จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ketkesorn Chathui โพสต์ภาพและข้อความวอนช่วยติดตามโจรงัดบ้านคุณลุง กวาดเงินทองเกลี้ยง แถมยังวางเพลิง และเปิดถังแก๊สทิ้งไว้ หวังเผาบ้านให้วอดทั้งหลัง แต่โชคดีที่มีผู้มาเห็นและดับได้ทัน
วันที่ 26 พ.ค. 62 ทีมข่าวอมรินทร์ลงพื้นที่นั่งเรือเล็กจากท่าเทียบเรือบ้านตะเสะไปยังเกาะสุกร หมู่ 2 ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งเป็นบ้านหลังเกิดเหตุ พบว่าถูกไฟไหม้เฉพาะในห้องนอน บริเวณกำแพงห้องยังมีรอยคราบเขม่าสีดำติดอยู่ ส่วนตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งที่ถูกไฟไหม้ได้ถูกนำออกไปทิ้งไว้หลังบ้าน
นายชัยพร เอ้งฉ้วน หรือ หมึก อายุ 40 ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุช่วงเช้ามืด เวลาประมาณ 05.00 น. ของวันที่ 24 พ.ค. 62 ตนและภรรยาได้ออกทะเลไปหาปลา กระทั่งน้องสาวโทรมาบอกว่าไฟไหม้บ้าน ตนจึงรึบกลับมา กว่าจะมาถึงบ้านเวลาประมาณ 08.00 น. พบว่าชาวบ้านช่วยกันดับไฟไปหมดแล้ว แต่เมื่อเข้าไปดูในห้องนอน พบว่าตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งถูกไฟไหม้ แต่มีเหมือนรอยคราบน้ำมันติดอยู่บริเวณพื้นและกำแพง และเมื่อตรวจสอบทรัพย์สินก็พบว่าแหวนคำ สร้อยข้อมือทองคำ และเงิน รวมมูลค่ากว่า 40,000 บาท หายไป ซึ่งตนก็สงสัยนายกฤษณะ ชาทุ่ย อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นน้องเขย ที่บ้านอยู่ติดกันว่าจะเป็นคนขโมย เนื่องจากเขาเป็นคนแรกที่เห็นว่าไฟไหม้บ้านตน และเป็นคนที่อยู่ข้างบ้านตอนเกิดเหตุ อีกทั้งยังมีพิรุธ เพราะเขาช่วยดับไฟในบ้าน แต่สาดน้ำแค่ 1 ถังบนที่นอน ซึ่งไม่ใช่จุดที่ไฟไหม้ หลังจากนั้นก็ออกมานั่งนอกบ้านทันที ไม่ได้ช่วยเหลือต่อ และตอนที่ตำรวจมาสอบสวน เขาก็มีอาการตัวสั่น ตนคิดว่าเป็นพิรุธ
นอกจากนี้ หลังเกิดเหตุนายกฤษณะก็ไม่เคยมาพูดคุยกับตน แม้ว่าตนจะพยายามติดต่อผ่านพี่สาวเขาไป เขาก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนขโมย และยังข่มขู่ว่าจะเผาบ้านตนให้เหลือแต่ตอ ทั้งที่ตนมีความสนิทสนมกับนายกฤษณะเป็นอย่างดี ไปไหนก็ไปด้วยกัน แต่ตนก็เคยรู้ว่าเขามักจะมีพฤติกรรมลักขโมยบ้างเล็กน้อย เช่น ขโมยไก่ชน จึงทำให้ตนสงสัย และยอมรับว่าตอนนี้ก็มองหน้ากันไม่ติด อย่างไรก็ตาม ตนตั้งข้อสังเกตว่าคนร้ายน่าจะมีกุญแจบ้านตน เนื่องจากหลานสาวได้ทำกุญแจบ้านหายไป 2 ดอก คาดว่าคนร้ายน่าจะเก็บได้ และคิดว่าคนที่ขโมยไม่ใช่คนนอกแน่นอน
ด้าน นายกฤษณะ ชาทุ่ย อายุ 38 ปี น้องเขยของเจ้าของบ้านที่ถูกไฟไหม้ และเป็นคนที่ถูกสงสัย เปิดเผยว่า ช่วงเช้ามืดก่อนเกิดเหตุ ตนกลับจากออกเรือ และเดินไปหยิบของนอกบ้าน เห็นเหมือนมีแสงเปลวไฟลอดออกมาจากช่องกำแพงของบ้านที่เกิดเหตุ ตนจึงไปปลุกภรรยา และชาวบ้านให้ไปช่วยกันดับไฟ ซึ่งตนก็พยายามงัดบ้านหลังที่เกิดเหตุเพื่อเข้าไปดับไฟ ยอมรับว่าเข้าไปสาดน้ำแค่ 2 ครั้ง และออกมานั่งซึมที่หน้าบ้านจริง เนื่องจากมีคนคอยฉีดน้ำดับไฟแล้ว และตอนนั้นตนรู้สึกตกใจ ทำอะไรไม่ถูก
นายกฤษณะ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าตอนที่ตำรวจมาที่เกิดเหตุ ตนไม่ได้มีอาการตัวสั่นอย่างที่พี่เขยกล่าวหา และยืนยันว่าตัวเองไม่ใช่คนก่อเหตุ พร้อมจะให้ปากคำกับตำรวจตลอดเวลา เพราะบริสุทธิ์ใจ และตนอยากให้คนอื่นมองให้แตกต่างว่า ถ้าตนเป็นผู้ก่อเหตุจริง ตนจะปล่อยให้ไฟไหม้บ้านแล้วไม่ต้องบอกใครก็ได้ แต่นี่ตนเป็นคนที่เรียกขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านให้มาช่วยกันดับไฟ ซึ่งตนไม่เคยมีความบาดหมางอะไรกับพี่เขย ก่อนหน้านี้ก็สนิทกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน และยืนยันว่าตนไม่เคยมีพฤติกรรมลักขโมยมาก่อน
ทั้งนี้ ตนยอมรับรู้สึกเสียใจมาก ๆ เมื่อนั่งนึกถึงน้ำตาก็จะไหล เพราะตนเป็นคนที่ช่วยเหลือเขาแท้ ๆ แต่กลับถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม ตนไม่กล้าสู้หน้าพี่เขย เพราะเขาคิดว่าตนเป็นคนร้าย อีกทั้งคนทั้งหมู่บ้านก็สงสัยตนอีกด้วย ตนจึงรู้สึกอึดอัด และเสียใจมาก