ตำรวจ สภ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ได้รับแจ้งมีผู้ถูกข่มขืนและทำร้าย จนเสียชีวิตที่บ้าน หมู่ที่ 2 ต.นางบวช อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
ที่เกิดเหตุพบศพนางสาลี่ อายุ 72 ปี สภาพเสียชีวิตใบหน้ามีรอยถูกทำร้ายซ้ำหลายแห่ง สวมเสื้อคอกระเช้าสีแดง นุ่งผ้าถุงลายสีแดงเข้ม มีร่องรอยถูกข่มขืน
ที่ทางเข้าบ้านพบจักรยานปั่น 2 ล้อ สีเขียว มีถุงพลาสติกที่แฮนด์รถ ส่วนที่เบาะคนนั่งซ้อนมีกระสอบปุ๋ยพับรองไว้ มีกระสอบข้าวสารสีชมพูตกอยู่ และยังพบกางเกงยีนส์ขาสั้นตกอยู่ 1 ตัว เป็นของคนร้าย จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ตำรวจตรวจสอบทราบชื่อคนก่อเหตุ คือนายออง อายุ 60 ปี ล่าสุดจับกุมตัวได้แล้วที่บ้านเพื่อนคนก่อเหตุ
วันที่ 27 ก.ค. 65 นางสาวญาดา (นามสมมติ) เพื่อนบ้านของยายคนตาย เห็นเหตุการณ์และวิ่งเข้ามาในช่วงหลังจากที่ถูกทำร้าย และพยายามข่มขืน เปิดใจว่า เมื่อคืนนี้สามีของตนเองกำลังจะออกไปตั้งเบ็ดตกปลา ช่วงที่ผ่านหน้าบ้านของยาย ได้ยินเสียงคล้ายคนทุบตีของบางอย่างเสียงดัง ตนเองนอนอยู่ในบ้านก็ได้ยินเสียงเช่นเดียวกับ จากนั้นแฟนของตนเองก็ได้ใช้ไฟส่องกบสองเข้าไปที่ต้นเสียง ปรากฏว่าเห็นนายอองยืนอยู่ใต้ต้นมะม่วง มือถือไม้ไผ่ซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้ทุบตียาย แต่ตอนนั้นไม่เห็นว่าคนที่นอนอยู่บนพื้นคือใคร เห็นแต่นายองค์ยืนถือไม้ไผ่อยู่
จากนั้นแฟนของตัวเองก็ได้ตะโกนว่า "มึงเป็นใคร" นายอองตอบกลับมาว่า "กูออง แล้วมึงล่ะเป็นใคร" ซึ่งหลังจากที่แฟนหนุ่มของตนเองรู้ว่าคนที่กำลังทุบตีอะไรบางอย่างอยู่ในบ้านของยาย จึงได้รีบวิ่งมาบอกที่บ้านพร้อมกับแจ้งญาติของยาย และญาติของนายอองให้เข้าไปที่บ้าน เมื่อไปถึงพบว่าในขณะนั้นตัวของนายอองถอดเสื้อผ้าและกางเกงล่อนจ้อน คนที่นอนอยู่บนพื้นคือยายเจ้าของบ้าน ลักษณะผ้าถุงถูกถอด เสื้อคอกระเช้าถูกเปิดร่อนเอาไว้ที่คอ และเป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ญาติพี่น้องทั้งฝ่ายของยายและของนายอองมาถึง แม้ว่าญาติพี่น้องจะมาถึงแล้ว แต่นายเองก็ยังมีการพยายามขืนใจ และกระทำชำเรายายต่อเนื่อง ทั้งที่เจ้าตัวอยู่ในอาการสะบักสะบอมเพราะถูกนายอองตี และตอนนั้นญาติทุกคนเห็นคาตานายอองขืนใจ และใช้ปากกำลังดูดนมยาย เป็นภาพที่ทุกคนไม่คิดว่าจะได้เห็น เป็นการกระทำที่ไม่มียางอาย ทำต่อหน้าญาติพี่น้อง
หลังจากนายอองก่อเหตุ ทุกคนเข้ามาพยามไล่กระทืบนายออง แต่เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ญาติพี่น้องคิดว่ายายมีอาการบาดเจ็บ จึงได้รีบไปดูยาย ไม่ได้สนใจว่านายอองกำลังทำอะไรอยู่ เป็นช่วงจังหวะที่เจ้าตัวตัดสินใจรีบวิ่งออกไปที่คลอง ว่ายน้ำข้ามไปอีกฝั่งเพื่อหลบหนี สภาพที่ทิ้งเสื้อผ้าเอาไว้ ร่างกายล่อนจ้อน