ตร.ลุยสืบคดี ''​น้องต่อ''​ เด็ก 8 เดือนหายตัวปริศนา ค้นบ้านแฟนเก่าโต้ลักเด็ก (คลิป)

จากกรณี ด.ช.ต่อศักดิ์ แสงสว่าง หรือ น้องต่อ อายุ 8 เดือน หายออกจากบ้านปริศนาในวันที่ 5 ก.พ. 66  โดยบ้านเกิดเหตุอยู่ในพื้นที่หมู่ 6 ต.หินมูล อ.บางเลน จ.นครปฐม

วันที่ 7 ก.พ. 66 เมื่อเวลา 9.30 น. นายสิทธิโชค แสงสว่าง หรือ พุด อายุ 19 ปี พ่อของน้องต่อ และ น.ส.พิไลภรณ์ ก่อเจริญ หรือ นิ่ม อายุ 17 ปี แม่ของน้องต่อ ได้จุดธูปมาไหว้เจ้าที่ขอขมาลาโทษขอให้ได้พบลูกที่หายไป

ส่วนบรรยากาศภายในที่เกิดเหตุวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและสุนัขดมกลิ่นมาทำการค้นหาในบริเวณห่างจากบ้านประมาณ 100 เมตร แต่ก็ไม่มีวี่แววที่จะพบน้องต่อ โดยเจ้าหน้าที่ได้นำสุนัข 2 ตัวออกดมกลิ่นของน้องต่อ เอาเสื้อผ้าของเด็กมาให้สุนัขดม แล้วให้สุนัขออกตามหาบริเวณห่างจากบ้านประมาณ 100 เมตร ทั้งป่าข้างบ้านด้วยแต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไร ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เชิญพ่อแม่ของน้องต่อไปทำการสอบปากคำอีกครั้งเพื่อหาเบาะแสที่เด็กหาย

ทีมข่าวได้ข้อมูลจากชุดสืบสวนว่า มีเบาะแสจากชาวบ้านพบบุคคลต้องสงสัยด่อม ๆ มอง ๆ และมีเด็กนั่งหน้ารถจักรยานยนต์ ก่อนขี่รถผ่านบริเวณถนนสายหลักหรือ 3351 ซึ่งพิกัดกล้องตัวนี้ไกลจากบ้านที่เกิดเหตุกว่า 2 กม.

ชุดสืบสวนตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ก่อนได้ข้อชัดเจนแล้วว่าเป็นชายสวมเสื้อสีเขียว มีสาวเสื้อสีขาวซ้อนท้ายขณะที่เด็กซึ่งนั่งข้างหน้าเป็นเด็กหญิงผมสั้นติ่งหูอายุประมาณ 3-4 ขวบ ไม่ตรงกับคำให้การของแม่เด็ก ชุดสืบสวนจึงตัดประเด็นนี้ทิ้งออกไป เน้นเค้นสอบสวนแม่เด็กเนื่องจากมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงบนถนนสายหลักทั้ง 2 ฝั่ง ไม่พบบุคคลสวมเสื้อสีเหลืองในช่วงเวลาที่แม่เด็กอ้างว่าลูกชายถูกอุ้มไป

นายพุด และ น.ส.นิ่ม กล่าวว่า ลูกชายถูกชายสวมเสื้อแขนสั้นสีเหลืองอุ้มวิ่งหนีไปเวลาประมาณ 07.00 ของวันที่ 5 ก.พ. 66 โดยเมื่อคืนตนถูกเค้นสอบตลอดทั้งคืน 

น.ส.นิ่ม ยืนยันว่าเวลา 05.00 น. ลูกร้องตนจึงชงนมให้ลูกลูกได้ดื่มแล้วหลับไป ซึ่งตนก็ได้หลับไปพร้อมลูก จากนั้นเวลา 06.00 น. ลูกร้องอีกรอบตนจึงเปิดมุ้งครอบออกเอานมให้ลูกกิน ก่อนตนจะเผลอหลับไปกระทั่งเวลา 07.00 น. ตนสะลึมสะลือตื่นมาเห็นหลังชายซึ่งสวมเสื้อแขนสั้นสีเหลืองหันหลังในลักษณะอุ้มบางอย่างแล้ววิ่งออกไป แต่ตอนนั้นตนคิดว่าญาติอุ้มลูกไป จึงวิ่งไปถามแต่ญาตินอนอยู่และใส่เสื้อสีเทาไม่เหมือนที่ตนเห็น 

