จากกรณีเวลาประมาณ 17.25 น. วันที่ 18 พ.ย. 65 เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ได้รับแจ้งเหตุพบสถานที่ต้องสงสัยมีกลิ่นเหม็นเน่า คล้ายมีผู้เสียชีวิตอยู่ข้างใน จึงมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพ น.สวันเพ็ญ วงษ์เลี้ยง อายุ 52 ปี นอนหงายเสียชีวิตในห้อง โดยพบ นายณัฐพล จตุรภัทรทรัพย์ อายุ 72 ปี ซึ่งเป็นสามีนอนหลับอยู่ที่เตียงนอนในห้อง ตรวจสอบพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ทั้งคู่
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ทีวีไปยังที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นห้องแถวไม่มีชื่อให้เช่า โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยร่วมกตัญญู สวมชุดพีพีอีกำลังทำการเก็บกู้ศพ น.ส.วันเพ็ญ ออกมาจากห้อง โดยมี นายณัฐพล นั่งเฝ้าอยู่ทางด้านนอกห้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจ ATK นายณัฐพล และตรวจจากศพพบขึ้น 2 ขีด
โดยระหว่างที่มีการเก็บกู้ศพ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้สอบถาม นายณัฐพล สามีผู้เสียชีวิต ว่าทำไมไม่แจ้งตำรวจว่าภรรยาตาย ด้านนายณัฐพล ระบุว่า “ไม่รู้ว่าตาย คิดว่าเขานอนหลับ”
ขณะเดียวกันทีมข่าวพูดคุยกับ นายธนเดช อุบลรัตน์ หัวหน้ารถ น.เขต ผลัดกลางวัน มูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุจากเพื่อนบ้านว่าพบกลิ่นต้องสงสัยคล้ายผู้เสียชีวิตภายในห้องพัก ซึ่งชาวบ้านให้ข้อมูลว่ามีลุงป้าสองคนอาศัยอยู่ในห้องเช่า โดยในตอนแรกเคาะประตูเรียกไม่มีใครตอบรับ เข้าใจว่าต้องมีผู้เสียชีวิตสองรายภายในห้องอย่างแน่นอน
จากนั้นอาสาสมัครกู้ภัยร่วมกตัญอยู่ได้มีการประสานเจ้าของห้องพักเพื่อเปิดประตูเข้าไปพบเจอนายณัฐพล สวมเสื้อสีเหลืองนอนอยู่บนเตียงนอนภายในห้อง ส่วน น.ส.วันเพ็ญ นอนเสียชีวิตบริเวณด้านหน้าประตู ซึ่งนายณัฐพลยังอยู่ในอาการมึนงงว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาทำอะไร จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยมีการตรวจ ATK พบว่าทั้งสองคนติดเชื้อ โควิด-19 แล้ว และจากการประเมินคาดว่าเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 4-5 วัน
จากการสอบถาม นายณัฐพล ว่าเหตุใดจึงไม่แจ้งเจ้าที่ตำรวจว่าภรรยาตัวเองเสียชีวิตนายณัฐพลระบุว่าไม่รู้เรื่อง เข้าใจว่าภรรยานอนอยู่ ซึ่งชาวบ้านก็ให้ข้อมูลว่า นายณัฐพล ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ ส่วน น.ส.วันเพ็ญ มีโรคประจำตัว โดยสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต้องให้ทางนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจเป็นผู้ระบุสาเหตุการตายอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้มูลนิธิเส้นด้ายกำลังพยายามติดต่อญาติผู้เสียชีวิตอยู่ซึ่งเบื้องต้นทราบว่ากำลังจะเดินทางมาจากทางภาคอีสาน เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยยังคงรอรับใช้ประชาชนและขอพ่อแม่พี่น้องอย่ากาดตกเนื่องจากช่วงนี้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เริ่มกลับมาพุ่งสูงมากกว่าเดิม นายธนเดช กล่าว