จากกรณีเพจดังออกมาเปิดเผยเรื่องราวของ น.ส.พร (นามสมมติ) อายุ 20 ปี สาวแม่บ้าน ออกมาแฉดาราสาวคนดัง พร้อมถามว่า "อิหยังวะ!! ดาราดังนี่ ดังระดับไหนแม่ โดยสาวรายดังกล่าวเล่าประสบการณ์ชีวิตที่ไปทำงานบ้านดาราดังที่ต้องกินข้าวในจานเดียวกับหมา แถมยังใช้งานเกือบ 24 ชม."
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สาวทำงานบ้านดาราแฉกินข้าวจานคลุกข้าวหมาฉะโคตรเค็ม ก่อนจากฝากด่าแม่ (คลิป)
ล่าสุด วันที่ 8 ก.ย. 65 ดาราสาว "ขวัญ อุษามณี" ยอมรับแล้วว่าข่าวดังกล่าวหมายถึงตนเอง พร้อมฟาดกลับด้วยคลิปกล้องวงจรปิดในยูทูบส่วนตัว เล่าว่า "เนื่องน้องหมาของขวัญ ชื่อนุ่มนิ่มค่ะ เค้าเป็นโรคชรา อายุ 20 กว่าปี เป็นโรคชรา+ความจำเสื่อม+เดิน+ยืน+ทานอาหารด้วยตัวเองไม่ได้ นี่สาเหตุที่ขวัญต้องการจ้างคนมาดูแลน้อง เพราะเค้าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ค่ะ (ใจขวัญ คืออยากได้ผู้ช่วยพยาบาลหรือคนที่มีทักษะทางด้านนี้)
แต่เนื่องจากความสงสารส่วนตัว+เค้าพรีเซ็นต์ตัวเองว่ารักน้องหมาอยากดูแล เราจึงลองให้โอกาสทดลองงาน
1.ทำงานได้นอน 1 ชม. ทุกคนลองดูคำตอบใน vdo นะคะ
2.ทานข้าวจานเดียวกับน้องหมา … คิดว่าเค้าจะยอมให้คนอื่นกระทำใส่เค้าแบบนี้?? ลองวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมความน่าจะเป็นในการเล่าเรื่องของเค้านะคะ
3.นุ่มนิ่ม ช็อก ภาวะ ขาดน้ำ เข้ารพ. เค้าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และปล่อยให้เค้าขึ้นรถไปกับ รถโรงพยาบาลสัตว์ ที่ขวัญโทรฯแจ้งให้เค้ามารับ เพราะ ขวัญ กับ คุณแม่อยู่ ต่างจังหวัด ส่วนเด็กคนที่จ้างให้มาดูแล กลับไปนอนในห้องปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
4.เงินค่าจ้าง มีการตกลงก่อนล่วงหน้า ถึงความสามารถในการทำงาน และทดลองงาน ส่วนเงิน ได้เป็นเงินสดจากบริษัทไปค่ะ
5.ด่าน้องหมาพี่ ตัวอื่นๆที่เห่าได้ ต่อหน้าพนักงานว่า เห่าหาพ่*มึงเหรอ?? (ถึงพี่ไม่อยู่..อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้)
6. ถ่ายรูปตัวเอง ในบ้านพี่ลงโพสต์เป็นเหมือนบ้านตัวเอง??
