แม็กกี้ อาภา เปิดใจครั้งแรกหลังไม่ต่อสัญญากับช่องมากสี คุณพ่อตุ๋ย อยากให้ลูกมีแฟน เรื่องเพศไม่จำกัด!
ซูโม่ตุ๋ย อรุณ ภาวิไล เปิดใจครั้งแรกถึงสาเหตุแยกทางกับภรรยามาแล้ว 27 ปี แต่ไม่มีใครรู้ พร้อมควงลูกสาวคนสวย แม็กกี้ อาภา มาเผยโมเมนต์ คุณพ่อ คุณลูก งานนี้คุณพ่อลั่นอยากให้ลูกสาวมีแฟน เพราะอยากอุ้มหลาน อีกทั้งยังเคลียร์ดราม่าใช้เส้นดันลูกสาวเข้าวงการ จนกลายเป็นนางเอกช่องดังกว่า 10 ปี แต่เพราะอะไรที่ทำให้แม็กกี้โบกมือลาไม่ต่อสัญญากับช่องมากสี ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow
หมดสัญญากับช่องเดิม?
แม็กกี้ : ประมาณเกือบจะ 10 ปี
พ่อตุ๋ย : ทีละ 5 ปี 2 รอบแล้ว
ทำไมถึงไม่ต่อ?
แม็กกี้ : เป็นจังหวะที่แม็กกี้หมดสัญญาพอดี แล้วช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมกับคุณแม่ได้ไปเจอกัลยาณมิตรที่ดี ได้มาศึกษา เจอธุรกิจใหม่
ตอนนี้เราให้น้ำหนักกับธุรกิจใหม่ของเรามากกว่า?
แม็กกี้ : ถือว่าเป็นช่วงที่เราให้ความสนใจ มีธุรกิจที่ทำอยู่ในช่วงโควิด 3 อย่าง ก็จะมีอสังหาฯ ทัวร์ และธุรกิจออนไลน์ เพราะคิดว่าช่วงโควิดธุรกิจออนไลน์กระทบน้อยที่สุด เราเลยคิดว่าอยากมีแบรนด์เป็นของตัวเองสักชิ้น
ลูกสาวมาปรึกษาไหมตอนที่จะต่อสัญญา แล้วบอกว่าหนูไม่ต่อ?
แม็กกี้ : เขาไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้นะ ส่วนใหญ่เขาจะปรึกษาบทที่จะได้รับเรื่องนี้ พ่ออ่านสิมันเหมาะกับหนูไหม แล้วมันควรเล่นหรือเปล่า แน่จากช่อง7 นี้ผมไม่รู้ ต่อก็ดี ไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร จะไปช่องไหนก็ได้ จะมาช่อง one ก็โอเค
จริงๆ เหตุผลเลยคือไม่ได้น้อยใจช่องใช่ไหม?
แม็กกี้ : ไม่น้อยใจเลยค่ะ เพราะว่าคนรู้จักแม็กกี้ได้ 2 อย่าง คือรู้จักเพราะว่าแม็กกี้เป็นลูกของคุณพ่อ แล้วอีกอย่างรู้จักเราจากผลงานของเราจริงๆ เรียกว่าเราก็เติบโตมา แต่พอถึงวันนี้เราคิดว่าเราอยากพัฒนาตัวเองมากขึ้น เพราะที้ผ่านมาทุกคนจะมีทักษะด้านเดียว
พ่อตุ๋ย : ผมจะบอกลูกเสมอนะว่านักแสดงเหมือนใบไม้ผลิใบ มันเปลี่ยนใบไปเรื่อยๆ ถ้ายังอยู่ต่อมันก็ต้องเล่นตามวัย ถ้าอยู่ต่อให้สมวัยก็ต้องเป็นพิธีกร ผู้ประกาศข่าว
แม็กกี้ : คุณพ่อก็อยากให้ฝึก
ตอนเป็นนักแสดงใหม่ๆ คนส่วนใหญ่บอกว่าดังเพราะพ่อ เพราะเป็นลูกพ่อ?
แม็กกี้ : ก็โดนเยอะ แรกๆ เข้ามาเขาคิดว่าเราเด็กเส้นแน่นอน เราเป็นลูกของคุณพ่อไง แต่ว่าพ่อจะให้กำลังใจเสมอ แล้วบอกว่า ถ้าสมมติเราเล่นไม่เก่งจริง ฝีมือไม่ดีจริง ไม่มีผู้จ้าง ผู้จัดคนไหนเอาเราทำงาน เคยเรียนการแสดงกับคุณพ่อเหมือนกัน
คุณพ่อเคยเปิดสอนอยู่สั้นๆ แล้วแม็กกี้เข้าไปเรียน พ่อไม่ได้อวยลูกเลยนะ พ่อด่า ว่าเลยต่อหน้าลูกศิษย์ทุกคน แม็กกี้ทำแบบนี้คือผิด ไม่มีแบบว่าอนุโลมว่านี่คือลูกสาว ผิดคือผิดเลยแล้วให้แก้ไข แล้วเขาให้กำลังใจ ถ้าเราจะอยู่ตรงนี้ได้ต้องฝีมือเลย
อันไหนยากกว่ากัน หน้ากล้องหรือหน้าคุณพ่อ?
