หนังเหนียว! ศพตายร่วมเดือนรอยสักยันต์ไม่เน่า สัปเหร่อใช้มีดหมอล้างอาคม (คลิป)

เมื่อวันที่ 20 ก.ค.65 ตำรวต สภ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านหมู่ 12 ต.ห้วงโป่ง อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี ว่ามีผู้พบซากศพคนผูกคอตาย บริเวณชายป่าริมถนนพหลโยธิน ใกล้ตู้ยาม ต.ห้วยโป่ง ประมาณ 200 เมตร

ที่เกิดเหตุพบซากศพมีกลิ่นเน่าเหม็น เหลือแต่โครงกระดูก เนื้อแห้งกรัง ลำคอมีเชือกผูกโยงกับต้นไม้ กระดูกขาแขนเรี่ยพื้นดิน สภาพซากศพชิ้นส่วนเริ่มหลุดลุ่ย พบรองเท้าหุ้มข้อสีดำ 1 คู่ เสื้อยืดแขนสั้นสีเขียวขี้ม้า 1 ตัว สุราครึ่งขวด จึงได้เก็บรวบรวมไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ได้ให้เจ้าหน้าที่แก้เชือก นำร่างลงมาเพื่อชันสูตรพลิกศพโดยละเอียด

พบว่าชิ้นส่วนอวัยวะร่างกายย่อยสลายไปหมด เหลือแต่ผิวหนังด้านหลังที่ไม่เน่าเปื่อย มีอักขระจากการสักยันต์บนแผ่นหลังชัดเจน เนื้อส่วนสักยันต์ยังนุ่ม เจ้าหน้าที่ได้นำไปชันสูตรที่ รพ.โคกสำโรง การตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นทราบชื่อคนตายในเวลาต่อมา คือ นายอนงค์ คุ้มดี อายุ 55 ปี ซึ่งหายออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 65

ล่าสุด วันนี้ 21 ก.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังจุดพบ เป็นโพรงหญ้าพื้นที่รกร้าง ใกล้กับถนนพหลโยธิน จาก อ.บ้านหมี่ มุ่งหน้า อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี โดยถนนสายดังกล่าวเป็นถนนก่อนเข้าหมู่บ้าน สังเกตว่าซ้ายมือจะมีลักษณะทางเดินเข้าไปได้ แต่ไม่สามารถที่จะขับรถสี่ล้อเข้าไปได้ เพราะเป็นทางสำหรับเลี้ยงวัวควายของชาวบ้าน เข้าไปสำหรับเก็บพืชผักไปทำกิน

จากบริเวณปากทางที่ใกล้กับถนนพหลโยธิน เดินเข้าไปจนกระทั่งจนถึงจุดที่พบศพ มีระยะทางประมาณ 50 เมตร เป็นลักษณะต้นหญ้ารกสูง หากไม่สังเกตให้ดีก็อาจจะมองไม่เห็น ที่เกิดเหตุเป็นกิ่งไม้ยื่นออกมา มีเนินดินลาดชัน ก่อนจุดที่จะพบศพพมีต้นหญ้ารกทึบ

นายสำเลา น้อยเจริญ อายุ 50 ปี คนเจอศพคนแรก เผยว่า ตนเองมีอาชีพเป็นคนเลี้ยงวัวและควายในพื้นที่ ช่วงปลายเดือน มิ.ย. ตนเองไปที่พงหญ้าริมทางดังกล่าว เป็นการพาวัวควายไปกินหญ้าตามปกติ เมื่อไปถึงปรากฏว่า จอรถมอเตอร์ไซค์สีเขียว จอดเสียบกุญแจทิ้งเอาไว้ ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นของใคร จึงไม่ได้เข้าไปยุ่ง คิดว่าเจ้าของคงลืมถอดออก และเข้าใจว่าเป็นรถของชาวบ้านในพื้นที่ที่มาหาของป่า หรือตกปลา วันรุ่งขึ้นตนเองเดอนทางพาวัวควายไปเลี้ยงที่เดิม รถก็ยังจออยู่ ตนเองจึงได้ประสานไปยังผู้ใหญ่บ้านและให้แจ้งกับตำรวจ เพื่อให้ยกรถคันดังกล่าวไปเก็บเอาไว้ กลัวว่าจะมีคนลืม กลัวว่ารถจะหาย

