จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งเหตุที่วัดถ้ำเขาปูน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังจากนายจักรกฤษณ์ เส็งจีน ซึ่งเป็นหนุ่มไปรษณีย์ที่เคยเข้าร้องเรียนที่กองปราบฯ ว่าถูกตำรวจกาญจนบุรียัดข้อหา (อ่าน:
หนุ่มไปรษณีย์งัดวงจรปิดสู้ โต้ขี่บี้ ตร. หวังชิงบิ๊กไบก์ ชี้มือข้างถนัดบิดแฮนด์รถ อีกข้างเล็งปืนไม่ได้ ท้าเปิดแฟ้มคดีพิสูจน์ตัว) ได้บุกทำร้ายพระและลูกวัดจนกระทั่งเลือดสาดคาวัดนั้น
ล่าสุด วันที่ 18 เม.ย. 62 พระอภิชาติ อาจสุวรรณ หรือพระเอก (พระคู่กรณี) เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ (16 เม.ย.) เวลาประมาณ 21.00 น. ตนได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ดัง ประกอบกับมีเสียงหมาเห่าจึงเดินลงมาดู พบว่านายเอิร์ธยืนอยู่ด้านล่างถามว่า “นายตั้มอยู่ไหน” พระเอกจึงบอกว่า นายตั้มอยู่ด้านบน นายเอิร์ธจึงเดินขึ้นมาแล้วพูดคุยกับนายตั้มเล็กน้อย ก่อนเตะปากนายตั้มจนเลือดออกแล้วชกต่อยกัน แล้วนายเอิร์ธหยิบพัดลมฟาดนายตั้ม
โดยก่อนที่นายเอิร์ธจะขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปจากวัดนั้น ได้พูดว่า “พวกมึงเตรียมตัวไว้เลย จะเอาปืนมายิงพวกมึง” เป็นลักษณะการข่มขู่แล้วขับรถออกไป ทั้งนี้พระเอกระบุว่า ไม่ได้รุมทำร้ายนายเอิร์ธแต่อย่างใด และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทะเลาะวิวาทด้วย ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นคนพยายามห้ามทั้งสองฝ่าย
นอกจากนี้พระเอกยังบอกอีกว่า ไม่เคยรู้จักกับนายเอิร์ธมาก่อน ในขณะเดียวกันไม่มีการมารุมทำร้ายนายเอิร์ธ นอกจากนี้พระเอก ยอมรับว่ารู้สึกไม่พอใจที่นายเอิร์ธขับรถเร่งเครื่องบริเวณหน้าบ้านจริง เพราะในบ้านมีคนแก่ต้องหลับนอน นายเอิร์ธมักมาเร่งเครื่องประจำจนสร้างความรำคาญแก่ชาวบ้าน ทั้งนี้พระเอก บอกอีกว่า กังวลเรื่องความปลอดภัย หวั่นกลัวนายเอิร์ธ ย้อนกลับมาทำร้ายอีกและเป็นห่วงความปลอดภัยของพระรูปอื่น ๆ ที่วัดด้วย
ด้านนายจักรกฤษ เส็งจีน หรือ เอิร์ธ อายุ 27 ปี คนก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เรื่องที่มีคดีความกับตำรวจเมื่อ เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา เนื่องจากนายตั้มมักให้ข่าวว่าร้ายกล่าวหาว่าตนมีพฤติกรรมไม่ดี จึงอยากพูดคุยกับนายตั้ม ว่าทำไมถึงเกิดเหตุเช่นนี้ จึงไปหานายตั้มที่วัดเพื่อพูดคุย
ช่วงจังหวะที่นั่งคุยกันอยู่นั้น มีพระยืนอยู่ด้านหลัง ต่อมาเริ่มมีปากเสียงกันรุนแรงถึงขั้นชกต่อยกัน แล้วพระซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง นำพัดลมเหล็กขนาดใหญ่มาฟาดที่ศีรษะตนจำนวน 3 ครั้ง โดยมีนายตั้มช่วยล็อกตัวเอาไว้ด้วย จนกระทั่งเลือดตนออกจำนวนมาก ตนจึงถอดเสื้อมาปิดที่แผลบริเวณศีรษะ แล้ววิ่งลงมาจากศาลาขับขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ก่อนไปหาหมอเพื่อทำแผลและเย็บจำนวน 8 เข็ม
นอกจากนี้นายเอิร์ธยอมรับว่า ชอบขับขี่รถจักรยานยนต์เร็วและเสียงดังจริง แต่ไม่เคยหาเรื่องใครก่อน โดยนายเอิร์ธตัดพ้อและยืนยันว่าขณะเกิดเหตุตนไม่ได้เมา และไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุขึ้น เพราะเป็นวัดใกล้บ้าน ที่เข้าออกเป็นประจำ
ภายหลังจากที่มีคดีความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น การใช้ชีวิตค่อนข้างลำบาก บางวันมีคนมายิงปืนหน้าบ้าน 2-3 นัด มีการตะโกนท้าทาย หรือมีวัยรุ่นมาท้าต่อยถึงหน้าบ้านด้วย ซึ่งตนกังวลเรื่องความปลอดภัย หวั่นจะเป็นอันตรายถึงชีวิต อีกทั้งหลังเกิดเหตุเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ตนถูกไล่ออกจากไปรษณีย์ และตกงานไม่มีรายได้ ยอมรับว่าเครียดและกังวลใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม