จากกรณีที่ฆาตกรรมอำพรางศพ น.ส.มิเรียม เบเทอร์ (Ms.Miriam Beelte) อายุ 27 ปี สัญชาติเยอรมัน ขณะเดินทางไปเที่ยวที่เกาะสีชัง เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 7 เม.ย. 62 นั้น (อ่าน:
ฆาตกรทุบหัวแหม่มสุดใจเย็น ตบตาคนอ้างตัวเลอะเลือด ไม่รู้มาได้ไง ชาวเกาะสีชังแค้นทำเสื่อม)
ล่าสุด ตำรวจควบคุมตัว
นายรณกร รื่นรม อายุ 24 ปี ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยนายรณกร มีสีหน้าเครียด ขณะเดียวกันขณะทำแผนนั้นมีชาวบ้านเกาะสีชัง ตะโกนด่าทอที่คนร้ายก่อเหตุอย่างโหดร้ายและทารุณ
โดยการทำแผนวันนี้ เริ่มจากจุดที่นายรณกร มาเจอผู้ตายโดยบังเอิญ ที่บริเวณบันไดทางขึ้นยอดเขาพระจุลจอมเกล้า และเดินสวนกับผู้ตาย เห็นว่าผู้ตายมีรูปร่างหน้าตาดีและมาเพียงลำพัง อาศัยจังหวะที่ผู้ตายเดินขึ้นเขาแล้วเหนื่อย เข้าไปพูดคุยเพื่อขอมีอะไรด้วยผู้ตายไม่ยอม จึงข่มขืนโดยมีการกอดรัดฟัดเหวี่ยงจนผู้ตายล้มลง
นายรณกร สารภาพว่า เมื่อข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ ตนบังคับให้ผู้ตายใช้ปากอมอวัยวะเพศตน แต่ผู้ตายไม่ยอม จากนั้นผู้ตายรีบวิ่งหนีและส่งเสียงเรียกขอความช่วยเหลือ ตนกลัวว่าจะมีคนมาเห็นแล้วไปแจ้งตำรวจ ประกอบกับก่อนหน้านี้เคยมีคดีเกี่ยวกับยาเสพติด จึงหวังปิดปาก วิ่งตามผู้ตายและใช้หินที่อยู่บริเวณนั้นทุบเข้าที่ศีรษะ และซ้ำที่ต้นคอจนผู้ตายแน่นิ่ง จากนั้นจึงลากศพของผู้ตายไปอำพรางไว้บริเวณโขดหิน ที่อยู่ถัดเข้าไปด้านข้างบันไดประมาณ 5 เมตร
จากนั้นจึงรีบวิ่งหนีลงมาด้วยเสื้อที่เปื้อนเลือด จนเมื่อมีคนขายชุดดอกไม้ธูปเทียนอยู่ข้างล่าง สอบถามว่าไปทำอะไรมา จึงรีบบอกว่าไม่มีอะไรแล้วก็ขี่รถจักรยานยนตหลบหนีไป
ด้าน
พ.ต.อ.ศักดิ์รพี เพียวพนิช รอง ผบก.สภ.ชลบุรี เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงพื้นที่และกระจายกำลังทันที ซึ่งใช้เวลาจับกุมตัวนายรณกรประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า โดยหลังจากที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าผู้ตายเดินขึ้นเขาไปก่อน ต่อมานายรณกรขี่รถจักรยานยนต์ขึ้นไปบนยอดเขา มองข้างบนไปที่ผู้ตาย ติดตามผู้ตายขึ้นไปและก่อเหตุ
ด้าน
นางนงรักษ์ โพธิ์แสง อายุ 43 ปี แม่ของนายรณกร เปิดเผยว่า ลูกชายตอนเด็กเป็นเด็กร่าเริงแจ่มใส อัธยาศัยดี เชื่อฟังพ่อแม่ทุกอย่าง แต่พอโตมาก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกชายยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพิ่งจะรู้เมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้วซึ่งยังบำบัดอยู่ โดยก่อนหน้านี้ก็ไม่มีพฤติกรรมว่าจะไปยุ่งกับยา ตนก็ได้มีการห้ามปรามอยู่ตลอดซึ่งลูกก็เชื่อฟัง แต่พึ่งมารู้ว่าลูกไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกครั้งเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง
โดยนางนงรักษ์ กล่าวต่อว่า นายรณกรขอโทษตน บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ตนบอกได้แค่ให้ทำตัวดี ๆ ทำความดี โดยที่ผ่านมาลูกชายก็ไม่เคยทำตัวแบบนี้ ตนก็รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากเพราะรณกรเป็นลูกชายคนโตของบ้าน และคุณแม่ก็อยากจะขอโทษกับนักท่องเที่ยวสาวคนดังกล่าวและครอบครัว ที่ลูกชายขาดสติและกระทำกับเธอไปแบบนั้น
ด้าน
นายกานต์ ดาพันธะ อายุ 22 ปี เพื่อนร่วมงานผู้ก่อเหตุ บอกว่า ปกตินายรณกรทำงานดี แต่บางครั้งก็เหมือนมีโลกส่วนตัวสูง นิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่พูดจากับใครถามอะไรก็ไม่ค่อยอยากจะตอบ นายกานต์บอกว่าหลังจากที่ได้รู้จักกับนายรณกร ก็มองว่านายรณกรเป็นคนค่อนข้างจะดูยาก บางทีอยู่กับเพื่อนก็จับมีดขึ้นมาเล่น เหมือนกับไม่ค่อยมีสติ ส่วนตัวก็พอรู้มาบ้างว่านายรณกรนั้นมีประวัติยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และบอกว่าเคยร่วมดื่มในวงเหล้ากับนายรณกร พอถึงเวลาเมานายรณกรก็เคยชักชวนให้ไปปีนบ้านไปปล้ำสาว แต่ตนก็ไม่ได้ไปด้วย หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ตนก็รู้สึกตกใจไม่คิดว่านายรณกรจะทำแบบนี้ อาจเป็นเพราะนายรณกรไม่มีที่ปรึกษาคอยตักเตือนอยู่ข้าง ๆ ก็เลยกระทำแบบนี้ได้
ด้าน
นายศิวกร ชัวสันเที๊ยะ อายุ 33 ปี หัวหน้างานนายรณกร บอกว่านายรณกรมาทำงานปกติ ไม่มีอาการผิดปกติ ทำงานบ้างพักบ้าง เท่าที่สังเกตุเห็นเวลาทำงาน นายรณกรจะมีอาการมึน ๆ งง ๆ เหมือนไม่มีสติ เหมือนสมองจะช้า ๆ หน่อย ส่วนพฤติกรรมที่ว่าชอบใช้ความรุนแรงนั้น นายศิวกรบอกว่ายังไม่เคยเห็นว่านายรณกรจะมีพฤติกรรมแบบนั้น แต่ก็เป็นคนกินเหล้า ดูดบุหรี่ ตามประสาวัยรุ่น เพราะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ตนก็รู้สึกตกใจ ไม่คิดเลยว่านายรณกรจะเป็นคนแบบนี้ ตอนแรกที่ได้ยินข่าวยังไม่เชื่อจนมาเห็นหลักฐานที่ชัดเจน