ขณะที่ นายพุด พ่อเด็ก ย้ำว่าตำรวจสอบปากคำตนและแฟนสาวพุ่งเป้าที่ว่าพวกตน 2 คน เอาลูกไปให้คนอื่นเพื่อแลกเงิน ตนอยากยืนยันว่าตนบริสุทธิ์ใจให้เช็กบัญชีได้ และตนไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินไม่มีมีทางสร้างเรื่องให้เดือดร้อน เพราะตอนนี้พ่อของตนก็ป่วยนอนโรงพยาบาลกว่า 7 วันแล้ว

ขณะที่ สภ.บางหลวง นายวุฒิพัฒน์ พุ้งกุมาร หรือ “กล้า” อายุ 18 ปี แฟนเก่าของแม่เด็ก ได้เดินทางมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจกับทางเจ้าหน้าที่ โดยก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าไปสอบปากคำ “นายกล้า” ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวยืนยันว่า ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งในวันเกิดเหตุทำงานรับจ้างอยู่ที่บ้านใน อ.บางเลน และไม่ได้ติดต่อกับนิ่มมานาน 4-5 ปีแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ที่คบหากันประมาณ 1 เดือน เคยถูกครอบครัวของนิ่มแจ้งความและฟ้องร้องในคดีพรากผู้เยาว์

ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้น ครอบครัวของตัวเองเสนอจะดูแลเลี้ยงดูนิ่มทั้งการกินอยู่และการศึกษา แต่ฝ่ายหญิงไม่รับข้อเสนอ ทางศาลก็เลยให้เลิกรากันไป และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย และไม่รู้มาก่อนว่าฝ่ายหญิงมีครอบครัวแล้ว รวมถึงไม่รู้ว่าฝ่ายหญิงย้ายไปอยู่ที่ไหน

กระทั่งล่าสุดมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาหาที่บ้านตอนช่วงสาย ก็ยอมรับว่าตกใจ จึงรีบเข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจทันทีและอยากถามเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “ทำไมถึงมีชื่อตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้อง” ทั้ง ๆ ที่ตัวเองนอนอยู่ที่บ้าน นายกล้า กล่าว

ด้าน นายสราวุฒิ คำสุวรรณ อายุ 41 ปี พ่อของนายกล้า ยอมรับว่า วันที่ข่าวออกทราบข่าวว่าเด็กหาย ยังมีการเตือนกันอยู่เลยว่าให้ระวังมีการลักพาตัวเด็ก เพราะตนก็มีลูกชายวัย 3 ขวบ ยังเล็กอยู่ แต่ไม่คิดว่าเด็กที่หายเป็นลูกของอดีตลูกสะใภ้

ทั้งนี้เป็นห่วงลูกชายมากหลังจากทราบข่าว เมื่อตำรวจติดต่อเข้ามาจึงรีบพาลูกชายเข้ามาพบตำรวจทันที โดยยืนยันว่า ลูกชายไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งในวันเกิดเหตุตัวเองเป็นพยานได้ว่า “ลูกชายอยู่บ้านจริง” เพราะลูกชายเป็นคนนอนตื่นสาย จึงไม่มีเหตุผลที่ลูกชายจะไปเกี่ยวข้อกับเรื่องนี้ได้เลย

ส่วนเรื่องคดีความในอดีตที่เคยเกิดขึ้นก็จบลงด้วยดี และที่ผ่านมาเคยเห็นครอบครัวของฝ่ายหญิง ขับรถซาเล้งผ่านหน้าบ้าน เพราะครอบครัวฝ่ายหญิง รับซื้อเศษเหล็กและขวดพลาสติก เมื่อเห็นกันพ่อฝ่ายหญิงก็จะพยักหน้าให้กัน เป็นการทักทายตามปกติและน้องนิ่มก็ยังยกมือไหว้ตัวเองด้วย

ดังนั้นวันนี้ค่อนข้างแปลกใจว่า ทำไมตำรวจถึงไปตามลูกชายถึงที่บ้าน ทั้งที่เลิกรากันไปนานแล้ว ร่วมทั้งได้ดูจากข่าวฝ่ายหญิงยืนยันว่าไม่ได้ติดต่อกันเลย แต่ทำไมตำรวจยังเรียกลูกมาสอบ

ผู้สื่อข่าวรับรายงานว่า ชุดสืบสวน สภ.บางหลวง สงสัยห้องส้วมภายในบ้านมีการโบกปูนขึ้นมาใหม่ จึงเข้าทำการตรวจสอบทันที พร้อมใช้สุนัข K9 ช่วยดมกลิ่นหาเบาะแสแต่ไม่พบอะไร ชุดสืบสวน สภ.บางหลวง ทำการสอบปากคำเรื่องนี้กับ นายพุด และพี่สาวนายพุดยืนยันตรงกันว่า ได้มีการโบกปูนใหม่เมื่อ 2 สองสัปดาห์ก่อนเด็กหายโดยรอบโถส้วมจริง เนื่องจากโถส้วมมีกลิ่นแก๊สไข่เน่าลอยขึ้นมา

นางสาวรัศมี แสงสว่าง อายุ 29 ปี พี่สาวของนายพุด ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ภายในบ้านเป็นพื้นที่ต่ำเมื่อปี 64 เกิดน้ำท่วมแม้มีการทำคันกั้นดินแต่รับน้ำไม่อยู่ต่อมาปี 65 จึงนำอิฐบล็อกมาวางเรียกตั้งขึ้นเป็นที่นอนป้องกันน้ำท่วม ส่วนที่ต้องโบกโถส้วมใหม่เพราะส้วมซึมมีกลิ่นแก๊สเหม็นเน่าจึงทำการโบกปูนใหม่ซึ่งทำเป็นเดือนแล้ว หากตำรวจสงสัยสามารถทุบดูได้เลยจะได้สิ้นข้อสงสัย

นางรัศมี กล่าวต่อว่า ในคืนวันก่อนเกิดเหตุพ่อและแม่ของเด็ก นั่งกินหมูกระทะกันอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านในช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. โดยทั้งคู่มีปากเสียงกันและแม่เด็กได้ประชดเอามุ้งไปทิ้งขยะบริเวณหน้าบ้าน แต่ไม่ได้มีความรุนแรงเกิดขึ้น จนกระทั่งช่วงเช้าวันที่ 5 ก.พ. 66 หลานหายตัวไป ซึ่งพ่อของเด็กโทรมาบอกช่วงเวลา 09.00 น. ตนก็ตกใจมาก พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาพ่อและแม่ของเด็กมักมีปากเสียงกันเป็นประจำ ส่วนใหญ่จะเถียงกันเรื่องเลี้ยงลูกด่าทอกันเรื่องผลัดกันให้นมตลอด

ด้าน นายพวง เล็บประดู่ หรือ ลุงวี อายุ 77 ปี ชาวบ้านในพื้นที่และเป็นบุคคลที่เข้ามาซื้อเหล้าขาวภายในบ้านเป็นคนสุดท้าย ช่วงเวลาประมาณ 07.00 น. ก่อนเด็กจะหายตัวไป 

โดย ลุงวี ลองจำลองสถานการณ์ให้ดูช่วงจังหวะที่จ่ายเงิน 20 บาท ซึ่งหนีบไว้บนตู้ที่อยู่กลางบ้าน ที่ใช้กั้นระหว่างที่นอนกับร้านค้า ลุงวีบอกว่าตอนนั้นสังเกตเห็นว่ามีหลานสาววัย 12 ขวบ นอนอยู่ ส่วนพ่อแม่ของเด็กนอนหลับอยู่และน้องต่อที่นอนร้องอ้อแอ้อยู่กลางบ้านไม่ได้นอนในมุ้งครอบ หลังจากนั้นตนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการทุบโถส้วมดังกล่าว พร้อมขอความอนุเคราะห์จากเทศบาล ต.หินมูล มาทำการดูดส้วมปรากฏไม่พบร่างเด็กหรือวัตถุใดที่เชื่อมโยงไปหาเด็ก

ขณะที่ผู้สื่อข่าวที่ติดตามความคืบหน้าอยู่ที่ สภ.บางหลวง พลตำรวจตรีจักรกฤษ เครือสุนทรวานิช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้ากรณีนี้ด้วยตัวเอง เปิดเผยก่อนเข้าพูดคุยกับชุดคลี่คลายคดีเพียงสั้น ๆ ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบอะไรได้เข้าใจว่าหลายคนเป็นห่วงเด็ก

ตอนนี้ได้รับรายงานเพียงว่า เด็กหายไปเมื่อวันที่ 5 ก.พ.66 และพ่อกับแม่เด็กเพิ่งเข้าแจ้งความวันที่ 6 ก.พ. 66 วันนี้ตนจึงต้องขอดูข้อมูลจากตำรวจในท้องที่ก่อน พลตำรวจตรีจักรกฤษ กล่าว

