"ชูวิทย์" แฉพยานสำคัญถูกกล่อมให้ถอนตัวคดี "ตู้ห่าว" คาดใช้เวลา 2 ปีในการสืบพยาน

20 ม.ค. 66

"ชูวิทย์" แฉพยานสำคัญถูกกล่อมให้ถอนตัวคดี "ตู้ห่าว" คาดใช้เวลา 2 ปีในการสืบพยานกว่า 444 ปาก จวกตั้งข้อหาฟอกเงินช้าทำให้มีการโอนถ่ายทรัพย์สินจนเหลือเงินในบัญชีแค่ 1 แสนบาท

วันนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ โรงแรม เดอะ เดวิส คอนเนอร์วิงค์ ซอยสุขุมวิท24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองผู้เปิดโปงขบวนการทุนจีนสีเทา แถลงข่าวหลังอัยการสูงสุดยื่นฟ้องคดี นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว กับพวกรวม 41 คน เป็นจำเลย โดยในการแถลงข่าวนายชูวิทย์ ได้โทรศัพท์ต่อสายถึงพยานบุคคลสำคัญเป็นหนึ่งในพยาน 444 ปาก ของคดีตู้ห่าว เปิดเผยว่า ตนได้ไปให้การกับอัยการสูงสุดแล้ว รวมทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ไม่ทราบว่า ฝ่ายจำเลยรู้ได้อย่างไรว่าตนไปให้การในคดีดังกล่าว จึงได้พยายามโน้มน้าวให้ถอนตัวออกจากการเป็นพยาน หรือให้การปฏิเสธไม่รู้ ไม่เห็น แต่ไม่ได้มีการเสนอเป็นตัวเลข

1674215706040

นายชูวิทย์กล่าวว่า เชื่อว่าการสืบพยานจะต้องใช้ระยะเวลานานกว่า 2 ปี ในการสืบพยานกว่า 444 ปาก โดยขณะนี้พบว่ามีขบวนการที่จะทำลายพยานหลักฐาน คนที่ทำลายพยานหลักฐานเชื่อว่าเป็นคนที่ได้รับการประกันตัวไปก่อนหน้านี้ จึงเรียกร้องให้มีการถอนประกันผู้ที่ยุ่งเหยิงกับพยาน

นายชูวิทย์ ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า การตั้งข้อหาฟอกเงินล่าช้ากับนายตู้ห่าวจะทำให้มีโอกาสเคลื่อนย้ายถ่ายเททรัพย์สินออกไป เพราะที่ผ่านมาทรัพย์สินของตู้ห่าวที่ตรวจพบประมาณ 8 พันล้านบาท กลับไม่มีเงินสดแม้แต่บาทเดียว มีเพียงเงินในบัญชีแค่ 1 แสนบาทเท่านั้น

นายชูวิทย์กล่าวว่า สำหรับพยานที่ถูกโน้มน้าวขณะนี้มี 2 คน คนแรกคือคนที่เห็นการถอนเงินออกจากบัญชี และคนที่ 2 เป็นพยานของโรงแรม ซึ่งตนไม่สามารถให้รายละเอียดมากกว่านี้ได้ เนื่องจากขณะนี้พยานทั้ง 2 คน อยู่ในการคุ้มครองของตำรวจ นอกจากนี้ยังพบพยานอีก 1 คน ถูกข่มขู่จนเกิดความกลัวและขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้

1674215695418

"ตั้งข้อสังเกตว่า ขบวนการนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐคอยสนับสนุนและอยู่เบื้องหลัง ทำให้คดีบิดเบี้ยวหรือล่าช้า เนื่องจากแต่ละขั้นตอนใช้ระยะเวลานาน ทำให้พยานหรือหลักฐานเสียหายหรือเปลี่ยนแปลง เพราะจำเลยเป็นผู้มีอิทธิพลและมีเงิน จึงทำให้มีโอกาสในการต่อสู้และโน้มน้าวพยาน โดยการโน้มน้าวพยานจะถูกเสนอผลประโยชน์ในรูปแบบของเงิน เพื่อไม่ให้ไปให้การต่อศาล หากไปให้การก็ให้การปฏิเสธว่าไม่รู้และไม่เห็น ส่วนพยานที่ให้การแล้วก็ขอให้การใหม่ หรือสุดท้ายให้พยานหายตัวไป ไม่ต้องไปให้การต่อศาล" นายชูวิทย์กล่าว

ส่วนประเด็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ร่วมขบวนการตบทรัพย์ทุนจีนสีเทา ขณะเข้าตรวจค้นอดีตบ้านพักกงสุลใหญ่นาอูรู ประจำประเทศไทย ย่านสาทร ซึ่งตำรวจ 191, ดีเอสไอ, ทหาร และล่าม รวม 16 คน นายชูวิทย์ให้ข้อมูลว่า ต้นเรื่องนี้เกิดจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอไม่ใช่ตำรวจ 191 เนื่องจาก ดีเอสไอยังไม่สามารถตั้งเลขคดีได้ เพราะการตั้งเลขคดีจะต้องผ่านคณะกรรมการและต้องให้อธิบดีรับรอง แต่กรณีนี้เจ้าหน้าเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี จึงได้ประสานกองบัญชาการตำรวจนครบาลออกหมายจับและเข้าไปตรวจค้นร่วมกันและจากข้อมูลที่มีอยู่ส่วนตัวมองว่าอธิบดีดีเอสไอ ไม่รู้เรื่องในประเด็นการเรียกรับผลประโยชน์ และเชื่อว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อยู่ในระดับบริหารของดีเอสไอ ส่วนประเด็นที่เงินของกลางที่หายไป 9.5 ล้าน ประเด็นนี้ตนไม่รู้ว่าเงินอยู่ที่ไหน

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส