิตรายวันต่อประชากรล้านคนของไทยเรานั้น ยังมีอัตราเฉลี่ยรอบสัปดาห์ (7 days rolling average) ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลกและทวีปเอเชีย และหากเทียบกับกลุ่มประเทศ upper middle income แล้ว เรายังสูงกว่า อัตราการเสียชีวิตส่วนเกินจากทุกสาเหตุ (excess mortality rate) ณ 1 พฤษภาคม 2565 เปรียบเทียบกับปีก่อนหน้ามีการระบาด จะพบว่ายังสูงถึง 21%
...การอยู่ร่วมกับโรค COVID-19
1. ควรอยู่อย่างรู้เท่าทัน ใช้ความรู้ที่ถูกต้องเพื่อตัดสินใจประพฤติปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม เพื่อให้ตนเองและครอบครัวมีสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิต
2. ประเมินความเสี่ยงในการใช้ชีวิต เลือกรับความเสี่ยงที่อยู่ในวิสัยที่ตนเองรับได้และจัดการได้ โดยไม่สร้างความเดือดร้อนแก่คนใกล้ชิด และคนอื่นในสังคม
3. ไม่หลงงมงาย แสร้งว่าสงครามโรคจบแล้ว ทั้งที่ไม่จบ
4. ไม่ว่าพื้นที่ใด ที่ไม่สามารถจัดการควบคุมป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ย่อมส่งผลให้มีการระบาดที่รุนแรง ยาวนาน กระจายทั่วไปจนจับต้นชนปลาย หาต้นเหตุได้ยากนั้น สะท้อนถึงการที่พื้นที่ต่างๆ เป็นแดนดงโรค เป็นพื้นที่โรคชุกชุม ประจำถิ่นไปโดยปริยายแล้ว หาทางกำจัดออกไปได้ยาก
5. โรคประจำถิ่น ไม่ได้แปลว่าไม่อันตราย ไม่รุนแรง หรือกลายเป็นหวัดธรรมดา มีมากมายหลายโรคที่ประจำถิ่นทั่วโลก แต่ทำให้ป่วยหนัก เสียชีวิตได้มาก
"Please choose prudently to live with certain risks, but do not pretend the threat is gone" เลือกดำรงชีวิตอย่างรู้เท่าทัน แต่อย่าเสแสร้งทำเป็นหลอกตัวเองว่าปลอดภัยไร้กังวล
...ส่วนตัวแล้ว แนะนำว่าการใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ คือหัวใจสำคัญในการประคับประคองให้อยู่รอด ลดความเสี่ยงในการดำรงชีวิตประจำวัน จนกว่าสถานการณ์ทั่วโลกจะดีขึ้น
โควิด...ไม่จบแค่หาย แต่ป่วยได้ ตายได้ และเสี่ยงต่อภาวะผิดปกติระยะยาวอย่าง Long COVID ได้"