จากกรณีมีผู้ร้องเรียนต่อสื่อว่านายศิวกร โพธิ์สวัสดิ์ หรือปังปอนด์ อายุ 16 ปี ถูกชายฉกรรจ์ 3 คน ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี และเสียชีวิตลง โดยที่คดีไม่คืบหน้า จนวันนี้ครอบครัวฌาปนกิจศพลูกชายแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ (อ่าน:
แม่ใจสลาย! ลูก 16 เรียนจะจบ ถูกเหล็กแป๊บเขวี้ยงตาย คดีอืด 3 เดือน คนร้ายยังลอยนวล)
วันที่ 9 เม.ย.62 นายมรกต โพธิ์สวัสดิ์ อายุ 41 ปี พ่อของน้องปังปอนด์ เปิดเผยว่า วันที่ 19 ม.ค. วันที่เกิดเหตุ เมื่อตนไปถึงที่เกิดเหตุ พบลูกนอนคว่ำหน้า จมกองเลือด ร่างของลูกอยู่ห่างจากรถจักรยานยนต์ประมาณ 10 เมตร ตอนนั้นตนอยากเข้าไปช่วยแต่ต้องรอเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาปฐมพยาบาล
ส่วนน้องแชมป์ เพื่อนลูกที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปอีกคันในวันนั้นก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน จึงพาส่งโรงพยาบาล แพทย์บอกว่าอาการของลูกตนสามารถหมดลมหายใจได้ทุกเมื่อ เนื่องจากปอดแตก 2 ข้าง แขนซ้ายหัก ข้อศอกหลุด เบ้าตาซ้ายแตก และฟันหน้าหักหมดทุกซี่ ตั้งแต่วันที่ลูกเข้ารับการรักษาอาการโคม่ามาตลอด เนื่องจากต้องนอนเป็นเจ้าชายนิทรานานกว่า 2 เดือน และเสียชีวิตลงวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา
ด้านน้องแชมป์ วัย 16 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ช่วงวันเกิดเหตุตนและผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปร่วมงานวันเกิดเพื่อน และขากลับได้ขี่รถตามกันมา 2 คัน ผู้ตายได้ขี่นำหน้า ส่วนตนขี่ตามหลัง ตอนนั้นตนเห็นว่า ริมถนนมีชาย 3 คนสวมไอ้โม่ง ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ยืนอยู่ โดยมีรถจักรยานยนต์สีดำแดง จอดไว้ข้างทางด้วย หลังจากนั้นมีชายหนึ่งคนรูปร่างสูงใหญ่ เดินออกมายืนกลางถนน และขว้างเหล็กแป๊บมาที่ผู้ตาย จังหวะนั้นรถผู้ตายเสียหลักไถลไป ตนก็ต้องหลบรถผู้ตายทำให้รถเสียหลักล้มลงเช่นกัน
น้องแชมป์ เผยว่า รถของตนที่ขี่ไปในวันเกิดเหตุก็ไม่แต่งซิ่ง แต่รถผู้ตายมีการเปลี่ยนท่อ ยอมรับว่าเวลาขี่ก็จะดัง แต่ถามว่าต่อให้ท่อดังจริง ก็ผิดถึงต้องฆ่ากันได้อย่างไร
ทั้งนี้ ที่จุดเกิดเหตุ อยู่บริเวณหมู่ 1 ต.โป่งน้ำร้อน อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี พบว่าถนนเส้นดังกล่าวเป็นถนน 4 เลน ถนนที่กลุ่มผู้ก่อเหตุยืนจะเป็นฝั่งตรงข้ามถนน ตรงข้ามกับซุ้มประตูวัดคลองตาคง ตรงจุดนี้มีไฟส่องสว่าง และมีร้านค้าและบ้านประชาชนอยู่
ด้านนายโจ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี หนึ่งในคนที่โดนทำร้ายร่างกาย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ขณะนั้นตนกับเพื่อนอีกคนหนึ่งได้ขี่รถจักรยานยนต์เพื่อจะกลับบ้าน เนื่องจากเพิ่งทำธุระเสร็จจากตลาดทับไทร และเมื่อผ่านมาที่จุดเกิดเหตุ ก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขี่ตามมา แล้วทำทีท่าว่าจะขี่แซงตนขึ้นไป แต่เมื่อตนหลบทางให้ รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวกับประกบคู่ขึ้นมา และใช้เหล็กแป๊บตีเข้าที่แขนตน ตอนนั้นตนเห็นเพียงผู้ชายคนเดียวที่สวมใส่ไอ้โม่ง
หลังจากนั้นตนกับเพื่อนก็วิ่งหนีหลบไปคนละทาง โดยเพื่อนตนบอกว่า มีชายสวมไอ้โม่งอีกคนได้ตามเพื่อนไป แต่เพื่อนตนหนีทัน ส่วนสีรถของผู้ก่อเหตุตนจำไม่ได้ เนื่องจากเหตุการณ์ผ่านมานานแล้ว แต่ตนก็ทราบว่า น้องปังปอนด์ก็ถูกชายกลุ่มนี้ทำร้ายร่างกายเหมือนกัน เพราะตนได้ยินเสียงคล้ายกับรถล้มในวันเกิดเหตุด้วย