กรณีเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 65 เด็กชายภัทร อายุ 14 ปี ที่ชาว อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย พร้อมผู้ปกครอง ได้เข้าแย้งความต่อพ.ต.ต.มนัสวี บำรุงจิตร สว. (สอบสวน) สภ.เฝ้าไร่ ว่าถูกครูพงษ์ (นามสมมติ) ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บนั้น
จากการสอบปากคำเด็กชายภัทรให้การกับตำรวจว่า เมื่อวันนี้ 10 พ.ย. 65 เวลาประมาณ 14.00 น. เด็กชายภัทร อายุ 14 ปี ได้เตะพุตซอลอยู่กับเพื่อน ๆ ประมาณ 10 คน ในสนามฟุตซอล และได้เกิดการกระทบกระทั่งมีเรื่องทะเลาะกันกับรุ่นพี่ ชื่อที่เรียนอยู่ชั้น ม.4/2 ต่อ มาได้มีครูผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์จึงเข้ามาห้ามและทำการว่ากล่าวตักเตือนทั้งสองฝ่าย และให้เด็กชายภัทร ขอโทษรุ่นพี่และ ต่างฝ่ายต่างให้อภัยกันไม่ติดใจ พร้อมได้แยกย้ายกันไปที่ชั้นเรียนของตัวเอง
ขณะที่เด็กชายภัทร ได้เดินออกจากบริเวณที่เกิดเหตุได้ประมาณ 3-4 ก้าว ได้ถูกครูพงษ์ นามสมมติ ครูในโรงเรียน ตบเข้าที่ใบหน้าข้างซ้าย จำนาน 1 ครั้ง เด็กชายภัทรจึงเดินหนี แต่ครูพงษ์ ได้กระชากสายกระเป๋าสะพายที่ เด็กชายภัทร สะพายอยู่ ทำให้เด็กชายล้มลงไปในลักษณะนั่งคุกเข่า ครูพงษ์จึงใช้เท้าข้างขวาถึบเข้าที่หน้าอก 2 ครั้ง ทำให้เด็กชายภัทรได้รับบาดเจ็บ โดยตอนเกิดเหตุ มีนักเรียนบันทึกคลิปเป็นหลักฐานเอาไว้ แต่ครูพงษ์สั่งให้ลบ
จากนั้นครูพงษ์ ได้สั่งให้เด็กชายภัทร ไปพบที่ห้องกิจการนักเรียน ภายใน 2 นาที แต่เด็กชายภัทรไม่ได้ไป เพราะกลัวถูกทำร้ายอีก จึงได้โทรแจ้งให้ นางสาวกาณจนา ผู้เป็นแม่ทราบ แล้วให้มารับตัวมาตรวจร่างการและรักษาตัวที่โรงพยาบาลเฝ้าไร่ กระทั่งมาแจ้งความ
วันนี้ 14 พ.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้มาพูดคุยกับนายบอย นามสมมติ อายุ 28 ปี ญาติของน้องภัทร ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 เวลาประมาณ 14.00 น. ที่ผ่านมา เด็กชายภัทร พร้อมกลุ่มเพื่อน ได้ไปเล่นฟุตซอล แข่งกับรุ่นพี่ กระทั่งมีเรื่องกัน จากนั้นครูผู้หญิง 1 ราย ได้เข้ามาห้ามเด็ก แล้วให้เด็กทั้ง 2 ฝ่าย ขอโทษกัน จนเด็กจบกันด้วยดี แล้วก็แยกจากกัน
ระหว่างที่ ด.ช.ภัทร หลานชายตัวเอง ก้าวออกมาได้ประมาณ 3-4 ก้าว ครูพงษ์ นามสมมติ ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นครูฝ่ายปกครองนักเรียน ได้ขับรถมอเตอไซค์มาจอด แล้วเดินเข้าไปหา ด.ช.ภัทรหลานชายตัวเอง โดยที่ไม่ถามหลานชายตัวเองสักคำ จากนั้นเขาก็ตบหลานชายเข้าที่ใบหน้าด้านซ้าย 1 ครั้ง หลานชายจึงถามครูว่า ตบผมทำไม แล้วหลานชายก็พยายามจะเดินหนี จากนั้นครูคนดังกล่าว ก็เข้ามากระชากกระเป๋าหลานชาย จนหลานชายล้มไปนอนอยู่ที่พื้น จากนั้นครูพงษ์ ก็ได้ใช้เท้า กระทืบที่หน้าอกของหลานชาย 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 2 หลานชายตัวเองเอามือมาลังไว้ ทำให้นิ้วก้อยก็โดนเท้าครูไปด้วย
ตอนเกิดเหตุ มีนักเรียนถ่ายคลิป ที่ครูพงษ์ ทำร้ายร่างกายเด็กชายภัทรไว้ด้วย แต่หลังเกิดเกตุ มีครูในโรงเรียนสั่งให้ลบคลิปออกให้หมด เหตุการณผืที่หลานชายตัวเองถูกทำร้ายจึงไม่มีหลักฐาน หลังเกิดเหตุ ครูพงษ์ ได้เรียกน้องภัทร ไปพบที่ห้องกิจการนักเรียน แต่หลานชายกลัวจะถูกครูดังกล่าวทำร้ายร่างกายอีก จึงไม่ไป แล้วกผ้โทรหาตัวเอง และแม่ของเขา เพื่อให้ไปรับตัวไปโรงพยาบาล
โดยแพทย์ได้ตรวจร่างกายหลานชายพบว่า ที่แก้มซ้ายมีรอยแดง มีแผลยาว 1 ซม. ที่หน้าอกมีรอยแดง แต่ไม่พบว่ากระดูกหัก ตัวเองมองว่าครูพงษ์ เขาลงโทษนักเรียนเกินกว่าเหตุ และถือเป็นการกระทำที่รุนแรง เขาใช้อารมย์ส่วนตัวมากกว่าใช้เหตุผล // นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้าที่หลานตัวเองจะถูกทำร้าย ยังมีนักเรียนอีกคนหนึ่ง ถูกครูพงษ์ ลงโทษด้วยการต่อยหน้า เอาศอกสับฟน้ามาแล้ว ซึ่งเหตุการณ์นั้นมีคลิปบันทึกเอาไว้
ตัวเองยืนยันว่า ทางครอบครัวจะเอาเรื่องครูคนดังกล่าวถึงที่สุด หลังเกิดเหตุ ทางคู่กรณี ก็ไม่ได้มีมาขอโทษครอบครัวเด็กแต่อย่างใดและหลังเกิดเหตุ ครูที่โรงเรียน ก็มีการแจ้งในไลน์กลุ่มว่า “ห้ามนักเรียนให้ข่าว ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ถ้านักข่าวมาถาม ก็บอกไปว่า ไม่ทราบครับ/ค่ะ” สำหรับเด็กชายภัทรหลานชายตัวเอง เป็นคนมีนิสัยตลก แต่ไม่ถึงขั้นเกเร ที่ผ่านมา ก็ไม่เคยมีเรื่องส่วนตัวกับครูษ์มาก่อนเลย
ทีมข่าวได้นับคลิปวีดีโอ ที่เด็กชายภูมิ อายุ 15 ปี ผู้เสียหายอีกรายถูกครูพงษ์ กระชากคอเสื้อหลายครั้ง จากนั้นทำการต่อย 2 ครั้ง และสับศอกอีก 1 ครั้ง ที่หน้าเสาธง
ด้านนางพรศิลป์ โครตชุม แม่น้องภูมิ ผู้ที่ถูกทำร้ายในคลิป เล่าว่า เมื่อต้นเดือน ต.ค. 65 เพื่อนของลูกชายมาบอกตัวเอง ว่าลูกไปมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนที่โรงเรียนแล้วครูก็เข้ามาห้าม โดยครูคนดังกล่าวที่เข้ามาห้ามก็ได้ทำการลงโทษลูกชายด้วย หลังเกิดเหตุตัวเองได้ไปถามเรื่องราวกับครูที่โรงเรียน เขาก็บอกว่าลูกตัวเองเป็นฝ่ายผิด แต่เขาก็ไม่ได้ให้ตัวเองดูคลิปดังกล่าวแต่อย่างใดตัวเองจึงไม่ติดใจ
จากนั้นทีมข่าวจึงถามแม่น้องภูมิ ว่าสะดวกดูคลิปที่ลูกชายโดนครูลงโทษไหม แม่ก็บอกว่า อยากดูคลิปดังกล่าว เนื่องจากแม่ไม่เคยเห็นหลักฐานชิ้นนี้มาก่อน ซึ่งพอแม่ของน้องภูมิดูคลิปกับทีมข่าวแล้วแม่ก็ร้องไห้เสียใจ พร้อมบอกทีมข่าวว่า รับไม่ได้ ไม่คิดว่าลูกชายจะถูกทำร้ายรุนแรงขนาดนี้ ผู้ก่อเหตุเขาใช้ทั้งศอกทั้งหมัดในการก่อเหตุกับลูกชาย ยอมรับว่าแม่ไม่เคยเห็นคลิปดังกล่าวมาก่อน ถ้าลูกชายทำผิดจริงทำไมครูไม่ลงโทษลูกชายตามระเบียบของโรงเรียน ทำไมเขามาใช้ความรุนแรงกับเด็ก
ยอมรับว่าหลังเกิดเหตุ ลูกชายไม่ยอมบอกเรื่องที่เขาถูกลงโทษให้ตัวเองฟังเลย ตัวเองก็มาทราบจากเพื่อน ๆ ของลูกชาย ซึ่งตอนนั้นลูกชายก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้องประมาณ 3 วัน ตัวเองจึงไม่ได้สังเกตุเห็นบาดแผลหรือรอยช้ำของลูก
ด้าน ด.ช.ภูมิ อายุ 15 ปี ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า วันเกิดเหตุเมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค. 65 ตัวเองได้มีเรื่องชกต่อยกับรุ้นน้อง กระทั่งครูพงษ์ ผู้ก่อเหตุ ได้เข้ามาห้าม แล้วกระชากคอเสื้อตัวเองไปบนหน้าเสาจนเสื้อขาด จากนั้นเขาก็ใช้หมัดต่อยตัวเองและใช้ศอกตัวเอง
ซึ่งหลังเกิกเหตุวันแรก ตัวเองรู้สึกชา ๆ เท่านั้น แต่พอวันที่ 2-3 ตัวเองก็เจ็บปวดตามคอและใบหน้า จนต้องนอนเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่กล้าออกไปไหน ที่ผ่านมายอมรับว่าตัวเองทำผิด ก็จะถูกครูท่านอื่นลงโทษด้วยการตีสั่งสอนด้วยไม้เรียวเล็กน้อย ๆ เท่านั้น ไม่มีครูคนไหน ใช้หมัดต่อย และใช้ศอดต่อยแบบนี้
เวลา 13.00 น. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้พา น.ส.กาญจนา วระคัน อายุ 38 ปี แม่ของเด็กชายภัทร อายุ 14 ปี กลับมาบ้าน หลังไปสอบปากคำที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดหนองคาย
ทีมข่าวได้มาพูดคุยกับนางสาวกาญจนา วระคัน อายุ 38 ปี แม่ของเด็กชายภัทร อายุ 14 ปี เมื่อเช้าวันนี้ ตัวเองและเด็กชายภัทร ลูกชาย ได้เดินทางไปที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดหนองคาย เพื่อให้ปากคำกับอัยการและสหวิชาชีพ ซึ่งหลังจากให้ปากคำเสร็จ ลูกชายก็มีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นและอยากที่จะไปเรียนหนังสือ ไปพบกับเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน
ย้อนกลับไปวันที่ 10 พ.ย. 65 หลังจากลูกโทรบอกว่า ถูกครูลงโทษตัวเองจึงรีบเดินทางไปหาลูกชายก็ได้เห็นลูกร้องไห้ แล้วลูกก็เข้ามากอดแม่ จากนั้นลูกก็เล่าให้ฟังว่า ถูกครูพงษ์ตบหน้า 1 ครั้ง แล้วกระทืบอกอีก 2 ครั้ง โดยที่ยังไม่มาถามสาเหตุกับลูกชายเลย
ซึ่งการกระทำของครูคนดังกล่าว ตัวเองมองว่าเกินกว่าเหตุ และกับลูกชายก็ไม่ใช่กรณีแรก ก่อนหน้านี้ ก็มีเด็กนัดเรียนเคยโดนครูรายนี้ลงโทษรุนแรงมาแล้ว เมื่อวานนี้ ครูพงษ์ ผู้ก่อเหตุ เขาก็เข้ามาขอโทษ และยอมรับผิดที่บ้านตัวเอง บอกว่าเขาทำไปเพราะอารมย์ชั่ววูบ แล้วเขาก็นำค่าเยียวยามาให้ตัวเอง 10,000 บาท แต่ตัวเองไม่รับเลยขอตัวออกไปข้างนอกก่อน พอกลับมาบ้าน ก็พบว่าคุณยายของเด็กชายภัทร ซึ่งเป็นแม่ของตัวเอง ก็ได้รับเงินเยียวยามาแล้ว เหตุครั้งนี้ ตัวเองก็อยากให้ครูพงษ์ เขาถูกดำเนินการทางวินัย เพื่อที่เขาจะได้ไม่ไปกระทำความรุนแรงกับใครอีก ตัวเองขอยืนยันว่า ลูกชายไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวกับครูคนดังกล่าวแต่อย่างใด
ทีมข่าวได้มาพูดคุยกับเด็กชายหมี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ผู้เสียหายอีกราย เจ้าตัวให้ข้อมูลว่า เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา ตัวเองยืนหยอกล้อกันเล่นกับเพื่อน จู่ ๆ ครูพงษ์ ก็เข้ามาใช้หวายตีที่ขาตัวเอง 1 ครั้ง จนเป็นรอย ซึ่งวันดังกล่าว ตัวเองไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย โดยตอนนั้นตัวเองก็มีแผลเป็นรอยแดงช้ำ แต่ก็ไม่ได้บอกผู้ปกครองแต่อย่างใด
สำหรับครูพงษ์ตอนปกติไม่มีอะไรเขาก็เป็นคนอารมย์ดี แต่ถ้าดขาอารมย์ไม่ได้ เขาก็จะโมโหง่าย มีอารมย์รุนแรง ยอมรับว่าหลังเกิดเหตุ ด.ช.ภัทร ถูกทำร่ายร่างกาย ครูในโรงเรียนก็สั่งห้ามให้ข่าวกับนักข่าว ถ้าใครให้ข่าว จะถูกเรียกเข้าห้องปกครอง
ด้านนายประหยัด เถื่อนหมื่นไวย เจ้าหน้าที่นิติกร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาหนองคาย ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า วันนี้ตัวเองก็ได้รับมอหมาย จาก ผอ. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาหนองคาย มห้มาพูดคุยกับครอบครัวเด็กผู้เสียหาย ซึ่งหลังจากพูดคุยเสร็จ ก็จะนำข้อมูลไปประชุมหารือกันอีกครั้ง จากนั้นก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนผู้ถูกกล่าวหา เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
สำหรับการลงโทษเด็กนักเรียน มีหลายขั้นอาทิ ว่ากล่าวตัดเตือน ทำทัณบนเอาไว้ และให้เด็กทำประโยชน์แทนการลงโทษ ส่วนการลงโทษด้วยไม้เรียว ก็ไม่สามารถทำได้ ตอนนี้ก็ได้ยกเลิกไปแล้ว
จากการที่ตัวเองได้ดูคลิป เอาที่ยังไม่รู้ต้นเหตุ ตัวเองก็มองว่า เป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินไป แต่ทางเจ้าหน้าที่ ก็ต้องสอบสวนครูดังกล่าวอีกครั้ง ว่าต้นเหตุมาจากอะไร ซึ่งถ้าพบว่าเป็นการกระทำคสามผิด ในระดับขั้นไหน ก็ต้องลงโทษตามบทลงโทษต่อไป คาดว่าใช้เวลาในการสอบสวนประมาณ 30 วัน
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมายังบ้านของครูพงษ์ ได้พูดคุยกับนายสำลี (นามสมมติ) และนางนุ่น (นามสมมติ) พ่อและแม่ของครูพงษ์ ให้สัมภาษณ์ทีมข่าวว่า พวกตัวเองทราบช่าวจากเพื่อนบ้าน เมื่อวานนี้ ว่าครูพงษ์ ลุกชายตัวเอง ไปมีข่าวลงโทษเด็กรุนแรง แต่พวกตัสเองก็ยังไม่ได้พูดคุยสอบถามลูกชายถึงรายละเอียดแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องคลิป ที่อ้างว่าลูกชายลงโทษเด็กทั้ง 2 คลิปนั้น พวกตัวเองก็ยังไม่เห็น และยังทำใจไม่ได้ ที่จะดูคลิปดังกล่าว ทีมข่าวถามว่า ปกติ ครูพงษ์ เป็นคนอารมย์ร้อนไหม พ่อและแท่ก็บอกว่า ลูกชายเป็นคนดี เป็นคนรักเด็ก เขาสอนที่โรงเรียนดังกล่าวได้ประมาณ 4 ปี ก็ไม่เคยมีเรื่องทำร้ายร่างกายเด็กแต่อย่างใด
ลูกชายเป็นคนสอนเอาจริงเอาจัง พาเด็กไปแข่งขันได้รางวัลตั้งหลายรางวัล “แล้วตอนเรียนลูกชายก็ได้รับเกียรตินิยมอันดับ 2 อีกด้วย” ตัวเองวอนสังคม อย่าพึ่งด่วนตัดสินลูกชาย เพราะความจริงอาจไม่ได้เป็นเหมือนที่พวกคุณเห็นคลิปก็ได้