ขวัญเป็นคนของสาธารณะ ใช่ค่ะ แต่อย่าฉกฉวยโอกาส สร้างตัวตนให้ตัวเองแบบนี้ อยากรู้ทักมา?? (ทำไมไม่คิดว่าทำไมเราถึงตกงาน) เอาเวลาไปพัฒนาตัวเองดีกว่าไหม ไม่ใช่เอาสนุก สะใจ สร้างเรื่อง พยายามดึงแสงเข้าตัวเองแบบนี้ นู๋จะเก่งและมีอนาคตที่ดีได้ถ้าเอาไปใช้ในทางที่ถูกที่ควร แต่อย่าทำตัวเองเป็นหลุมดำแบบนี้ ขวัญให้คำตอบที่ชัดเจน และความจริง ครั้งเดียวในที่นี้ค่ะ"
ด้าน "แม่แอ๊ว ปราณี พูลเกิด" แม่ของขวัญ อุษามณี เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า ลูกจ้างคนดังกล่าวเข้ามาทำงานได้เพียง 2-3 วัน ซึ่งจากที่เป็นข่าวตอนนี้แม่ยังไม่ได้นอน เพราะมีคนพยายามโทรติดต่อมาปั่นป่วนไม่รู้ว่าใครโทรมาบ้าง อีกทั้งตนป่วยอยู่ด้วย พร้อมชี้แจงว่า ใครจะให้คนไปกินข้าวในชามกับหมา มันผิดธรรมชาติไปหรือไม่ เป็นเราจะไปหยิบชามหมามากินข้าวไหม หรือในทางกลับกันถ้าหากตนนำชามข้าวของหมาไปให้คนกินได้ขนาดนั้น ตนคงเป็นโรคจิตหรือไม่
ส่วนเรื่องที่นอนชั่วโมงเดียวจะเป็นไปได้ยังไง เขาจะพูดอะไรก็สามารถพูดได้ เขาสามารถเสริมเติมแต่งให้เป็นข่าวอะไรก็ได้ กล่าวอีกว่านุ่มนิ่ม น้องหมาป่วย แต่เด็กคนนั้นไม่ได้ใส่ใจที่จะเลี้ยง ให้น้ำกินหรือไม่ตนก็ไม่รู้ เพราะจากที่เห็นเขาติดโซเชียลเล่นแต่โทรศัพท์ จนตนต้องไปบอกให้จัดเวลาดี ๆ เพราะถ้าจะทำงานเอาเงินต้องทำงาน ไม่ใช่ว่าอยู่แต่กับโทรศัพท์
แต่สำหรับเรื่องของหมาเป็นเรื่องภายใน ตนจะขอตอบในสิ่งที่เขาไปพูด เพราะถ้าจะให้พูดทั้งหมดก็ไม่มีประโยชน์สำหรับคนอื่น ๆ ทั้งนี้ หมาแมวตนยังดูแลได้เลย แล้วชีวิตคนทำไมจะดูแลไม่ได้ คนไหนมาดีตนก็จะต้อนรับในสิ่งที่ดี ๆ
ส่วนกรณีเขาอ้างว่าขอนอน 1 คืนระหว่างรอกลับบ้าน แต่ตนก็ไม่ให้นอนนั้น ตนอยากให้ลองนึกถึงความเป็นไปได้ว่ามันมากน้อยแค่ไหน คนหนึ่งอายุ 14 ปี อีกคนอายุ 20 ปี ในตอนแรกตนยังมองว่ามันเด็กไป แต่ด้วยความที่มาดึก ตนจึงให้เขาลองทำงานดูก่อน เพราะโดยปกติแล้วอายุ 14 ปีตนไม่รับแน่ ๆ ตนก็ไม่รู้ว่าเขาโกรธอะไรถึงไปพูดในลักษณะนี้ พร้อมพูดทิ้งท้ายไว้ว่าเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้แล้ว คิดว่าตนจะฟ้องกลับหรือไม่ เพราะตนก็ไม่อยากให้บ้านของตนเสียอยู่ฝ่ายเดียว
น.ส.พร แม่บ้าน เปิดเผยว่า ตนไม่อยากจะชี้แจงอะไรแล้ว ยอมรับว่ากลัวโดนฟ้อง ตนคงสู้อะไรเขาไม่ไหว แต่ตนก็สามารถอธิบายได้ในส่วนของภาพจากกล้องวงจรปิดที่อีกฝั่งนำไปลง พร้อมเล่าว่าคลิปนั้นมันเป็นวันเดียวกับวันที่น้องนุ่มนิ่มไปแอดมิตที่โรงพยาบาล เพราะตอนแรกเข้าใจว่านุ่มนิ่มเป็นอะไร เพราะสังเกตเห็นว่านุ่มนิ่มดิ้นและร้อง ตอนนั้นตนตกใจจึงได้โทรหาแม่ของเขา แม่เขาจึงโทรศัพท์ไปให้หมอมารับน้องหมา
ตอนแรกตนก็ถามว่าจะต้องให้ไปโรงพยาบาลกับน้องหมาไหม แต่เขาบอกว่าไม่ต้อง ตนจึงได้เข้าไปในบ้าน และได้ทักไลน์ถามแม่เขาว่าต้องรอน้องหมาไหม แม่เขาก็บอกว่าไม่ต้องรอ ตนจึงได้เข้าไปนอน แต่หลักฐานการคุยไลน์ตนก็ไม่ได้แคปไว้ ลบไปแล้ว ตนรู้สึกเสียดายมาก
ส่วนวันที่ตนได้นอนแค่ 1 ชั่วโมง มี 2 วัน คือคืนวันแรกและวันที่ 2 ตนมานอนแค่ 3 คืน และวันนั้นคือคืนสุดท้ายที่ตนนอนอิ่ม เพราะว่าไม่มีนุ่มนิ่ม ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าคืนวันที่นอนเต็มอิ่มคือคืนวันสุดท้ายหรือไม่ ขอชี้แจงว่า "ไม่ใช่ค่ะ ที่เห็นตนนอนไม่ใช่คืนสุดท้าย วันสุดท้ายตนไม่ได้นอนห้องรับแขกข้างนอก นอนในห้องแม่บ้าน เพราะวันนั้นไม่มีหมา ส่วนตอนที่เขาลงคลิปไม่รู้ว่าลงตอนไหน ซึ่งมันก็ต้องมีบ้านที่ตนเผลอหลับไป ซึ่งปกตินุ่มนิ่มจะนอนเกือบเช้าช่วงตี 4 ครึ่ง ถึงตี 5 ซึ่งพวกตนก็จะนอนกับ พอ 6 โมงเช้าก็ต้องตื่น"
ส่วนเรื่องถ่ายรูปบ้านเขาตนถ่ายจริงๆ ไม่ทราบว่ามันถ่ายไม่ได้ แต่ตนก็ถ่ายแค่ห้องครัว ไม่ได้ไปถ่ายที่อื่น และเขาก็ไม่ได้บอกว่าห้ามถ่าย แต่ก็ลบไปแล้ว อีกทั้งในส่วนที่เขาว่าตนไปด่าหมาว่า "เห่าหาพ่*มึงเหรอ" ซึ่งไม่ใช่ตนเป็นคนด่า น่าจะเป็นน้องของตนมากกว่า แต่น้องตนก็พูดอะไรที่ไม่ได้คิด ตนอยากจะอยู่เงียบ ๆ ไม่อยากพูดอะไรแล้ว ตนไม่อยากจะเถียงอะไรกับเขา
สิ่งที่ไม่จริงคือเขาบอกว่าตนไม่ได้ลาออก แต่เขาไล่ออกเอง ในส่วนการพูดคุยเรื่องงาน ตนไม่ได้คุยกับเขาโดยตรง ตนคุยกับแม่เขามากกว่า ซึ่งเรื่องการขอกลับบ้านขอลาออกตนก็จะเป็นคนคุยกับแม่เขาก่อน แต่แม่เขาบอกเขาหรือไม่ตนก็ไม่รู้ เพราะว่าจริง ๆ แล้วนุ่มนิ่มเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่วันแรก ถ้าเขาจะไล่ก็ต้องไล่ตั้งแต่วันนั้น
ตนมาทำงานตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 65 ถึงบ้านประมาณ 5 โมงเย็น และได้นอนกับนุ่มนิ่ม 1 คืน เช้ามานุ่มนิ่มก็มีเลือดที่อวัยวะเพศ ตนจึงได้บอกเขาจนได้พาไปหาหมอ หมอก็บอกว่าขาดน้ำ จะมาโยนให้ตนว่าตนทำหมาตกใจไม่ได้ มันขาดน้ำมาก่อนที่ตนจะมา ตนเพิ่งมาได้คืนแรกเอง เขารักหมามาก ตนก็ไม่กล้าดูแล
ส่วนกรณีการออกค่ารถให้ เขาให้เพียง 990 บาท ซึ่งไม่ได้ให้ตนโดยตรง เขาเป็นคนคุยและเรียกแท็กซี่ให้เอง ตนไม่รู้ส่วนนี้ แต่ตนได้ถามคนขับแท็กซี่ว่าได้ค่ารถมาเท่าไร เขาบอกว่าได้มา 900 บาท แต่ต้องขึ้นทางด่วนด้วย 90 บาท แท็กซี่จึงเรียก 990 บาท ซึ่งเขาเป็นคนจ่ายให้เพราะตนไม่มีเงิน ส่วนตัวตนไม่ได้เงินอะไรจากเขา เขาแค่จ่ายค่ารถให้
ตนบอกไปว่าถ้าจะให้ตนกลับก็ให้เขาหารถให้ และจ่ายค่ารถให้ เขาจึงหาให้ โดยที่ตนไม่ได้เงินเป็นเงินสด และข้อตกลงที่บอกว่าถ้าทดลองงานจะไม่ได้เงิน ตนไม่ได้ตกลงกับเขา ตนเพิ่งรู้ในวันที่ตนจะออกแล้ว ซึ่งตนถามแม่เขาว่าค่าแรงที่ตนทำงานได่ 3 วันจะให้ไหม แต่แม่เขาก็ให้ไปคุยกับเลขาเขา
แต่พอไปคุย เลขาก็บอกว่าเป็นช่วงทดลองงานจะไม่ได้เงิน ตนก็บอกว่าไม่ใช่การทดลองงาน ตนขอออกตั้งแต่วันที่พี่พิมพ์ แม่บ้านอีกคนออกแล้ว แต่เขาไม่ให้ตนออก ซึ่งถ้า 2 วันแรกจะไม่ให้ตนไม่ว่า แต่อีกวันต้องให้เพราะตนจะออก แต่ไม่ยอมให้ออก และวันนั้นตนออกจากบ้านเขาเกือบ 1 ทุ่ม ของวันที่ 1 ก.ย. 65
ทั้งนี้ ในเรื่องกล้องตนก็อธิบายได้แต่ตนไม่อยากพูด และเฟซบุ๊กเขาตอนนี้ตนก็เข้าไม่ได้แล้ว เขาน่าจะบล็อกไว้ หลังจากที่เขาได้ไลฟ์แล้วตนเข้าไปคอมเมนต์ว่าตนเป็นคนที่ไปทำงานที่บ้านเขา หลังจากนั้นก็เข้าไม่ได้อีกเลย ส่วนตัวก็คิดว่าเขาคงบล็อก เพราะตนหาเขาไม่เจอเลย อย่างไรก็ตามตนไม่อยากพูดแล้ว อย่างชื่อเขาตนก็ไม่ได้พูดถึง แต่ชาวเน็ตไปพูด และเขาก็ออกมาพูดเอง ซึ่งตนกลัวโดนฟ้องจริง ๆ เพราะตนไม่มีหลักฐานเลย ตนไม่ได้ถ่ายอะไรไว้เลย และแม่เขาก็ห้ามตนตลอดว่าห้ามเล่นโทรศัพท์ขณะที่ทำงาน