ว่ายน้ำไปหาบ้านญาติฝั่งตรงข้าม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ยอมรับว่าช่วงที่เจ้าตัวก่อเหตุมีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า ทำทีขอตัดปลีกล้วย ทำเป็นตัดฟื้นในบ้านของยาย ก่อนที่จะไปซื้อเหล้ามานั่งดื่มกิน พอตกตอนกลางคืนก่อเหตุทำร้ายยายและข่มขืน ในช่วงเวลานั้นยอมรับว่ามีการเปิดวิทยุของยายค่อนข้างเสียงดัง คาดการณ์ว่านายอองมีการวางแผนเปิดเสียงดังกลบเสียงก่อเหตุ
ด้าน พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 กล่าวว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.เกรียงไกร วุฒิพานิช ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.นิกร ด้วงฉุน ผกก.สภ.เดิมบางนางบวช พนักงงานสอบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าเก็บร่องรอยดีเอ็นของผู้ต้องหา และให้เช็กประวัติของผู้ต้องหาย้อนหลังไปด้วย
จากการสอบสวน ผู้ต้องหาไม่ให้การรับสารภาพ ปฏิเสธการทำแผนฯ และตอบหน้านิ่ง ยิ้มเล็กน้อย แต่ทางตำรวจมีหลักฐานพยานแวดล้อม และพยานสิ่งของที่ตรวจเก็บจากที่เกิดเหตุ ตำรวจเชื่อว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอ จากการตรวจสอบว่ามีภาวะทางโรคจิต ได้ไปค้นบ้าน แต่ก็ไม่พบยารักษาโรคดังกล่าว
ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังบ้านที่เกิดเหตุ หมู่ที่ 2 ต.นางบวช อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ภายในบ้านหลังดังกล่าว มีทางเข้าออกติดกับคลองวังลึก คลองท่ามะนาว เชื่อมไปออกแม่น้ำท่าจีน มีประตูรั้วเหล็กสีน้ำเงิน ภายในรั้วบ้านดังกล่าวมีบ้านอยู่ด้วยกัน 3 หลัง ซึ่งหลังที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างยังไม่มีคนอยู่อาศัย
ส่วนบ้านหลังกลางเป็นลักษณะเพิงพักชั่วคราว ลักษณะใช้สังกะสีล้อมรอบ ประตูเข้าออกเป็นลักษณะลูกกรง เป็นที่หลับนอนชั่วคราวของนางสาลี่ คนตาย ส่วนบ้านหลังสีชมพูที่อยู่ด้านในสุด เป็นบ้านของหลานอีกคนของนางสาลี่ แต่ปัจจุบันไม่มีคนอยู่ เนื่องจากหลานย้ายไปอยู่ที่อื่น ยายจึงอาศัยอยู่เพียงลำพัง รอบรั้วบ้านเต็มไปด้วยพืชทางการเกษตร และพืชริมรั้วที่สามารถเก็บกินได้ มีกอกล้วยที่นายออง คนก่อเหตุ ออกอุบายมาขอเก็บหัวปรีก่อนที่จะก่อเหตุ ส่วนบริเวณที่เกิดเหตุพบว่ายังคงมีเลือดของนางสาลี่ติดอยู่บนต้นหญ้า อยู่บริเวณใต้ต้นมะม่วง
นางสาวนา (นามสมมติ) อายุ 48 ปี หลานสาวของคนตาย เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองก็ไม่คิดว่ายายจะตกอยู่ในสภาพนี้ เพราะปกติยายก็อยู่เพียงลำพังแต่ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิด จนกระทั่งช่วงระยะหลังสังเกตความผิดปกติ หลังจากที่นายออง ย้ายมาอยู่อาศัยฝั่งบ้านซึ่งเป็นฝั่งเดียวกันกับบ้านของยาย ก่อนหน้านี้เจ้าตัวอยู่อีกฝั่งคลอง แต่เมื่อย้ายมาไม่ถึง 15 วัน ได้มีการก่อเหตุทำร้ายยาย และยังขืนใจ จนกระทั่งสุดท้ายยายถึงแก่ความตาย เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว เนื่องจากนายอองมีการใช้ไม้ไผ่ตีหัว ตีตามร่างกาย มีรอยพกช้ำตามตัว
หากย้อนกลับไป ช่วงประมาณ 3-4 วัน นายอองมีลักษณะปั่นจักรยานทำทีมาขอพืชผักสวนครัว ทำทีมานั่งเล่นพูดคุยเป็นเพื่อนยาย ซึ่งคาดการณ์ว่าเป็นการดูลาดลาวก่อนที่จะก่อเหตุ ตนเองเพิ่งทราบจากญาติคนอื่นว่าตอนที่รับแจ้งว่ายายถูกทำร้าย พากันมาดูสภาพของยาย ปรากฏว่าตัวของนายอองคนก่อเหตุยังมีพฤติกรรมพยายามขืนใจต่อหน้าญาติพี่น้อง ไม่ยอมหยุด ทั้งที่ทุกคนมาถึงและเห็นเหตุการณ์หมดแล้วก็ตาม
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองทราบเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกว่า ตรวจสอบประวัติอัชญากรรมพบว่าก่อนหน้านี้เคยมีการก่อเหตุลักษณะเดียวกัน พยายามข่มขืนและอนาจารผู้อื่นมา 2 ครั้ง และล่าสุดเพิ่งจะพ้นโทษจากเรือนจำจังหวัดราชบุรี หลังจากที่พ้นโทษก็มาอยู่กับญาติพี่น้องในพื้นที่ แต่ก็ไม่นานมาก่อเหตุกระทำต่อยายอีก สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองจะไม่ให้อภัยนายออง แต่หากเป็นไปได้อยากให้มาขออโหสิกรรมก่อนเผาศพ ส่วนเรื่องของคดีอยากให้ติดคุกหรือตายตกตามกันไป อย่าให้พ้นโทษออกมา ไม่เช่นนั้นจะมีคนอื่นตกเป็นเหยื่ออีก
ทีมข่าวทราบข้อมูลว่าตัวของคนก่อเหตุได้มีการว่ายน้ำข้ามคลองวังลึก จากฝั่งบ้านของยายคนตาย ข้ามคลองประมาณ 200 เมตร เพื่อที่จะหลบหนีหลังจากที่ถูกจับได้ โดยมีการว่ายน้ำข้ามคลองเพื่อไปฝั่งบ้านของเพื่อน และญาติอีกฝั่งหนึ่ง โดยทีมข่าวได้มีการลงเรือเพื่อเก็บภาพบรรยากาศของคลองดังกล่าว พบว่าเป็นลักษณะน้ำไหลเชี่ยว และมีผักตบชวาอยู่สองฝั่ง ทางขึ้นลงฝั่งบ้านยายเป็นลักษณะเนินดินใต้ต้นไผ่
จากนั้นทีมข่าวได้ข้ามไปเก็บภาพบรรยากาศริมฝั่งคลองซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านยาย เป็นฝั่งบ้านของเพื่อนและญาติคนสนิทของนายอองคนก่อเหตุ โดยทันทีที่ทีมข่าวไปถึงเจอกับลักษณะทางลงเป็นกอหญ้าแหวก นายอองได้แอบขึ้นจากน้ำบริเวณจุดดังกล่าวตามข้อมูลของชุดสืบ คาดว่ามีการเตรียมท่อพีวีซีการเอาไว้ดำน้ำ แต่หลังจากที่ขึ้นมาจากน้ำได้ทิ้งเอาไว้บริเวณพงหญ้า
นายวัน เพื่อนของคนก่อเหตุ เปิดใจว่า ตนเองเป็นเพื่อนสนิทกับนายอองตั้งแต่สมัยเด็ก เรียนโรงเรียนในพื้นที่ด้วยกัน โตมาด้วยกัน เลี้ยงวัวเลี้ยงควายมาด้วยกัน จนกระทั่งหลังจากที่เจ้าตัวออกไปทำงานนอกพื้นที่ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกัน และกลับมาคบหามารู้จักกันอีกทีก็ตอนแก่ ซึ่งเจ้าตัวย้ายมาอยู่ในพื้นที่ได้ไม่นาน โดยตอนที่กลับมาอยู่ที่บ้านก็ไปมาหาสู่และชวนตัวเองกินเหล้าเป็นประจำ ตอนที่ไม่กินเหล้าก็นิสัยใจคอดีเป็นคนเรียบร้อย พูดจาเรียบร้อย แต่หลังจากกินเหล้าเข้าไปเปลี่ยนไปเป็นคนละ
ในวันเกิดเหตุนั้นช่วงบ่ายจนกระทั่งถึงเย็น ตนเองนั่งกินเหล้าอยู่ 2 คนกับนายออง และช่วงเย็นเจ้าตัวบอกว่าขอปั่นจักรยานไปบ้านญาติก่อน ซึ่งตนเองก็ได้แยกวงไม่ได้กินเหล้าต่อ แต่ตอนนั้นนายอองไม่ได้อยู่ในอาการมึนเมา ปั่นจักรยานกลับไปอย่างปกติ แล้วตนเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปไหนและทำอะไรบ้าง จนกระทั่งเวลา หลัง 21.00 น. ปรากฏว่านายอองมาโผล่อยู่ที่บ้านของตน สภาพเนื้อตัวเปียกชุ่ม พร้อมกับมาขอเสื้อผ้าตัวเอง ซึ่งตอนนั้นก็ถามว่ามึงไปทำอะไรมา ตัวของนายอองตอบว่า "ว่ายน้ำข้ามคลองมามีปัญหากับบ้านพี่สาวเล็กน้อย" ด้วยความเป็นเพื่อนก็ไม่ได้สอบถามอะไรมากจึงหยิบเสื้อให้
จากนั้นตัวของนายอองก็บอกว่า "มึงมีข้าวให้กูกินหรือไม่ ขอข้าวกูซักชามสิ" ตนเองจึงไปตักข้าวมาให้นายอองกิน แต่เจ้าตัวบอกว่าขอไปนั่งกินบริเวณห้องครัว ตนเองก็ไม่ได้เอะใจ ปล่อยให้เพื่อนใช้ชีวิตลำพังอยู่ภายในห้องครัวที่ปิดไฟมืด จนกระทั่งหลังจากนั้นเจ้าตัวชวนตนเอง ไปยืนอยู่ที่ริมคลอง เพื่อมองไปอีกฝั่ง ทราบว่าเป็นฝั่งบ้านของยาย ตอนนั้นเริ่มเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสากู้ภัยมากันเต็มหน้าบ้าน มีคนเจี๊ยวจ๊าว และมีรถเปิดไฟส่องสว่าง ตัวนายอองก็ชวนตัวเองไปยืนดู แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่จะพากันเดินกลับเข้าไปในบ้าน ตนเองนั่งอยู่หน้าบ้าน ส่วนนายอองไปนั่งอยู่ในห้องครัวปิดไฟมืดเหมือนเดิม
หลังเที่ยงคืน ปรากฏว่ามีรถตำรวจเข้ามาในบ้าน และสอบถามหาตัวนายออง ตนเองก็บอกว่าเจ้าตัวอยู่ในห้องครัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเปิดไฟดู ปรากฏว่านายอองหลบหนีไปแล้ว ตนเองก็มารู้ความจริงจากตำรวจว่านายอองไปก่อเหตุข่มขืนและทำร้ายร่างกายยายจนกระทั่งถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา จากนั้นได้ว่ายน้ำหนีมาบ้านตน
จากนั้น หลังช่วงเวลา 02.00 น. นายอองมายืนตะโกนอยู่ที่หน้าบ้าน ซึ่งตนเองก็ทำเนียนว่าไม่รู้ว่าเจ้าตัวหายไปไหนมา และไม่รู้ว่าไปก่อเหตุอะไรมา ถามนายอองว่าไปไหน เจ้าตัวตอบว่า "ไปบ้านญาติเพื่อทวงเงินที่ติดหนี้กันอยู่" จากนั้นนายเองก็นั่งอยู่ภายในบ้าน ตนเองก็เริ่มหาวิธีว่าจะติดต่อกับผู้ใหญ่บ้านหรือคนอื่นได้อย่างไร เพราะคนร้ายนั่งอยู่ในบ้าน จากนั้นก็พยายามหาเบอร์ผู้ใหญ่บ้าน แต่ก็ติดต่อกันไม่ได้ จึงนั่งเฝ้านายอองจนกระทั่งถึงตี 4 และนึกขึ้นได้ว่าต้องโทร 191 ตนเองจึงแอบหยิบโทรศัพท์แล้วโทรไปหา แต่นายอองตะโกนถามว่ามึงโทรไปหาใคร ตนเองจึงรีบวางสายเพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย
จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณหลังตี 5 ตนเองเห็นว่านายอองเดินหายไปจากบ้านแล้ว จึงรีบเข้าไปอยู่ในผ้าห่มเพื่อคุมโปรง แล้วโทรแจ้งตำรวจทันทีว่านายองอยู่ที่บ้าน แต่เมื่อตำรวจมาถึงปรากฏว่าเจ้าตัวหลบหนีไปที่อื่น และถูกจับได้ในเวลาต่อมา
ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมบริเวณรอบบ้านของยายคนตาย พบว่ามีกล้องวงจรปิดของวัดวังจิก จับภาพรถจักรยานของนายออง คนก่อเหตุได้ในช่วงเวลา 17.41 น. โดยมีการปั่นจักรยานออกจากบ้านเพื่อนเพื่อมุ่งหน้า ไปที่บ้านของยายคนตาย เป็นช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าตัวปั่นจักรยานลักษณะปกติไม่ได้อยู่ในอาการมึนเมา จากนั้นมีกล้องวงจรปิดตัวสุดท้าย ซึ่งจากภาพก่อนที่เจ้าตัวจะเลี้ยวเข้าซอยบ้านของยาย โดยผ่านกล้องบริเวณใต้ต้นไม้ผ่านไปและหายไปจากมุมกล้อง
เวลาประมาณ 01.26 น. จะเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มมาปิดล้อมบริเวณปากซอยบ้านของนายวัน เพื่อนสนิทนายออง จากนั้นก็เริ่มที่จะมีการเดินค้นหาและเคาะตามประตูบ้าน แต่ในขณะนั้นไม่เจอเบาะแสของนายออง หลังจากที่เจ้าหน้าที่ออกไปจากพื้นที่ ภายหลังที่มีการเคาะประตูบ้านเพื่อหาเบาะแสนายอองหลังก่อเหตุ ปรากฏว่ากล้องวงจรปิดภายในชุมชนจับภาพของนายออง มีกล้องวงจรปิดมากถึง 3 ตัว จับภาพของนายอองเดินไปมาอยู่ภายในชุมชน ลักษณะใส่เสื้อและกางเกงตัวเดียวกันกับที่นายวันให้ไป แต่ไม่สวมใส่รองเท้า บางช่วงเดินสูบบุหรี่เดินอยู่กลางถนน ลักษณะคล้ายคนเมาเดินเซไปมา กล้องวงจรปิดจับภาพได้ช่วงเวลาประมาณจริง 02.16 น. หมวกขาว
นางสาวใบเฟิร์น (นามสมมติ) อายุ 22 ปี หลานสาวของคนก่อเหตุ เปิดใจว่า ก่อนหน้านี้จำได้ว่าเป็นช่วงอายุประมาณ 15-16 ปี ที่บ้านเคยรับเอานายอองมาอาศัยอยู่ แต่เจ้าตัวจะมีลักษณะแปลก ชอบใส่กางเกงบอกเซอร์ตัวเดียว เหมือนโชว์ให้ลูกหลานเห็น โดยเฉพาะลูกหลานที่เป็นผู้หญิง ไม่ชอบใส่เสื้อ จากนั้นก็มีเหตุการณ์ที่มีช่วงโอกาสที่ญาติพี่น้องคนอื่นไม่เห็น ตนเองถูกนายอองลวนลาม จับลูบตัว ตนเองจึงแปลกใจว่าทำไมลุงต้องมีพฤติกรรมแบบนี้ เลยพยามบอกคนในบ้าน ตอนแรกก็ไม่มีใครเชื่อ แต่ระยะหลังเริ่มมีหลายคนโดนคล้ายกันจึงเชื่อตาม
หลังจากนั้นพบว่าลุงเก็บตัวเงียบหายไป ทราบว่าไปอยู่กับญาติที่ จ.ราชบุรี เพราะไปอยู่กับใครใครก็ไม่เอา ไปอยู่กับลูกกับเมียก็ถูกไล่ เจ้าตัวจึงไปอยู่กับญาติที่ จ.ราชบุรี จากนั้นปรากฏว่ามีการไปก่อเหตุเกี่ยวกับการอนาจารคนอื่น จึงทำให้ติดคุกที่เรือนจำราชบุรี และเพิ่งพ้นโทษมาได้ไม่นาน หลังจากพ้นโทษก็ได้มาขอทำมาหากินอยู่ในพื้นที่ ไม่มีที่อยู่ที่กินจึงมาขออยู่กับพี่สาว เป็นบ้านเดียวกันกับที่ตนเองอาศัยอยู่ ตอนที่ตนเองทราบข่าวว่าที่บ้านมีการรับเอานายอองมาอยู่อาศัยด้วย จึงเตือนว่า "จะดีหรอ เพราะมีพฤติกรรมอนาจาร และเคยเป็นคนติดคุกในคดีนี้ ไม่กลัวจะทำกับคนในบ้านหรือไง" แต่ทางบ้านก็บอกว่าคนเคยติดคุกก็ต้องให้โอกาส ตนเองจึงไม่ได้คิดอะไร เลยยอมให้มาอยู่ด้วยที่บ้าน ตนเองก็ย้ายออกไปอยู่กับแฟนหนุ่มข้างนอก เพราะไม่กล้าอยู่ในบ้าน กลัวว่าจะเกิดเหตุไม่ดี จนกระทั่งมาทราบข่าว