จากกรณีที่ นายวชิระ อริยะพงษ์กรณ์ อายุ 41 ปี พนักงานร้านจำหน่ายอาหารสัตว์ ออกมาขอความเป็นธรรม หลังนำเงินสดของนายจ้าง จำนวน 8 หมื่นบาทไปเข้าบัญชี ซึ่งได้ตรวจนับต่อหน้าเจ้านายแล้ว แต่เมื่อนำไปฝากที่ธนาคารพนักงานกลับออกสลิปรายการรับฝากให้แค่ 4 หมื่นบาท ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าพนักงานแยกเงินออกเป็น 2 ส่วน แล้วนำไปเข้าเครื่องนับเพียงส่วนเดียว แล้วเก็บอีกส่วนเข้าลิ้นชักโดยไม่มีการตรวจนับ
ล่าสุด 23 มิถุนายน 2560 เวลา 18.40 น.
นายวชิระ อริยะพงษ์กรณ์ ออกมาเปิดเผยผ่าน
รายการต่างคนต่างคิด ว่าเมื่อวันที่ 27 เมษายน นายจ้างได้นำเงินสด 8 หมื่นบาท ให้เข้าบัญชีธนาคารตามปกติ และตนก็นับเงินเรียบร้อย จากนั้นจึงนำเงินไปฝากธนาคาร พร้อมส่งเงินให้ตรวจนับ และออกสลิป ตอนนั้นตนก็ไม่ได้ตรวจสอบอะไร
ภาพกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกได้ขณะที่ลูกจ้างฝากเงิน
นายวชิระ เปิดเผยต่อว่า ขณะนี้ต้องการขอความเป็นธรรม เพราะขณะนี้เจ้าของร้านได้สั่งให้หยุดพักงาน เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ตนก็พยายามไปแจ้งความแต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่รับแจ้ง เพราะทางเจ้าหน้าที่บอกว่าจะแจ้งข้อหาใดกับทางธนาคาร พร้อมยอมรับว่าตัวเองก็ผิดที่ไม่ยอมตรวจดูให้ดีเสียก่อน จนนำไปสู่การร้องเรียนศูนย์ดำรงค์ธรรม
สายสุนีย์ เจ้าของร้านอาหารสัตว์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายน ตนก็นำเงินไปฝากที่ธนาคาร จำนวนเงิน 110,000 บาท อีกครู่หนึ่ง ผู้จัดการก็มาบอกว่า เด็กเขียนจำนวนเงินผิด สุดท้าย ด้านพนักงานยอมรับว่าผิดพลาด จึงแก้ไขให้ ตนจึงไม่มั่นใจการทำงาน และนำเอกสารฉบับอื่นมาตรวจสอบพบว่า วันที่ 27 เมษายน มียอดเขียนฝากกับลงบันทึกฝากไม่ตรงกัน จึงขอดูกล้องวงจรปิด พบว่าเจ้าหน้าที่แบ่งเงินเป็น 2 กอง กองแรกใส่เครื่องตรวจนับ อีกกองใส่ลิ้นชักโดยไม่ได้นับ
พอสอบถามทางธนาคารว่าทำไมไม่แย้งต่อหน้าว่าเงินมีเพียง 4 หมื่น แต่ได้รับคำตอบว่าตนสะเพร่า เป็นการตรวจนับด้วยสายตา สุดท้ายนี้ตนไม่อยากเเจ้งความกับทางลูกจ้างตน แต่แค่ให้ลูกจ้างเตรียมหางานอื่น
นิติธร แก้วโต ทนายความ เปิดเผยว่า ตนเเปลกใจในการตรวจนับเงินของทางธนาคาร เพราะในความเป็นจริงแล้วทางธนาคารต้องนำเงินทั้งหมดเข้าเครื่องตรวจเพื่อเป็นการตรวจสอบแบงค์ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม เพราะหากจำนวนเงินไม่ครบหรือมีเงินปลอมเข้ามา ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ และไม่สามารถตรวจสอบธนบัตรด้วยสายตาได้ ทางพนักงานธนาคารไม่ควรที่จะพลาด และคิดว่าน่าจะมีสิ่งที่ผิดปกติ และอาจเป็นข้อหาการลักทรัพย์ เป็นอาญาแผ่นดินไม่สามารถยอมความได้ และยิ่งลักทรัพย์เงินนายจ้างต้องรับโทษหนักขึ้น
ล่าสุด 23 มิถุนายน 2560 เวลา 18.40 น. นายวชิระ อริยะพงษ์กรณ์ ออกมาเปิดเผยผ่านรายการต่างคนต่างคิด ว่าเมื่อวันที่ 27 เมษายน นายจ้างได้นำเงินสด 8 หมื่นบาท ให้เข้าบัญชีธนาคารตามปกติ และตนก็นับเงินเรียบร้อย จากนั้นจึงนำเงินไปฝากธนาคาร พร้อมส่งเงินให้ตรวจนับ และออกสลิป ตอนนั้นตนก็ไม่ได้ตรวจสอบอะไร
สายสุนีย์ เจ้าของร้านอาหารสัตว์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายน ตนก็นำเงินไปฝากที่ธนาคาร จำนวนเงิน 110,000 บาท อีกครู่หนึ่ง ผู้จัดการก็มาบอกว่า เด็กเขียนจำนวนเงินผิด สุดท้าย ด้านพนักงานยอมรับว่าผิดพลาด จึงแก้ไขให้ ตนจึงไม่มั่นใจการทำงาน และนำเอกสารฉบับอื่นมาตรวจสอบพบว่า วันที่ 27 เมษายน มียอดเขียนฝากกับลงบันทึกฝากไม่ตรงกัน จึงขอดูกล้องวงจรปิด พบว่าเจ้าหน้าที่แบ่งเงินเป็น 2 กอง กองแรกใส่เครื่องตรวจนับ อีกกองใส่ลิ้นชักโดยไม่ได้นับ
พอสอบถามทางธนาคารว่าทำไมไม่แย้งต่อหน้าว่าเงินมีเพียง 4 หมื่น แต่ได้รับคำตอบว่าตนสะเพร่า เป็นการตรวจนับด้วยสายตา สุดท้ายนี้ตนไม่อยากเเจ้งความกับทางลูกจ้างตน แต่แค่ให้ลูกจ้างเตรียมหางานอื่น
นิติธร แก้วโต ทนายความ เปิดเผยว่า ตนเเปลกใจในการตรวจนับเงินของทางธนาคาร เพราะในความเป็นจริงแล้วทางธนาคารต้องนำเงินทั้งหมดเข้าเครื่องตรวจเพื่อเป็นการตรวจสอบแบงค์ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม เพราะหากจำนวนเงินไม่ครบหรือมีเงินปลอมเข้ามา ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ และไม่สามารถตรวจสอบธนบัตรด้วยสายตาได้ ทางพนักงานธนาคารไม่ควรที่จะพลาด และคิดว่าน่าจะมีสิ่งที่ผิดปกติ และอาจเป็นข้อหาการลักทรัพย์ เป็นอาญาแผ่นดินไม่สามารถยอมความได้ และยิ่งลักทรัพย์เงินนายจ้างต้องรับโทษหนักขึ้น
