ชาวบ้านเอือมระอา! วัยรุ่นป่วนเมืองปาบึ้มกลางกรุง วอนตร.จัดการด่วน (คลิป)

วันที่ 7 ก.พ. 66 อาสากู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญู เผยแพร่คลิปขณะออกปฏิบัติการเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 66 ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. โดยขณะปฎิบัติหน้าที่นำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล ปรากฏว่ามีกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะกันบริเวณสะพานข้ามคลองแสนแสบ มุ่งหน้าถนนเพชรบุรี โดยลักษณะคือมีกลุ่มวัยรุ่นยิงและขว้างปาระเบิดปิงปอง จนทำให้เกิดสะเก็ดระเบิดโดนรถกู้ภัยรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฎิบัติงาน อีกทั้งผู้คนที่สัญจรบนถนนในช่วงเวลาดังกล่าว

ล่าสุดทีมข่าวเดินทางไปพูดคุยกับ นายกิตติพงษ์​ พิมพูล ​อาสากู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญู ในฐานะคนถ่ายคลิป เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตนเองตั้งใจที่จะขับรถตามหลังรถกู้ภัยที่กำลังนำตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาล แต่ในระหว่างทางปรากฏว่าเห็นกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะกันและมีการเขวี้ยงปาสิ่งของรวมถึงไล่ยิงกัน จนเกิดเสียงดังคล้ายระเบิดหลายครั้ง

ตนจึงได้มีการบันทึกคลิปเอาไว้ ซึ่งบางช่วงที่รถกู้ภัยกำลังผ่านบริเวณจุดที่เด็กทะเลาะกัน มีการเขวี้ยงปาและสะเก็ดคล้ายมาโดนรถกู้ภัย ซึ่งตนเองค่อนข้างกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องของความปลอดภัย เพราะถ้าหากมาโดนรถกู้ภัยแล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น ก็จะทำให้ไม่สามารถนำตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที หรืออาจจะเกิดเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น นายกิตติพงษ์​ กล่าว

นายกิตติพงษ์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ตนเองเห็นว่าเด็กทะเลาะกัน ตนได้พยามที่จะเข้าไปสกัด พร้อมทั้งสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมต้องมีการเขวี้ยงปาระเบิดหรือยิงกัน ปรากฏว่ากลุ่มเด็กไหวตัวทัน ขับย้อนศรไม่กลัวว่ารถจะตามมาหรือไม่ แล้วรีบหลบหนีทันที

จากพฤติกรรมของเด็กกลุ่มดังกล่าว คาดว่ามีการเตรียมการมาแล้ว เนื่องจากมีการสวมใส่เสื้อผ้าปิดบัง พร้อมทั้งหมวกกันน๊อกมิดชิด ซึ่งเป็นการปิดบังไม่ให้ใครรู้ว่าเป็นเด็กกลุ่มไหน หลังจากที่ก่อเหตุแล้วสามารถที่จะไหวตัวได้ทันโดยไม่มีกล้องวงจรปิดหรือชาวบ้านจำได้ และที่สำคัญหลังจากที่ตนเองเข้าไปสกัดกั้น พบว่ามีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่คาดว่าเป็นกลุ่มเดียวกันกับเด็กต้องสงสาร แต่ปรากฏว่าอ้างว่าไม่รู้จักกันและไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน จึงทำให้ไม่สามารถที่จะดำเนินการใดต่อได้จึงต้องมีการปล่อยกลับบ้าน เพราะอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อคืนนี้

โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวอยากจะฝากเป็นอุทาหรณ์ เข้าใจว่าการก่อเหตุนั้นอาจจะไม่ใช่เด็กในพื้นที่ แต่เป็นการเข้ามาก่อความวุ่นวายให้กับชาวบ้าน รวมทั้งผู้ที่สัญจรไปมาบนถนนสายหลักเส้นถนนเพชรบุรี อาจได้รับอันตรายจากการคึกคะนอง หรืออาจจะส่งผลต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนอื่น จากนั้นจึงอยากจะให้เด็กกลุ่มดังกล่าวเลิกพฤติกรรม และไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับใคร

ต่อมาทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังชุมชนเพชรราม ซึ่งเป็นชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของเด็กที่มานัดรวมตัวกันและทะเลาะวิวาทรวมถึงมีการเขวี้ยงปาระเบิดปิงปองและยิงปืนใส่กัน นางวรรณา กำมะหยี่ อายุ 58 ปี ประธานชุมชนเพชรราม เผยว่า จากกรณีคลิปดังกล่าวและรวมถึงเด็กที่ปรากฏอยู่ในคลิปที่คาดการณ์ว่า อาจจะเป็นกลุ่มก่อเหตุเมื่อคืนนี้ จากการตรวจสอบแล้วไม่ใช่เด็กในพื้นที่ คาดการณ์ว่าอาจจะเป็นเด็กต่างถิ่น แต่อยู่ในละแวกพื้นที่ 4 เขต คือเขตพัฒนา เขตมักกะสัน เขตรามคำแหงหรือหัวหมาก และเขตคลองตัน

โดยกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ ใช้สถานที่เขตรอยต่อบริเวณชุมชนของตนเองในการนัดรวมตัวกันแล้วก่อเหตุ เพราะเข้าใจว่าจุดดังกล่าวนั้นเป็นจุดรับสายตาคน แล้วเวลามีการก่อเหตุหรือก่อความรุนแรงกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาถึงก็มีการบ่ายเบี่ยงหรือเข้าระงับเหตุได้ล่าช้า เพราะเป็นเขตรอยต่อของ 3 สน. คือ สน.คลองตัน สน.มักกะสัน สน.หัวหมาก กว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะแยกพื้นที่หรือแบ่งแนวเขตการกระทำผิดชัดเจน เมื่อมาถึงกลุ่มเด็กก็สลายตัวไปหมดแล้ว

สำหรับพฤติกรรมของเด็กที่มีการก่อเหตุ ยอมรับว่าเป็นการนัดรวมตัวกันและก่อเหตุยิงกันบ่อยครั้ง จนนับครั้งไม่ถ้วน บางครั้งชาวบ้านไปไล่จับกันเอง ซึ่งก็พบอาวุธปืนดัดแปลง แต่หลังจากที่มีการจับกุมได้ก็ส่งตัวไปให้กับตำรวจ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นตำรวจพื้นที่ใดรับผิดชอบหรือเป็นแม่งาน เพราะเนื่องจากเป็นเขตรอยต่อร่วม และที่สำคัญแม้ว่าจะถูกจับหรือแจ้งความจับเหตุทะเลาะวิวาทและใช้อาวุธปืนหรือปาระเบิด จับไปแล้วกลุ่มหนึ่งก็ยังมีกลุ่มใหม่หรือกลุ่มอื่นที่ไม่ซ้ำหน้าโทรเข้ามาก่อเหตุซ้ำอีก จนสร้างความหวาดผวาให้กับคนในชุมชน 

พฤติกรรมของกลุ่มเด็ก คือมีการใช้อาวุธปืนหรือระเบิด เวลามีการเขวี้ยงปากันก็ไม่ได้สนใจเป้าหมายว่าจะโดนใครบ้าง บางครั้งก็ไปโดนรถชาวบ้าน บางครั้งก็ไปโดนบ้านเรือนประชาชน บางครั้งก็ไปทำให้ชาวบ้านได้รับลูกหลง ฉะนั้นตนเองจึงอยากจะวอนให้หน่วยงานหรือคนที่รับผิดชอบเข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้จบได้โดยเร็ว เพราะตนเองไม่อยากให้เกิดการสูญเสียและไม่อยากให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของเด็กอันธพาล