พ่อตุ๋ย : รู้สึกว่าเขาจะไม่กลัวพ่อแล้ว เขาชินแล้ว คำถามคือเขาโตเพราะผมหรือเปล่า คือผมก็มีส่วน ผมเป็นนักแสดง แต่จริงๆ เขาโตเพราะแม่ เพราะว่าแม่เขาตามผมไปทุกกองถ่าย แล้วจากนั้นมาเขาเป็นคนพาแม็กกี้เข้าไปหางานที่ช่อง7 ที่นู้น ที่นี่ ฝีมือแม่เขาล้วนๆ ไม่ใช่ผม
ดังได้เพราะแม่?
พ่อตุ๋ย : เพราะแม่ แม่ดัน
ตอนนั้นคุณพ่อสอนว่ายังไงบ้าง?
พ่อตุ๋ย : อยากให้เข้าวงการ เพราะว่าผมเข้าวงการมาแล้วความได้เปรียบของคนที่เป็นนักแสดงเนี่ย ถ้าเกิดจะทำธุรกิจมันง่ายที่เราจะคุยกับนายทุนเลย ถ้าเป็นคนธรรมดาไปของานเขา โอ้โหกว่าจะไปถึงหัวหน้าแทบตาย
พ่ออยากให้ลูกได้สิ่งที่พ่อเคยได้?
พ่อตุ๋ย : ใช่ มันได้เปรียบ
แม็กกี้ : แต่หนูได้มานะ หนูได้ความเอ็นดูมา เพราะว่าคนส่วนใหญ่เขารู้จักคุณพ่อ ก็จะได้ความเอ็นดูเพิ่มขึ้น
พ่อตุ๋ย : แต่มีอยู่ข้อหนึ่งที่ผมสอนเขาอยู่เสมอ ถ้าจะเป็นนักแสดงที่ดี คือต้องเป็นคนดี อย่างแรกของคนดีก็คือ คนไทยสไมล์ คันทรี่ แล้วต้องไหว้ให้หมดเลย
ตอนนั้นมีข่าวแม็กกี้เบี้ยวละครไปรับอีเว้นท์เหรอ?
แม็กกี้ : ไม่มี ไปถ่ายละครทุกวันเลยค่ะ
มันมีข่าวออกมาไงว่าพอจะขอคิวกองละครไม่ให้ แต่ให้คิวอีเว้นท์ แต่จริงๆ เขาไม่ได้พูดถึงเรา เขาพูดถึงนักแสดงหลายๆ คน แต่ตอนนั้นโยงมาถึงเขาด้วย แต่จริงๆ มันไม่ใช่เราถูกไหม?
แม็กกี้ : ไม่ใช่
พ่อตุ๋ย : นักแสดงไม่จำเป็นต้องตามกองถ่ายตลอดเวลา เพราะว่ากองถ่ายเนี่ยเขาจะถ่ายเป็นเดือน เพราะฉะนั้น จังหวะที่มีงานนอกเข้ามาเราล็อก เราก็ต้องแจ้งกองถ่าย
แม็กกี้ : ไม่ แต่ตอนนั้นไม่ได้มีงานอื่นเลย ต้องอธิบายว่าสมัยแรกๆ ที่เข้ามาเรียนเรียนหนักมาก เรียนม.กรุงเทพ อินเตอร์ พอเรียนอินเตอร์ปุ๊บหยุดไม่ได้เลย แล้วอาจารย์ค่อนข้างจะเข้มงวดมากเลย นั่นแหละติดเรียน พอเรียนปุ๊บถ่ายละคร เป็นอย่างนี้ทุกวัน คุณแม่ก็จะคอยรับไปสอบ มากองถ่ายตั้งแต่เช้าตี5 แล้วไปสอบ พอสอบเสร็จก็กลับมาถ่ายละคร ไม่มีอีเว้นท์เลย คือถ้ามีอยากได้เหมือนกันนะ แต่ไม่มีจริงๆ อาจจะมีคนพูดๆ กัน แต่เราก็กล้ายืนยันว่า ถ้าเราไปจริงมันต้องมีรูปถ่ายอยู่แล้ว
มันจริงไหมที่พี่ตุ๋ยกับภรรยาหย่ากันตั้งแต่น้อง 2 ขวบ?
พ่อตุ๋ย : จริงครับ ลูกเองก็ไม่รู้นะ เพราะลูก 2 ขวบ ก็งงๆ ว่าพ่อไปต่างจังหวัดทำไมนานจัง
พอลูกเริ่มเข้าใจแล้วอธิบายให้เขาฟังยังไง?
พ่อตุ๋ย : ไม่ต้องอธิบาย เขาก็มาในรายการของ JSL แล้วยังพาไปทุกที่เหมือนปกติเลย ไปกินข้าวด้วยกัน ไปอะไรด้วยกัน เพราะตอนนั้นผมทำงานเป็นหลักอยู่แล้ว ผมก็ต้องส่งเสียทุกเดือน
แต่ตอนนั้นไม่ได้อยู่ด้วยกัน?
พ่อตุ๋ย : ไม่ แยกกันอยู่
แล้วลูกไม่ถามทำไมพ่อไม่มานอนบ้าน?
พ่อตุ๋ย : มันเป็นเหตุผลส่วนตัวของพ่อกับแม่ไง
แต่ก็ได้เจอกันอยู่?
แม็กกี้ : ได้เจอกันตลอด
พ่อตุ๋ย : ทำโรงเรียนสอนการแสดง คุณจอยนี่แหละมาชวน
แม็กกี้ : ยังเจอกันตลอด ทำงานด้วยกันตลอด หนูสัมผัสได้ว่าเขายังรักกันเหมือนเดิม
แล้วเรามารู้ตอนไหนว่าพ่อแม่เขาหย่ากัน?
แม็กกี้ : มาเข้าใจในช่วงที่เราเริ่มโต พอเริ่มโตแล้ววุฒิภาวะเราก็โต เข้าใจ แล้วโชคดีที่เราถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี คุณแม่ คุณพ่อ ปู่ ย่า ตา ยาย เลี้ยงเรามาดีมากต้องขอบคุณเลย
ถ้าเป็นคนอื่นก็เป็นปมตั้งแต่เด็ก?
แม็กกี้ : ไม่เป็นค่ะ จริงๆ แล้วมันอยู่ที่ทัศนะคติความคิดเราเลย ถ้าเรามองโลกในแง่ดี ถ้าเราเลือกโฟกัสในจุดที่มันดี เราก็จะมีความสุขเท่านั้นเลย
ตอนเด็กโดนล้อไหม?
แม็กกี้ : โดน
บูลลี่เหรอ?
แม็กกี้ : เพื่อนชอบล้อว่าลูกรุณๆ ลูกพ่อตุ๋ย
พ่อตุ๋ย : เรื่องที่บอกเมื่อกี้ไม่มีใครรู้ เพราะเวลาออกงานก็ไป พ่อ แม่ ลูก
แม็กกี้ : ทุกอย่างปกติ เราเลยไม่ได้รู้สึกว่ามันกระทบกระเทือนอะไร หรือเป็นปัญหากับเราไม่มี แค่โดนล้อชื่อพ่อแค่นั้น
พ่อตุ๋ย : คือผมอ้วนขึ้น แล้วคุณจอยก็อ้วนขึ้น นอนเตียงเดียวกัน มันตกเตียง มันอะไร
วัฒนธรรมที่บ้านเป็นยังไง?
แม็กกี้ : ทุกๆ วันหยุดเราก็จะไปหาคุณปู่ คุณย่า ท่านจะน่ารักมาก ปู่กับย่าจะชอบให้พร แต่ตอนนี้ท่านเสียทั้งคู่แล้ว เราจะซึมซับอยู่กับผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็กๆ ทุกอย่างอบอุ่นมาก ทางคุณป้า 3 ป้าจะดูแลหนู คือลดหุ่น ใส่รองเท้าเบอร์เดียวกับหนู ใส่เสื้อผ้าเหมือนหนู ใช้กระเป๋า ทุกอย่างคือยกให้หนูหมดเลย ดูแลหนูเหมือนหนูเป็นลูกสาว เครื่องสำอาง ครีม ทุกอย่างคือดูแลหนูหมดเลย
ยังหวงอยู่ไหม?
พ่อตุ๋ย : ไม่หวงอะไร ปาเข้าไปเท่าไหร่แล้วเนี่ย จะเรียนปริญญาเอกอยู่แล้วเนี่ย ไม่หวงแล้ว อยากมีหลานแล้ว
แม็กกี้ : แต่หนูยังมีพี่ชายอีกคนหนึ่ง
จริงๆ คืออยากให้ลูกมีแฟน?
พ่อตุ๋ย : ครับ ยังไม่เคยเห็นเลยตั้งแต่เกิดมา
แม็กกี้ตอนนี้มีคนคุยไหม?
แม็กกี้ : มีค่ะ ถามว่าพิเศษไหมกี้คิดว่าตอนนี้ทุกคนเท่าๆ กัน
แสดงว่ามีหลายคน?
