สธ.แจงให้ รพ.ซื้อยาต้านโควิดเอง มีนโยบายมาแล้ว 3-4 เดือน ย้ำไม่ได้แปลว่าให้ผู้ป่วยไปซื้อยาเองได้ ยังต้องจ่ายโดยแพทย์ และต้องจ่ายตามข้อบ่งชี้ ที่ผ่านการวิจัยในกลุ่มเริ่มมีอาการและปัจจัยเสี่ยง
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยว่าจากกรณีคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบให้โรงพยาบาลทุกสังกัดทั่วประเทศ จัดซื้อยาต้านไวรัสรักษาโควิดได้เอง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2565 ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และมีความเข้าใจผิดว่า เมื่อ รพ.ทุกแห่งซื้อยาต้านไวรัสโควิดได้เอง ทำให้แพทย์จ่ายยาได้ โดยไม่ต้องคำนึงตามข้อบ่งชี้
อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงว่า การให้โรงพยาบาลจัดซื้อยาเองได้นั้น เป็นนโยบายที่ออกมา 3-4 เดือนแล้ว แต่การจะออกประกาศอะไรออกมาต้องดูให้รอบคอบ และคำนึงถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ มีผู้รับอนุญาตจำนวนมาก และการซื้อขายยาก็ต้องอยู่ที่บริษัทยาด้วยว่าต้องการขายให้นอกเหนือจากภาครัฐหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาช่วงที่ยามีจำกัดแล้วรัฐซื้อและเป็นผู้กระจายทำให้ประชาชนทุกคนได้รับความเท่าเทียมในการได้ยา ซึ่งปัจจุบันสาธารณสุขกระจายไปได้ทุกพื้นที่ค่อนข้างครอบคลุม
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ยารักษาโควิดมีทั้งคุณทั้งโทษ ไม่ใช่ยาสามัญที่ใครจะไปกินก็ได้ อย่างกรณียาปฏิชีวนะต่างๆ ก็ไปซื้อร้านขายยาโดยตรงไม่ได้ ในประเทศทางยุโรป ญี่ปุ่น ก็ไม่มีใครไปซื้อยาปฏิชีวนะเองที่ร้านขายยา เพราะอาจเกิดการแพ้ยาหรือเชื้อดื้อยาได้ แต่ที่เราเตรียมกระจายไปร้านขายยา เพราะ กทม.มีปัญหาไม่มีระบบ อย่างต่างจังหวัดที่เข้าถึง รพ.สต.ได้ง่าย แต่ย้ำการจ่ายยาต้องเป็นแพทย์สั่งเท่านั้น
ทั้งนี้ ตามกำหนดการจะเริ่มวันที่ 1 ก.ย.ที่ให้สถานพยาบาลทุกแห่งซื้อยาได้เอง ส่วนกรณีกระจายไปร้านขายยา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพจะมีการหารือเพิ่มเติมอีกครั้ง ส่วนวันที่ 1 ต.ค.จะเปลี่ยนจากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง หากสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงจากนี้ เพื่อให้ทุกคนมีเวลาเตรียมตัว
"ยารักษาโควิดมีทั้งคุณทั้งโทษ ไม่ใช่ยาสามัญที่ใครจะไปกินก็ได้ อย่างกรณียาปฏิชีวนะต่างๆ ก็ไปซื้อร้านขายยาโดยตรงไม่ได้ ในประเทศทางยุโรป ญี่ปุ่น ก็ไม่มีใครไปซื้อยาปฏิชีวนะเองที่ร้านขายยา เพราะอาจเกิดการแพ้ยาหรือเชื้อดื้อยาได้ แต่ที่เราเตรียมกระจายไปร้านขายยา เพราะ กทม.มีปัญหาไม่มีระบบ อย่างต่างจังหวัดที่เข้าถึง รพ.สต.ได้ง่าย แต่ย้ำการจ่ายยาต้องเป็นแพทย์สั่งเท่านั้น" นพ.โอภาสกล่าว
ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การรักษาโรคต้องเป็นไปตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่นเดียวกับโควิดก็ต้องรักษาตามแนวทางปฏิบัติและข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ยาโมลนูพิราเวียร์และแพกซ์โลวิดเป็นยาที่ใช้ในภาวะฉุกเฉิน ใช้ไม่ถึงปีก็ยังไม่ทราบถึงผลข้างเคียง ดังนั้น การใช้ยาควรเป็นไปตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ หากการจ่ายยาไม่เป็นไปตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เรียกว่าจ่ายตามใจหมอ หรือตามใจผู้ป่วย หากเกิดเหตุอะไรขึ้นมา ผู้ป่วยอาจฟ้องร้องได้ ทางที่ดีที่สุดควรต้องจ่ายยาตามอาการ ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ที่มีผู้เชี่ยวชาญ มีคณะกรรมการพิจารณาออกมาแล้วดีที่สุด