ด้าน นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายมูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยแนวทางการค้นหาว่า การค้นหาวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว เจ้าหน้ายังไม่ได้ตัดประเด็นใดทื้ง และจากประสบการณ์ทำงานด้านเด็กหายเชื่อว่าเด็กอายุ 8 เดือน ไม่สามารถเคลื่อนที่ไปเองได้ระยะไกลได้ ต้อมมีบุคคลมาพาเด็กไปและต้องเป็นคนคุ้นเคยในพื้นที่

ดังนั้นในสภาพพื้นที่ เป็นเรื่องยากมากที่เข้ามาแล้วประสบเหตุเจอเด็กพอดีแล้วพาตัวไป เพราะเป็นลักษณะพื้นที่เฉพาะอยู่ในบ้าน อยู่ในชุมชน และจุดที่เด็กนอนอยู่ในบ้านเป็นมุมเฉพาะมาก ๆ ที่จะมีคนมารับรู้ว่าเด็กอยู่ตรงจุดนั้น จนสามารถเดินเข้าไปอุ้มเด็กออกมาโดยที่เด็กไม่ร้องได้ เป็นเรื่องที่ต้องหาคำตอบว่าใครกันจะมีสามารถที่จะรู้ว่าเด็กนอนตรงนี้ เข้ามาจุดนี้ ในเวลาที่เด็กหายพอดี

นายเอกลักษณ์ กล่าวต่อว่า คนที่ไม่รู้จักชุมชน ไม่รู้จักบ้านเด็ก คงไม่สามารถเข้ามาแล้วเจอเด็กพอดี ก็ต้องเป็นคำตอบอีกมุม ซึ่งจากประวัติเด็กเคสอื่น ๆ หายในช่วงที่ผ่านมา โอกาสที่จะเจอเด็กยังมีอยู่ ทั้งสื่อมวลชนช่วยเสนอข่าวกดดันผู้ก่อเหตุ กดดันผู้ที่มีส่วนรู้เห็นและแจ้งเบาะแสเข้ามา และต้องฝากตำรวจให้เดินเครื่องเต็มที่ต่อไป ขณะที่มูลนิธิกระจกเงาก็จะติดตามคดีนี้จนกว่าจะมีคำตอบ

ส่วนประเด็นที่พ่อเด็กตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีคนเข้ามาขโมยเด็กในช่วงเวลาที่เผลอ นายเอกลักษณ์ ระบุว่ายังต้องรับฟังกันทุกประเด็น แต่อยากบอกว่าจากประสบการณ์ที่ค้นหาเด็กหายที่มูลนิธิกระจกเงาดำเนินการที่ผ่านมา ต้องบอกก่อนว่าเวลาเด็กหาย จะไม่ใช่แก๊งรถตู้หรือขบวนการลักพาตัวเด็ก ส่วนใหญ่ลักษณะการก่อเหตุลักพาตัวเด็กเล็กจะกระทำแค่คนเดียว ซึ่งวัตถุประสงค์มีตั้งแต่เรื่องเสน่หา เอ็นดู บางเคสอาจเป็นเรื่องความขัดแย้งความรุนแรงในครอบครัว บางเคสที่เด็กอาจถึงแก่ชีวิตหลังลักพาตัว จึงต้องไปซ่อนเร้นอำพราง

แต่ทั้งนี้ต้องวิเคราะห์ด้วยว่า คนที่จะลักพาตัวไปมีเจตนาแบบไหน คำตอบของเรื่องนี้อยู่ในลักษณะแบบนี้ สิ่งที่จะต้องดูเคสนี้คือ บริบทที่เกี่ยวเนื่องว่า ใครอยู่ตรงไหนในชุมชนนี้ ทำอะไรในช่วงเวลาเด็กหาย ซึ่งอยากย้ำว่าโอกาสที่จะมีคนนอกนอนอยู่ตรงนี้เป็นเรื่องยากมาก ๆ ต่อให้เราเป็นคนนอกขับรถหลงเข้ามาในซอยนี้ ถามว่าจะเข้ามาก็ยากเพราะซอยเป็นทางโค้ง ต้องเป็นคนที่รู้ข้อมูลว่าเด็กนอนอยู่ตรงนี้เวลานี้ ครอบครัวนี้อยู่ในสถานะผู้เสียหายแม้มีบางคนตั้งข้อสังเกตว่า เป็นผู้ต้องสงสัยหรือไม่แต่ยังต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ปกครองด้วย ดังนั้นทุกประเด็นเรากำลังมุ่งหาคำตอบ นายเอกลักษณ์ กล่าว