แม็กกี้ : เราก็ศึกษาธุรกิจเยอะไง เราก็คุยหลายๆ ด้าน จะได้มีทักษะหลายๆ ด้าน เราจะได้เป็นคนเก่ง
พ่อตุ๋ย : หลังจากที่เขาโตแล้ว เขาจะมีทรัพย์สมบัติของเขาเองแล้ว เขาทำงานได้เอง เขาซื้อบ้าน บ้านที่ผมซื้อเขาไม่อยู่แล้ว เขาไปซื้ออีกหลัง ซึ่งแพงกว่าหลายเท่า รถก็เบนซ์ พ่อยังขับญี่ปุ่นอยู่เลย แล้วผู้ชายที่ไหนมันจะไปจีบ มันก็ตกใจหมดสิ เรียนปริญญาตรีไม่พอ เรียนปริญญาโท นี่ต่อเอกอีก
ตกลงที่พูดนี่อยากให้ลูกมีแฟนหรือไม่อยากให้มี?
พ่อตุ๋ย : อยาก แต่ผู้ชายมันตกใจไง
ในอดีตเขาเคยพาหนุ่มๆ มาให้รู้จักไหม?
พ่อตุ๋ย : หล่อมาเลย 3-4 คน ทอมทั้งนั้น
แม็กกี้ : หนูมีเพื่อนเยอะ มีรุ่นพี่เป็นทอมเยอะในกลุ่ม
หมายถึงเขาเคยพาผู้ชายมาให้พ่อรู้จักไหม?
พ่อตุ๋ย : มา แต่ว่ารวมอยู่ในกลุ่ม 5-6 คน มันชี้ชัดไม่ได้
พ่อพูดว่าทอมทั้งนั้น มีจำกัดเรื่องเพศไหม?
พ่อตุ๋ย : ถ้าทอมรักกับลูกจริงก็โอเคไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะว่าต้องการให้คนสองคนมาร่วมสร้างฐานะกัน นี่ทำงานอยู่คนเดียว ผมก็พยุงตัวของผมไป เขาก็พยุงครอบครัวกับแม่เขาไป ถ้ามีอีกคนมาผสานเนี่ยธุรกิจที่เขาคิดจะทำ 3 อย่าง สองหัวมันดีกว่าหัวเดียวอยู่แล้ว มันจะส่งเสริมให้งานมันรุ่ง เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นเรื่องเพศ เรื่องลูกหลานนี่ จิ้มเด็กกำพร้ามาเลี้ยงเป็นลูกก็ได้ แต่ขอให้เขาเลือกว่าเป็นลูกเขา
แม็กกี้ได้ยินแล้วว่าไง?
แม็กกี้ : โห นี่คือที่สุดมาก แสดงว่าเขารักหนูมากๆ จริงๆ ก็ขนลุกนะ ก็รู้สึกทราบซึ้ง
พ่อตุ๋ย : ถ้าเขาเลือกแล้วก็ต้องตามใจเขาแหละ
แม็กกี้ : พ่อเป็นคนที่เข้าใจยุคสมัยมาก ตอนนี้มันมาถึงยุคนี้แล้ว
พ่อตุ๋ย : ผู้หญิงกับผู้หญิงเขาแต่งงานจดทะเบียนกันได้แล้ว
เคยมองภาพตัวเองในชุดแต่งงานไหม?
แม็กกี้ : จริงๆ เป็นความฝันเลย ชอบโมเมนต์ในงานแต่งงานมาก แต่เราจะแอบขโมยโมเมนต์ในงานของเพื่อนๆหรือว่ารุ่นพี่ที่เราไป เราจะอินมาก คือถ้าเป็นไปได้ในงานแต่งงานของตัวเองก็จะชอบอะไรที่โรแมนติก ชอบเพลง ชอบบรรยากาศ ดอกไม้เยอะๆ มีเพลงที่โดนใจเรา แล้วมีเซอร์ไพรส์ที่สร้างความประทับใจและโรแมนติก
เราคิดไหมว่าเราอยากมีหลานจากเขา?
พ่อตุ๋ย : คิด อายุเราข้างหน้าจะดูแลเด็กแล้ว แต่ไม่เคยคุยกับเขาเป็นเรื่องเป็นราว ก็บอกเขาอยู่เรื่อยๆ แหละว่ามีเถอะ แต่ถ้าเขาอยากท้องมันก็ไม่อยาก เพราะตอนนี้มันทันสมัย แล้วเขาไม่ต้องรู้หรอก เดี๋ยวผมไปเอาน้ำเชื้อที่ไหนมาให้หมฉีดเข้าไป
แม็กกี้ : เอาอย่างนี้ เดี๋ยวหนูหาวิธีของหนูเองแล้วกัน
Advertisement