หลังจากนั้น ตนเองก็เดินทางไปที่ดังกล่าวทุกวันเพื่อไปเลี้ยงวัวควาย พยายามตามหาว่าใครคือเจ้าของ และก็คิดเอะใจว่าจะมีคนมาก่อเหตุฆ่าตัวตายหรือไม่ จึงได้ตัดสินใจตามหารอบจุดที่เจอรถ ได้กลิ่นเหม็นโชยมาเป็นระยะ กระทั่งเมื่อวานนี้ก็ได้ไปช่วยกันตามหาอีกครั้ง ออกไปพร้อมกับเพื่อน ๆ ซึ่งไปเจอคนผูกคอตายอยู่ในพงหญ้ารก จากนั้นจึงต้องมีการแหวกเข้าไปดู ถึงจะเห็นว่ามีการผูกคอตายอยู่ด้านใน

ทั้งนี้ หลังจากที่มีการพบร่างของคนตาย เห็นสภาพลักษณะแห้งและเนื้อยุ่ยไปหมดแล้ว แต่มีเพียงส่วนด้านหลังที่ยังอยู่สภาพเหมือน ไม่ได้เน่า โดยมีการสักยันต์ แต่ไม่กล้าเข้าไปดูใกล้ว่าเป็นยันต์อะไร จึงเชื่อว่าการสักยันต์อาจจะเป็นเรื่องของการเล่นของ ฟันแทงไม่เข้าหรือไม่

ทีมข่าวเดินทางไปที่วัดกำแพง ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ของนายอนงค์ คุ้มดี อายุ 55 ปี คนตาย บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า นางสมหมาย บุญพับ อายุ 61 ปี พี่สาวคนตาย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้น้องชายอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกเลี้ยง ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และมีการซื้อรถ 10 ล้อเอามาไว้เป็นของตนเอง เพื่อที่จะรับบรรทุกสิ่งของ

แต่วันที่ 25 มิ.ย. เจ้าตัวได้ย้อนกลับมาที่บ้านใน จ.ลพบุรี แต่ทันทีที่เดินทางมาถึงเจ้าตัวได้สั่งห้ามคนในครอบครัวถามว่าทำไมถึงกลับมาอยู่บ้าน และทุกวันเอาแต่กินเหล้า แต่ก็ไม่หนักเท่าวันที่จะหายตัวไป โดยในวันที่ 28 มิ.ย. ช่วงสายเจ้าตัวกินเหล้าหนักมาก จากนั้นก็อยู่ในอาการร้องไห้เสียใจ เข้ามาโผโอบกอดตนเอง พร้อมกับสั่งเสียว่า "ผมจะไม่อยู่แล้ว ผมจะไปผูกคอตาย ขอโทษนะพี่ ผมลาก่อน" โดยตนเองก็ไม่อยากให้น้องคิดแบบนั้น จึงพยายามสอนว่าการคิดสั้นฆ่าตัวตายจะเป็นบาป แต่น้องชายก็ไม่ยอมฟังมีการพูดกลับมาว่า "ตายแล้วคงไม่เป็นไร ไม่รู้หรอกว่าบาปเป็นยังไง" จากนั้นน้องชายก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ของตนเองออกจากบ้าน และหายไปติดต่อไม่ได้

ก่อนหน้านี้ น้องชายไปคบหากับภรรยาซึ่งคบหามานานเกือบ 30 ปี จดทะเบียนด้วยกัน แต่ไม่ได้มีลูก น้องชายก็ไปรับเอาหลานมาเป็นลูกบุญธรรม ส่งเสียจนกระทั่งจบปริญญา ก่อนที่น้องชายจะกลับมาอยู่บ้าน ทราบว่าเจ้าตัวทะเลาะมีปัญหากับฝั่งภรรยา ขั้นหย่าร้างและเลิกรากัน สำคัญน้องชายก็ขาดรายได้ในช่วงระยะหลัง จะต้องมีการผ่อนรถ 10 ล้อที่ซื้อมา จึงอาจเกิดความเครียดสะสมและคิดสั้นฆ่าตัวตายก็ได้ แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้ติดใจ เพราะถือว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของน้องชายแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องประกอบพิธีทางศาสนา ส่วนเรื่องของยันต์ที่สักอยู่บริเวณด้านหลังของน้องชาย ไม่รู้ว่าเป็นยันต์ที่สักเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไร และเป็นยันต์เกี่ยวกับอะไร ส่วนเรื่องของพิธีฌาปนกิจศพหากเป็นการเผา เชื่อว่าทางวัดและสัปเหร่อคงมีวิธีต่อไป

