จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก โพสต์ภาพพร้อมเล่าเรื่องราวที่ลูกชายของตัวเอง ขับรถแกร็บคาร์ โดนแทงได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากคนร้ายสวมรอยเป็นผู้โดยสาร ปล้นชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกาย ก่อนคนร้ายถูกหลอกล่อให้พามาส่งโรงพยาบาล และถูกจับกุมตัวดำเนินคดีได้นั้น
วันที่ 6 พ.ค. 62 นายมานพ เคลือลิ้นจี่ อายุ 52 ปี พ่อของนายคัมภีร์ เคลือลิ้นจี่ หรือ เกมส์ อายุ 27 ปี ผู้เสียหายที่ขับรถแกร็บคาร์ เปิดเผยว่า ลูกชายของตนทำอาชีพเป็นคนขับรถแกร็บคาร์ วันเกิดเหตุเกือบเที่ยงคืน วันที่ 3 พ.ค. 62 มีลูกค้าเรียกขอรับบริการผ่านแอปพลิเคชัน ให้มารับย่านคลองประปา ไปส่งย่านเมืองทองธานี จนกระทั่งใกล้ถึงยังจุดหมายช่วงทางเปลี่ยว ผู้โดยสารที่อยู่เบาะหลัง ควักมีดจากกระเป๋าถือ เข้ามาล็อกคอจากเบาะหลังคนขับ ใช้มีดเฉือนลำคอ ศีรษะ ปาก ขมับ และทั่วใบหน้าไม่ยั้ง ลูกชายตนตัดสินใจกำคมมีดทั้งเล่ม เพื่อดึงมีดออกจากลำคอสุดแรง ทำให้เส้นเอ็นนิ้วมือขวาขาดทั้งหมด เลือดสาดไปทั่วรถยนต์ ก่อนหาจังหวะเปิดประตูโยนมีดทิ้ง
จากนั้น ลูกชายก็กระโดดไปเบาะด้านหลัง แล้วต่อสู้กับคนร้าย โดยคนร้ายอ้างว่าต้องการเงิน 200,000 บาท เพื่อไปใช้หนี้ ขณะนั้นลูกชายตนเสียเลือดมาก จึงออกอุบายว่าให้คนร้ายพาไปหาหมอก่อน แล้วจะให้ครอบครัวโอนเงิน 200,000 บาทให้ทันที คนร้ายหลงเชื่อขับรถพามาส่งโรงพยาบาล โดยลูกชายตนไม่สามารถติดต่อครอบครัวได้ เนื่องจากโทรศัพท์อยู่กับคนร้าย ทั้งนี้ ตลอดเส้นทางที่ขับรถไปยังโรงพยาบาล คนร้ายก็พูดตัดพ้อว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ และชวนลูกชายตนขับรถลงน้ำตายไปด้วยกัน แต่ลูกชายบอกว่าทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะมีลูกมีครอบครัวอยู่
จากนั้น เมื่อมาถึงโรงพยาบาล คนร้ายยืนประกบเตียงฉุกเฉิน มีการพูดกับลูกชายตนว่า “เสียใจที่เข้าไปช่วยไม่ทัน ถูกแทง ไม่เป็นไรนะเพื่อน” เพื่อตีเนียนเป็นเพื่อนคนเจ็บ จนกระทั่งครอบครัวมาถึง ลูกชายสะกิดบอกว่าเป็นคนร้าย ตนจึงพยายามโทรแจ้ง 191 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาคุมตัว แต่ตำรวจบอกว่าไม่ใช่เหตุซึ่งหน้า จึงไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามา ซึ่งตนพยายามประสานเจ้าหน้าที่หลาย สน. แต่ได้รับการปฏิเสธทั้งหมด จึงตัดสินใจขอกำลังเจ้าหน้าที่เปลฉุกเฉิน รปภ. ของโรงพยาบาล ช่วยกันรวบตัวคนร้ายที่โรงพยาบาลสิรินธร จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่มารับตัวในช่วงสายของวันที่ 4 พ.ค.
นอกจากนี้ จากที่ตนได้รับข้อมูลจากการใช้บริการแกร็บคาร์ของคนร้าย ชื่อนายปอ หน้าตาดี แต่งตัวดี พยายามเรียกรถแล้วยกเลิกมาแล้ว 9 ครั้ง จนกระทั่งมาถึงคันของลูกชายตน ซึ่งหลังเกิดเหตุ คนร้ายไม่มีการกล่าวขอโทษใด ๆ อีกทั้งดูมีสติเลื่อนลอย คล้ายคนสติไม่ค่อยดี ส่วนทรัพย์สินก็ไม่ได้อะไรไป ซ้ำยังถูกข่มขู่ว่า “เดี๋ยวติดคุกไม่กี่ปี ก็เจอกัน” สำหรับเหตุการณ์ทั้งหมด ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานให้ไวกว่านี้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ระบุว่า ขณะนี้นำตัว นายปอ ศิริพันธ์ ผู้ต้องหา ฝากขังศาลจังหวัดนนทบุรีไปแล้ว เมื่อวันที่ 4 พ.ค. โดยเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส ส่วนกรณีที่ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นคนป่วยทางจิตหรือไม่นั้น จะต้องมีจิตแพทย์เข้ามาตรวจอีกครั้ง โดยหากพบความผิดจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป