“ชูวิทย์” ฟ้อง “สันธนะ” 2 ข้อหา “หมิ่นประมาท-สร้างพยานหลักฐานเท็จ” ปมโรงแรมเดอะเดวิส ทองหล่อ เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 พ.ย. 65 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และอดีตเจ้าของสถานบันเทิง พร้อมด้วยนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เดินทางมายื่นฟ้องดำเนินคดีกับนายสันธนะ ประยูรรัตน์ ทั้งคดีอาญา และคดีแพ่งใน 2 ข้อหา คือหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และสร้างพยานหลักฐานเท็จ โดยเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 100 ล้านบาท สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา นายสันธนะได้เข้าแจ้งความกรณีโรงแรมเดอะเดวิส บางกอก ทองหล่อ
ทั้งนี้นายชูวิทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนพูดเรื่องมาเฟียจีนสีเทา แล้วจู่ๆ นายสันธนะเข้ามาทำร้ายป้ายสีโรงแรม และยังมาพูดเรื่องสถานอาบอบนวดอีก ทั้งที่ตนขายไปทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี 2546-2547 ก่อนที่จะมาเล่นการเมือง แต่นายสันทนะกลับไม่รู้เรื่องแล้วยังมาพูดถามเรื่องการเสียภาษีอีก ที่ผ่านมาเราสู้กันทุกรูปแบบ แต่วันนี้ขอให้มาสู้กันทางกฎหมายดีกว่า นายสันธนะจบโรงเรียนนายร้อยฯ จบโรงเรียนเตรียมทหาร หรือจบโรงเรียนหญิง ดังนั้นอย่ามาใส่กระโปรงสู้ เวลาจะสู้ขอให้เปิดหน้าสู้ และที่บอกว่ามีเงิน ตนถามว่าทำธุรกิจอะไร ดังนั้นขอให้มาสู้กันที่ศาลและในวันพรุ่งนี้ (23 พ.ย.) ตนจะไปยื่นเรื่องนี้ที่สภาฯด้วย อย่างไรก็ตามหากตนได้ 100 ล้านบาท จะเอาเงินไปทำบุญกับโรงพยาบาลภายในกรุงเทพฯทั้งหมด และจะไม่เก็บไว้ที่ตัวเองแม้แต่บาทเดียว
เมื่อถามถึงกรณีที่นายสันธนะออกมาแฉว่ามีอดีตนายทหารระดับสูงระดับอดีต ผบ.ทบ.หนุนหลังอยู่นั้น นายชูวิทย์ กล่าวว่า ขอให้นายสันธนะเปิดชื่อมาเลยว่าเป็นใคร ส่วนที่บอกว่าชื่อแดง คนชื่อแดงมีตั้งเยอะแยะ พรุ่งนี้ขอให้ไปดูหลักฐานที่ตนจะยื่นให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธาน กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ แล้วจะรู้สาเหตุว่าเพราะอะไรนายสันธนะจึงถูกไล่ออกจากตำรวจ
ด้านนายอนันต์ชัย กล่าวว่า สาเหตุที่มาทำคดีนี้ให้กับนายชูวิทย์ เพราะนายชูวิทย์เปรียบเสมือนเป็นองคุลีมาลกลับใจ ได้ตีแผ่เปิดเผยปมธุรกิจสีเทาต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสันธนะได้ไปแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ โดยมีการนำภาพวิดีโอมาให้ตำรวจ พร้อมระบุว่าน่าจะมีการมั่วสุมเสพยาเสพติด และเปิดให้บริการเกินเวลาจนเป็นผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ เข้ามาตรวจค้นโรงแรมเดอะ เดวิสฯ แต่ปรากฏว่าไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย และนายสันธนะยังไม่หยุดแต่นั้น เพราะยังเจ้ากี้เจ้าการเหมือนเป็นผู้บัญชาการในการตรวจค้น ทั้งที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ และยังกล่าวใส่ร้ายโรงแรม ก่อให้เกิดความเสียหายกับบริษัทต้นตระกูลจำกัด ที่เป็นเจ้าของโรงแรม อีกทั้งหลังจากนั้นยังมีการโต้วาทีไปมา
วันนี้นายชูวิทย์จึงได้รับมอบอำนาจจากบริษัทต้นตระกูลจำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องที่ 1 และนายชูวิทย์เป็นโจทก์ยื่นฟ้องที่ 2 ฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายสันธนะในข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิด และสร้างพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ด้วยการไปถ่ายวิดีโอ และนำไปให้ตำรวจ เพื่อให้หลงเชื่อว่ามีการมั่วสุมเสพยา และก็ไปให้ข่าวสัมภาษณ์ จนทำให้เกิดความเสียหาย โรงแรมมีมากมายทำไมไม่ตรวจสอบ แต่กลับมาตรวจสอบที่นี่ ทำให้มองว่ามีนัยสำคัญ และยังออกมาตอบโต้ทั้งที่เรื่องไม่เกี่ยวกับตัวนายสันธนะเลย จึงต้องดำเนินการฟ้องร้องในคดีอาญา และเกี่ยวเนื่องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท
นอกจากนี้นายอนันต์ชัยยังได้มอบพระองคุลีมาลให้กับนายชูวิทย์ด้วย และเหลืออีก 1 องค์ หากนายสันธนะกลับใจก็จะมอบให้
ต่อมาเวลา 10.30 น. นายสันธนะได้เดินทางมา ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ตนมาไม่ทันนายชูวิทย์ และทราบว่าเขาไม่คอยด้วย สาเหตุที่มาวันนี้เพราะทราบว่าเขาจะยื่นฟ้องร้องตนต่อศาลอาญา พร้อมกับเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ตนจึงมาดูว่ามีการยื่นฟ้องจริงหรือไม่ และจะขอรับสำเนาคำฟ้องจากศาล ส่วนที่นายอนันต์ชัยมาเป็นทนายความให้นั้นก็เป็นคู่ขัดแย้งกับตนมาก่อน ถามว่าสมควรหรือไม่ ถ้าในคำฟ้องมีไปพาดพิงคนอื่น โดยเฉพาะบุคคลที่เขากล่าวหาเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจสีเทา ตนก็จะส่งเรื่องให้กับบุคคลดังกล่าวให้เขาฟ้องกลับมาเป็นคดี
ส่วนคดีที่โรงแรมเดอะ เดวิสฯ คดียังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน ยังไปไม่ถึงไหนเลย แล้วมาบอกว่าแจ้งความเท็จ และพยานหลักฐานเท็จถามว่าเท็จตรงไหน ถามว่ามีการพิสูจน์แล้วหรือยัง ซึ่งตนยืนยันได้ว่าคลิปวิดีโอดังกล่าวไม่ได้มีการตัดต่อ และเกิดขึ้นจากการที่ตนมีสายลับอยู่ข้างในไม่น้อยกว่า 4 คน โดยได้ให้การกับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว และตนจะติดตามว่ามีการขยายสำนวนไปถึงไหน มีการเรียกบุคคลที่อยู่คลิปในวิดีโอดังกล่าวมาให้ข้อมูลหรือไม่ อย่างไรก็ตามสำหรับคลิปวิดีโอดังกล่าวนั้นเป็นแค่ภาพกับเสียงบางส่วน ตนเป็นตำรวจและพนักงานสอบสวนมาก่อน ดังนั้นไม่ต้องมาสอนตน
