อีกหนึ่งตัวแม่แถวหน้ารันเวย์แฟชั่นเมืองไทย แต่หลังจากร้างราไปนานกลับมาครั้งนี้
"โย ยศวดี" ถึงกับโอดไม่ไหว
ขอแขวนส้นสูงแบบจริงจัง พร้อมเผยถึงเรื่องราวความรัก ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าได้เลิกรากับ
ดร.หนึ่ง แฟนหนุ่มที่คบหากันมานานถึง 7 ปี แล้วจากสาเหตุไลฟ์สไตล์ของตนเองที่เปลี่ยนทำให้จูนกันไม่ติด
ห่างการเดินแบบไปนานแค่ไหน?
“ห่างไปนาน 4-5 ปีแล้ว จริงๆ ล่าสุดที่รับเพราะคิดถึงและเป็นโชว์พี่ต้อยด้วย เขาก็บอกว่าอย่าปฏิเสธเลย เราก็ไป แต่วันนั้นประมาทไปนิดนึง ไม่ได้ไปซ้อม เพราะไปแข่งปั่นจักรยานเสร็จก็ไปแต่งหน้าแล้วเดินเลย ไม่ได้ดูรองเท้าก่อนด้วย ก็หนักสำหรับคนที่ไม่ได้เดินหลายปี ตอนนี้ใส่ส้นสูงไม่ได้แล้ว ใส่แล้วไม่รู้สึกมั่นใจเหมือนเมื่อก่อน ต่อให้ภายนอกเรายังดูโอเค แต่ใจเราสั่นอยู่ตลอดเวลา ไม่มั่นใจเหมือนใส่รองเท้าวิ่ง พอเราไม่ได้ทำอะไรนานๆ แล้วกลับมาทำก็เหมือนเป็นสิ่งใหม่สำหรับเรา ต่อให้เป็นสิ่งที่เราเคยทำเป็นสิบๆ ปีก็ตาม แต่เราเลิกทำไปแล้ว ใจมันถอดไปแล้ว พอกลับมาทำอีก ก็ไม่ได้ความรู้สึกแบบ 100%”
เรียกว่าแขวนรองเท้าส้นสูงแล้ว?
“แขวนส้นสูงมานานแล้ว ใช้คำนั้นน่าจะได้ หลังจากนี้คงคิดว่าไม่น่าจะไหวแล้ว”
เดินสายแข่งไตรกีฬาเยอะ งานที่ไทยมีบ้างไหม?
“งานที่ไทยก็คงเป็นอิเวนต์เกี่ยวกับกีฬานี่แหละค่ะ แต่จะให้กลับไปรับงานแฟชั่นโชว์คงไม่ไหว งานล่าสุดที่เดินไปก็ไม่ไหวแล้ว รู้สึกว่ามันลำบากเหลือเกิน นอกจากใจไม่ได้แล้ว ขาก็ไม่ไปด้วย เดินเกือบล้มเลย ไม่น่าเชื่อเหมือนกัน เพราะการเดินแบบเป็นงานที่เราทำมา 20 กว่าปี แค่เราไม่ได้ทำมา 3-4 ปี กลับมาทำแล้วทำไมมันยากจัง เหมือนหัดเดินใหม่เลย ใหม่ในเรื่องความรู้สึกด้วยเพราะตื่นเต้นเกินไป มือสั่น พอออกไปเดินก็เกือบล่มจนได้(หัวเราะ)”
เรื่องความรักล่ะเป็นอย่างไรบ้าง?
“จริงๆ ตอนนี้มีโอกาสได้พูดก็คงต้องพูดแล้ว คงรั้งต่อไปไม่ได้ จริงๆ เราเลิกกันมาเดือนนิดๆ แล้วค่ะ เราลดสถานะลง แต่ไม่อยากใช้คำว่าเป็นเพื่อนกันเพราะเราคบกันมา 7 ปี ความรู้สึกเราคือเป็นมากกว่าเพื่อนเยอะ เราเป็นเหมือนคู่คิด ที่คอยช่วยเหลือกันและกัน แต่ตอนนี้มันถึงจุดที่ว่าคงมาถึงทางตันและเราไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
เขาเห็นตารางแข่งของโยทั้งปี มันเป็นปัญหาชีวิตคู่ของเรามาก ๆ”
ปัญหาหลักๆที่ทำให้ความสัมพันธ์ต้องจบ?
“หลังๆ โยมาเล่นกีฬา โยว่าไลฟ์สไตล์เราต่างกัน ตัวคุณหนึ่งเองเขาก็ทำงานฟูลไทม์ตลอด ไม่สามารถเดินทางไปไหนกับเราได้เลย ช่วงที่เขาหยุดเราก็แข่ง เลยจูนกันไม่ได้เลย”
ใครเป็นคนคุยเรื่องการยุติความสัมพันธ์?
“จริงๆ นัดกันมาคุย หลังจากไม่ได้คุยกันเลยหลายอาทิตย์ เลยตัดสินใจว่าลองไปทานข้าวและคุยกันดีกว่าว่าเราจะเป็นยังไง ก็เป็นการคุยกันที่ดีมากนะ ไม่เคยคิดว่าเราจะเป็นคนเอ่ยปากว่าเราเป็นคนอยากไป เพราะจริงๆเราเป็นคนให้โอกาสเขาเสมอ แต่ครั้งนี้เราไม่อยากปิดโอกาสเขา อยากให้เขาเจอคนที่ดูแลเขาได้มากกว่า”
เสียดายเวลา 7 ปีไหม?
“เราจะเสียดายมากกว่า ถ้าเราอยู่ด้วยกันไปแล้วมันไม่มีความสุข”
เหมือนเขาก็พยายามปรับมาเล่นกีฬาเหมือนเรา?
“อืม...ไม่อยากทรมานซึ่งกันและกัน เอาแบบนี้ดีกว่า”
7 ปี เหมือนเป็นเลขอาถรรพ์?
“(หัวเราะ) ก็ไม่เคยคิดว่าจะเป็นอาถรรพ์สำหรับเรา พอเจอกับตัวเองก็รู้สึกว่า พอมาถึงจุดนี้ทำไมมันรู้สึกห่อเหี่ยว
มันต้องพูด และอัดอั้นในใจมากจนเราคุยแล้วเราสบายใจที่ได้พูดออกไปทั้งหมด จริงๆ เราไม่เชื่อเรื่องอาถรรพ์นี้เลย เพราะเราเชื่อเรื่องความรู้สึกของเราสองคนมากกว่า แต่หลังๆ ตั้งแต่ปลายปีมามันรู้สึกแกว่งๆ ไม่ค่อยดี พยายามปรับจูนกันหลายครั้ง และรู้สึกว่าเรากำลังปิดกั้นตัวเองกันอยู่หรือเปล่า ขณะเดียวกันโอกาสจะเจอคนใหม่ๆ ก็น้อยลงเพราะเราอายุมากขึ้น แต่ไม่ได้บอกนะคะว่าการคบกันมานานแล้วเราต้องรักษา relationship ต่อไป แต่เรามีสิทธิจะเลือกอะไรที่มีความสุข ก็ขอให้เลือกเถอะ”
จากกันด้วยดี?
“จากกันด้วยดีค่ะ มันไม่ได้มีสาเหตุที่ต้องมาทะเลาะหรือเกลียดกัน เพียงแค่รู้สึกเสียดายที่วันนี้เราไม่ใช่คู่กันแล้วเท่านั้นเอง”
มีโอกาสปรับจูนกันกลับมาอีกไหม?
“คิดว่าคงไม่ค่ะ เรารู้กันแล้วว่าเราต้องการอะไร ตัวโยรู้แล้วว่าโยต้องการอะไรค่ะ”