จากกรณีมีเหตุใช้อาวุธปืนยิงกันบริเวณริมฟุตพาทหน้าร้านซักรีด ของโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ ถ.รัฐคำนึง เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา พบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คน เจ้าหน้าที่ช่วยกันปฐมพยาบาล แต่สุดท้ายไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
ทราบชื่อผู้ตายคือ ส.ต.ต.จาตุรันต์ กุสุมาลร์ อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกํากับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 บ้านบุดี ต.บุดี อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าบริเวณศรีษะและลำตัวหลายนัด
หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ตรัยฤกษ์ ปัญญาไตรรัตน์ ผกก.สภ.เมืองยะลา สั่งการให้เจ้าหน้าตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ในพื้นที่ภายในเขตเทศบาลนครยะลา และบริเวณชานเมืองยะลา ให้ตรวจสอบและเร่งติดตามผู้ก่อเหตุอย่างเร่งด่วน
จนสามารถควบคุมตัว ด.ต.สนธยา จุมปาจม อายุ 44 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกํากับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 บ้านบุดี ต.บุดี อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ผู้ก่อเหตุ ขณะขับรถยนต์กระบะไว้ได้ที่บริเวณด่านตรวจก่อนถึงห้าเเยกบ้านสะเตง ถ.สาย15 ต.สะเตง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา พร้อมด้วยอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. ประจำกาย 1 กระบอก
สอบถามพบว่า ผู้ก่อเหตุ เข้าไปร้องเพลงคาราโอเกะเมื่อออกมาแล้วมีอาการมึนเมา แล้วได้พบกับผู้ตายและมีปากเสียงกันอยู่ข้างฟุตพาท จนนำไปสู่การก่อเหตุยิงกันในครั้งนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ก่อเหตุไปยัง สภ.เมืองยะลา เพื่อดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป
วันที่ 3 ธ.ค. 65 ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ พบกับ นายนึก (นามสมมติ) บ้านอยู่ตรงข้ามที่เกิดเหตุและเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่าเมื่อคืนเวลาประมาณตีหนึ่ง ตนนอนเฝ้ายามอยู่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 4 นัด จึงรีบออกมาดูปรากฏว่าเห็นคนตายนอนอยู่ที่ฟุตพาท นอนแน่นิ่งแล้วแต่ไม่กล้าเข้าไปช่วยเพราะกลัวจึงหลบเข้าไปที่บ้าน แต่ไม่เห็นคนยิง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มากันเต็มพื้นที่จึงค่อยออกมาดู ทราบที่หลังว่าเป็นตำรวจยิงตำรวจเอง ตอนที่ตนได้ยินเสียงปืนแล้วออกมาดูยืนยันว่าไม่เห็นคนอื่น ๆ หรือตำรวจคนอื่นยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ และหลังจากนั้นก็เห็นเพียงเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่มาช่วยปั๊มหัวใจ ในที่เกิดเหตุไม่มีเพื่อนตำรวจมาด้วยเลย
ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ร้านที่อยู่ใกล้กับร้านข้าวร้านประจำของผู้ก่อเหตุ โดยในภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพได้ขณะที่ผู้ก่อเหตุ ดาบตำรวจสนธยา ขับรถยนต์กระบะสีขาวมาจอดข้างทาง แล้วลงไปกินข้าวโดยสวมกางเกงผ้าโสร่ง ตัวเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุยิงสิบตำรวจ ดาบสวมเสื้อสีน้ำเงินตอนเดินลงจากรถดาบคนนี้เดินอ้อมไปยังหลังรถเพื่อเข้าไปที่ร้านอาหาร โดยจะสังเกตเห็นว่าช่วงจังหวะการเดินของดาบคนนี้มีลักษณะเดินเซ หลังจากกินข้าวเสร็จดาบตำรวจคนนี้ก็เดินกลับไปที่รถกระบะในสภาพเดิมเซ แล้วขับรถกระบะออกไปมุ่งหน้าไปยังจุดเกิดเหตุ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับตำรวจในกองกํากับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 บ้านบุดี ต.บุดี อ.เมืองยะลา จ.ยะลา บอกกับทีมข่าวว่ารู้จักสนิทสนมกับผู้ตายเป็นอย่างดีไปเตะบอลด้วยกันบ่อย แต่ผู้ตายเพิ่งย้ายมาจากที่เบตงได้ประมาณ 1 ปี เช่นเดียวกับผู้ก่อเหตุก็ย้ายมาจากเบตงได้ 1 ปี
ที่ผ่านมาไม่เคยทราบว่าทั้งสองคนมีปัญหาหรือไม่ชอบขี้หน้ากัน แต่ทั้งสองคนพอย้ายมาก็อยู่กันคนละแผนก นายดาบ ผู้ก่อเหตุปฏิบัติหน้าที่เฝ้าเวร ส่วนผู้เสียชีวิตปฏิบัติหน้าที่ด้านโยธาธิการ ส่วนเรื่องดื่มสุราก็ทราบว่าทั้งคู่ชอบดื่มแต่ดื่มเฉพาะช่วงวันหยุดไม่ได้ดื่มขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็ยอมรับว่าภาวะอารมณ์ของทั้งสองคนนั้นต่างกัน ผู้ตายเป็นคนใจเย็นส่วนผู้ก่อเหตุเป็นคนใจร้อน เรื่องนี้ในกองฯ ทราบกันดีและพึ่งมาทราบข่าวเมื่อเช้านี้ว่าก่อเหตุยิงกัน ก็รู้สึกสลดใจไม่น่าถึงขั้นยิงกันเต็มที่ทะเลาะวิวาทต่อยกันก็สุด ๆ แล้ว
ขณะที่ น.ส.นุ่น (นามสมมติ) ภรรยาของดาบตำรวจ ผู้ก่อเหตุ ยอมรับเมื่อคืนตนก็ไปกินข้าวกับสามีที่ร้านคาราโอเกะ ไปช่วงร้านใกล้ปิดแล้ว สามีก็เมาเป็นปกติเพราะเขาเป็นคนดื่มมาก เขาขับรถกระบะจะกลับไปที่แฟลตส่วนตนเองขับรถจักรยานยนต์ ซึ่งแยกกันมาและแยกกันกลับ ตอนที่ขับรถจักรยานยนต์ออกจากร้านได้ยินเสียงคล้ายปืน แต่ก็ไม่คิดว่าเป็นเสียงปืนและไม่คิดว่าเป็นของสามีตน
จนขับรถกลับมาที่แฟลตและสามีโทรมาบอกว่าได้ก่อเหตุแล้ว จึงรีบไปที่สถานีตำรวจ ตำรวจก็ได้จับตัวสามีได้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เท่าที่พูดคุยสอบถามสามีบอกว่าที่ก่อเหตุเพราะมีปากเสียงกับผู้ตายมาหลายครั้งแล้ว ไม่ชอบหน้ากัน และเมื่อคืนผู้ตายเดินชน ส่วนตัวคิดว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากฤทธิ์ของสุราเพราะปกติสามีไม่ได้เป็นคนขี้โมโหขี้โวยวาย แต่พอเหล้าเข้าปากก็จะมีนิสัยโวยวายเสียงดังทันที
ยืนยันว่าแม้ตนอยู่กินกับสามีคนก่อเหตุมา 5 ปี แต่ไม่เคยรู้เลยว่าสามีเคยมีปัญหากับผู้ตาย และส่วนตัวไม่รู้จักกับผู้ตายด้วย
ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เรียกตนไปสอบปากคำก็กำลังจะไปให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นกัน