ด้านนายวินัย ศรีคำดี อายุ 46 ปี สัปเหร่อประจำวัดกำแพง เปิดเผยว่า ตอนแรกที่มีการรับศพมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัด ทราบว่าเป็นศพคนผูกคอตายเกือบ 1 เดือน แต่มีบริเวณแผ่นหลัง ลักษณะรอยสัก 3 รอย คือ 9 ยอด, 5 แถว และเกาะเพชร โดยยันเหล่านั้นมีการสักเอาไว้ที่แผ่นหลัง ศพเน่าทั้งตัว แต่มีเพียงรอยสักที่ไม่เน่า ตนเองไม่ได้เชื่อว่าการที่ศพไม่เน่าเป็นเพราะรอยสัก เนื่องจากรอยสักดังกล่าวเป็นยันต์ที่เกี่ยวข้องกับเมตตามหานิยม และดวงชะตา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการอยู่ยงคงกระพัน หรือแม้แต่แคล้วคลาด ส่วนที่ไม่เน่าอาจเกิดจากความร้อน และสภาพอากาศมากกว่า

สำหรับตนเองในฐานะที่เป็นสัปเหร่อมานานกว่า 30 ปี เจอศพที่มีรอยสักยันต์จากพระอาจารย์หลายคน การเผาศพไม่ไหม้ ส่วนใหญ่จะเป็นจำพวกหนุมาน หรือยันต์คงกระพัน ที่เวลาเผาศพแล้วจะส่งผลต่อการเผายาก สุดท้ายก็จะมีพิธีถอนของ ก่อนที่จะใช้มีดสัปเหร่อกรีดทำลายยันต์ ศพก็จะไหม้ตามปกติ และการที่ศพมียันต์ 9 ยอด 5 แถว และเกาะเพชร ตนเองเพิ่งจะเคยเจอครั้งแรก ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเจอ ดังนั้น จึงเชื่อว่าจะไม่เกินความสามารถด้านวิชาอาคม และพิธีของพระสงฆ์ ที่จะมีการประกอบพิธีในวันเผา สิ่งที่กำลังจะมีการดำเนินการถอนของ คือ

1. ในวันเสาร์ก่อนที่จะเผาศพในวันอาทิตย์ จะต้องนิมนต์พระไปทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ ที่เกิดเหตุ จากนั้นจะมีการประกอบพิธีน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทำมาจาก3ทิศ ในพิธีการเบิกโรง ส่วนหัว เท้าซ้าย และขวา จากนั้นจะนำน้ำมนต์ดังกล่าวประพรมในขณะที่เผาศพ
2. จะมีการเตรียมมีดอาคมของสัปเหร่อที่รับเป็นมรดกตกทอด เตรียมเอาไว้ในขณะที่มีการเผา หากพบว่าเนื้อหรือรอยยันต์ดังกล่าวไม่ไหม้ จะใช้มีดกรีดทำลาย
3. ได้มีการสั่งให้ญาติเตรียมของต่ำ คือ ผ้าสิ้น หรือผ้าถุง โดยเฉพาะผ้าถุงที่มีรอยเปื้อนของประจำเดือน ซึ่งจะใช้โยนเข้าไปในกองไฟขณะเผา เพื่อที่จะเป็นการล้างของได้อีกวิธี

สำหรับความหมายของยันต์ที่สักอยู่บริเวณด้านหลังของนายอนงค์คนตาย เกี่ยวกับ 9 ยอด เป็นเรื่องของเสริมบารมี ส่วน 5 แถว เป็นเรื่องของการเรียกทรัพย์และเมตตามหานิยม และเกาะเพชร เป็นยันต์เกี่ยวกับดวงชะตาของคนตาย

รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือหมอหมู แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เปิดเผยว่า เป็นลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า Mummification หรือ มัมมีซิเคชัน เหมือนการทำมัมมี่ของอียิปต์โบราณ ลักษณะนี้ที่แผ่นหลังไม่เน่า จะเกิดขึ้นในกรณีที่มีอากาศร้อนแห้ง และมีลมถ่ายเทดี ผิวหนังภายนอกจะแห้งเหมือนกระดาษ เหมือนหนังหมูตากแห้ง

โดยทั่วไปจะเกิดพร้อมๆ  กันทั่วทั้งร่างกาย แต่ก็มีรายงานทางการแพทย์ว่าเกิดบางส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณแผ่นหลัง เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่พบเชื้อแบคทีเรียที่มีส่วนสำคัญในกระบวนการเน่าแบบย่อยสลาย น้อยกว่าส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย

ผู้เสียชีวิตมีรอยสักบริเวณแผ่นหลัง อาจเกิดความเข้าใจว่ามีรอยสักบริเวณดังกล่าว จึงไม่ย่อยสลาย จากการสืบค้นทางการแพทย์จากวารสารทางนิติเวชศาสตร์ ยังไม่เคยมีการระบุว่าสีที่ใช้ในการสักหรือสารเคมีจะมีผลทำให้ไม่เกิดกระบวนการเน่าสลายใด ตนเองไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคล