"ศาลฎีกา" พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ลงโทษประหารชีวิต 3 จำเลย แก๊งอดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง คดีอุ้มสาวทอม ฝังดินโบกปูนทับในรีสอร์ต
วันที่ 1 ก.พ. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่พนักงานอัยการ โจทก์ และนางสมพิศ ตรัยจันแดง นายบุญชู พลไธสง โจทก์ร่วมยื่นฟ้อง นายชัยยุทธ เบ็ญจชาติ หรือจบ, นายสามารถ แสงสิน, และนายภาณุเมศวร์ มีลา หรือจิ๋ว เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ
ตามฟ้องโจทก์สรุปว่า เมื่อเดือน พ.ย.-13 ธ.ค. 59 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้ง 3 ร่วมกัน นายนิวัฒน์ สวยทอง หรือโจ๊ก, นายภูมิทัศน์ พิบูรณ์สวัสดิ์ หรืออุ๋ม, น.ส.กรรณิกา กรุมรัมย์ หรือดาว, พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ อดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และ นายสนอง สมสิทธิ์ หรือหนอง จำเลยที่ 1-5 ในคดีหมายเลขดำที่ อ.13752/2560 ของศาลชั้นต้น กับพวกที่หลบหนีร่วมกันกระทำความผิด
กล่าวคือ พ.ต.อ.อำนวย และนายสนอง ร่วมกันจ้างวาน ยุยง ส่งเสริมให้ จำเลยทั้งสามในคดีนี้ ร่วมกันกระทำผิดด้วยการข่มขืนใจบังคับเอาตัว น.ส.สุภัคสรณ์ พลไธสง หรือน้องหญิง สาวทอมผู้ตาย ไปหน่วงเหนี่ยวกักขัง และบังคับให้ผู้ตายเลิกมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว และทางการเงินกับ น.ส.กรรณิกา ให้แก่พวกจำเลย
ต่อมาวันที่ 13 ธ.ค. 59 เวลากลางคืนหลังเที่ยงคืน จำเลยทั้ง 3 กับพวกได้แบ่งหน้าที่กันทำ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ฉุด ลาก ดึง เอาตัวผู้ตายขึ้นรถกระบะ ไปหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้ตายไว้ตามอาคารต่างๆ ใน จ.กาญจนบุรี และบังคับให้ผู้ตายเลิกมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว และทางการเงินกับ น.ส.กรรณิกา เพราะ พ.ต.อ.อำนวย และนายสนอง เป็นผู้ใช้จ้างวาน
ต่อมาผู้ตายขัดขืน และทราบว่าบุคคลใดเป็นผู้ก่อเหตุและร่วมกระทำความผิด ทำให้จำเลยทั้งสามกับพวก โดยมีเจตนาฆ่าผู้ตายให้ถึงแก่ความตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ใช้มือหรือวัตถุอื่นใดอุดกั้นไม่ให้ผู้ตายหายใจได้ จนเป็นสาเหตุให้ผู้ตายขาดอากาศหายใจจนถึงแก่ความตาย แล้วนำศพผู้ตายนำไปฝังในหลุมที่ขุดเตรียมไว้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี ก่อนนำตะแกรงมาวางปิดไว้แล้วใช้ปูนซีเมนต์โบก ทับ เพื่อปิดบังสาเหตุการตาย
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสาม กระทำความผิดตามฟ้องจริง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจำคุกคนละ 3 ปี ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งเป็นบทหนักสุด ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม ฐานซ่อนเร้น อำพรางศพจำคุกคนละ 1 ปี
แต่เมื่อลงโทษทุกกระทงแล้ว คงลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสามสถานเดียว กับให้จำเลยทั้งสาม ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 1,674,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค. 60 จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น
ต่อมาจำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าบางส่วน แต่ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนพิพากษายืนลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสามสถานเดียว และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยให้กับโจทก์ร่วม ต่อมาจำเลยทั้งสามยื่นฎีกา
โดยศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่สามฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสำนวนคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง นายนิวัฒน์ หรือโจ๊ก สวยทอง, นายภูมิทัศน์ หรือ อุ๋ม พิบูรณ์สวัสดิ์, น.ส.กรรณิกา หรือดาว กรุมรัมย์, พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ อดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และนายสนอง หรือกำนันหนอง สมสิทธิ์ กำนัน ต.ลาดบัวขาว อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเดียวกันนั้นจากการตรวจสอบข้อมูล
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 62 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1,2,4,5 ร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องจริง พิพากษาประหารชีวิตนายนิวัฒน์ หรือโจ๊ก จำเลยที่ 1 และ นายภูมิทัศน์ หรืออุ๋ม จำเลยที่ 2 สถานเดียว ส่วน พ.ต.อ.อำนวย จำเลยที่ 4 ให้จำคุก 15 ปี ส่วน นายสนอง หรือ กำนันหนอง จำเลยที่ 5 ลงโทษจำคุก 10 ปี
นอกจากนี้ ศาลยังมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1, 2, 4, 5 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติของผู้เสียชีวิต โจทก์ร่วมที่ 1 ด้วยเป็นเงิน 2,790,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นนั้น นับตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค. 60 ซึ่งเป็นวันกระทำละเมิดเป็นต้นไป
ส่วน น.ส.กรรณิกา หรือ ดาว จำเลยที่ 3 ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอ โดยคาดว่าคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในศาลสูงอยู่