สอบเครียด นิ่ม-พุด พร้อมเก็บดีเอ็นเอตรวจ สื่อฯบุกพิสูจน์จุดลับตาอุ้มน้องต่อ? (คลิป)

14 ก.พ. 66

จากกรณีที่ ด.ช.ต่อศักดิ์ แสงสว่าง หรือน้องต่อ หนูน้อยวัย 8 เดือน ลูกชายของนายสิทธิโชค แสงสว่าง วัย 19 ปี และภรรยาสาววัย 17 ปี หายตัวไปจากบ้านในพื้นที่หมู่ 6 ต.หินมูล อ.บางเลน จ.นครปฐม ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. อย่างเป็นปริศนา ตำรวจยังไม่สามารถคลี่คลายคดีได้

207572

ล่าสุดวันที่ 14 ก.พ. 66 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ สภ.บางหลวง ติดตามความคืบหน้าคดี ซึ่งช่วง 11.30 น. ตำรวจได้นำตัวนายสิทธิโชค แสงสว่าง หรือพุด อายุ 19 ปี มาที่โรงพัก เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมบางประเด็น ท่าทีของนายพุดเคร่งเครียดกว่าทุกวันที่ผ่านมา และพยายามหลบหน้าและไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก่อนเดินเข้าห้องสืบสวนหลังโรงพัก

661395

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัว 5 คน มาสอบปากคำเพิ่มเติมและเก็บดีเอ็นเอไปตรวจสอบ เพื่อใช้ประกอบกับผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบด้วย นายประสาน คุ้มทิม พ่อของน.ส.นิ่ม, นายพุด พ่อของน้องต่อ, นายสุรชัย แซ่เฮ้ง หรือ แจ้ เพื่อนของพ่อน.ส.นิ่ม, นายกล้า แฟนเก่า น.ส.นิ่ม และ น.ส.นิ่ม แม่น้องต่อ ต่อมาตำรวจนำตัวนายกล้าและนายแจ้ขึ้นรถสืบสวนกลับไปส่งที่บ้าน และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ จากนั้นมีการแยกห้องสอบรายบุคคลคือ นายพุด และพ่อของ น.ส.นิ่ม

763413

ก่อนที่ช่วงเวลา 14.00 น. ตำรวจให้ น.ส.นิ่ม เข้าไปนั่งรอที่ห้องบริเวณชั้น 2 ของโรงพัก และมี นายประสาน พ่อของ น.ส.นิ่ม เข้าห้องไปคุยกับ น.ส.นิ่ม ตามลำพังสองคน บรรยากาศระหว่างที่พ่อของนิ่มพูดคุยกับแม่น้องต่อเป็นไปด้วยความเคร่งเครียด สีหน้าของ น.ส.นิ่ม มีความกังวลอย่างชัดเจน ทั้งคู่พูดคุยกันประมาณ 50 นาที ก่อนที่พ่อของ น.ส.นิ่ม จะเดินออกมาจากห้องแล้วตำรวจก็เรียกพ่อของ น.ส.นิ่ม ไปสอบต่อในห้อง ทีมข่าวสังเกตเห็นว่าในห้องที่ตำรวจเรียกสอบปากคำพ่อของ น.ส.นิ่ม ยังมีป้าของ น.ส.นิ่ม อีกสองคนอยู่ในห้องด้วย ที่ตำรวจได้เชิญตัวมาสอบปากคำที่โรงพัก

ขณะที่บริเวณห้องประชุมชั้นหนึ่งของโรงพัก พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม เรียกประชุมชุดสืบสวนทั้งชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนครปฐม และชุดสืบสวนภูธรบางหลวง เพื่อเร่งรัดการคลี่คลายคดี

302148

ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ น.ส.นิ่ม ระหว่างที่เจ้าตัวเดินออกจากห้องสอบ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้เครียดที่ตำรวจชุดสืบนำตัวตนมาสอบปากคำตั้งแต่ช่วงเช้า

190418

ซึ่งช่วงเช้าตำรวจพาตนไปชี้จุดเพื่อจำลองเหตุการณ์วันที่ 4 ก.พ. 66 ก่อนลูกตนหายตัวไป ว่าตนพาน้องต่อไปที่ไหนบ้าง จุดที่หนึ่งคือที่โรงงานที่นายพุดทำงาน ตนขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งพุดที่โรงงานช่วงเวลา 07.30 น. จุดที่สองคือที่บ้าน นายประสาน พ่อของตน ตนเอารถจักรยานยนต์ไปจอดแล้วออกมากับพ่อ จุดที่สามคือบ้าน นายแจ้ คนสนิทของพ่อ ไปเอามาม่าขนม และจุดที่สี่บ้านป้าไปนั่งเล่นคุยกับป้าที่บ้านพัก จนกระทั่งน้องตอบมีไข้ขึ้นสูงจึงขี่รถผ่านน้องต่อมาที่อนามัยบางไทรป่า

น.ส.นิ่ม กล่าวต่อว่า การสอบปากคำในวันนี้ตำรวจพยายามเกลี่ยกล่อมตน ตนก็ยืนยันว่าพูดความจริงหมดแล้ว ซึ่งคำตอบก็เป็นคำตอบเดิม ยืนยันไม่ได้ฆ่าและไม่ได้ขายลูกให้กับใคร หากตำรวจจะนำตนเข้าเครื่องจับเท็จก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะตนก็อยากตามหาลูกให้พบ และวันนี้ตำรวจยังได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของตน ซึ่งในบัญชีแรกมีเงินอยู่ในบัญชีแค่ 1,000 บาท แต่จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบความผิดปกติของบัญชีอีกบัญชีหนึ่ง มีเงินโอนเข้ามาจำนวน 15,000 บาท ซึ่งตนได้ให้การไปแล้วว่าเงินจำนวน 15,000 บาท เป็นเงินค่าคลอดบุตร โอนมาตอนที่น้องต่ออายุได้ 4 เดือน ยืนยันว่าทุกอย่างมีที่มาที่ไป

739817

ต่อมาเวลา 17.30 น. น.ส.รัศมี แสงสว่าง หรือ ป้าหมี อายุ 30 ปี ป้าของเด็กที่หายตัวไปและเป็นพี่สาวของนายพุด เดินทางมาที่ สภ.บางหลวง พร้อมกับแฟนสาว โดยบอกกับทีมข่าวว่า ตนได้รับแชตปริศนาเป็นข้อความจากเฟซบุ๊กของ น.ส.นิ่ม ส่งมาที่ข้อความเฟซบุ๊กของตนระบุข้อความว่า “บอกพ่อด้วยนะวันนี้กูโดนจับ หมีบอกพ่อด้วยนะ เผื่อเขาเป็นห่วง” ส่งมาหาตนวันนี้ช่วงเวลา 15.41 น.

716136

ตนเชื่อว่าคนที่พิมพ์ข้อความมาหาตนคือน้องชายตน เพราะนิ่มไม่ค่อยส่งข้อความมาหาตน จึงรู้สึกเป็นห่วงและรีบมาที่โรงพัก เพราะน้องชายถูกตำรวจสอบปากคำ ตอนนี้ยังไม่รู้รายละเอียดว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร ขอรอตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน ส่วนตัวตกใจที่ได้รับข้อความแบบนั้น หากน้องชายถูกจับก็คงมีเพียงคดีเดียวตอนนี้ที่เป็นข่าวซึ่งตนขอรอสอบถามจากปากเจ้าตัว

641053

ด้าน นายสิทธิโชค แสงสว่าง หรือ นายพุด อายุ 19 ปี พ่อของน้องต่อ กล่าวว่า หลังจากที่ลูกหายไปการใช้ชีวิตก็ไม่เป็นส่วนตัว จะออกไปไหนก็ไม่ได้เพราะจะถูกเจ้าหน้าที่จับจ้อง นอกจากนี้ตนเองกับ น.ส.นิ่ม ภรรยาต้องไปให้ปากคำกับตำรวจทุกวัน ยอมรับว่าเครียด เพราะตำรวจยังคงพุ่งเป้าสงสัยตนกับภรรยาว่าจะมีส่วนรู้เห็นกับการที่ลูกหายไป โดยตำรวจพยายามย้ำว่าหากรู้ว่าลูกอยู่ที่ไหนก็ให้ไปเอามาคืน ซึ่งตนก็พยายามอธิบายไปว่าไม่รู้เห็นยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของลูก

895481

โดยเมื่อคืนตำรวจสอบปากคำตนกับภรรยาจนถึงเวลา 23.30 น. กลับมาถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน และล่าสุดวันนี้เวลา 10.00 น. ตำรวจให้ตนขี่รถจักรยานยนต์ไปส่ง น.ส.นิ่ม ภรรยา ที่ร้านสะดวกซื้อหน้าตลาด แล้วก็มีตำรวจชุดสืบมารับภรรยาไปก็ไม่ทราบว่าพาภรรยาไปสอบปากคำที่ไหน

ซึ่งตนเองพร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างเต็มที่ หากจะถูกนำตัวไปเข้าเครื่องจับเท็จตนเองและภรรยาก็พร้อมเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งมาแล้วว่าจะพาไปเข้าเครื่องจับเท็จแต่ยังไม่ได้แจ้งวันเวลา ซึ่งส่วนตัวไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ยินดีให้ความร่วมมือ เพราะตอนนี้ก็หมดหนทางในการตามหาลูกไม่ทราบว่าลูกไปอยู่ที่ไหน

นายพุด กล่าวต่อว่า เรื่องการทะเลาะกันกับ น.ส.นิ่ม ก็มีบ้าง เนื่องจากภรรยาจะชอบเปิดดูข่าวแล้วเครียดเพราะถูกสังคมโจมตี ตนเองก็พยายามบอกภรรยาว่าไม่ต้องไปดู รอความจริงปรากฎดีกว่า ดูข่าวไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เห็นแต่คนคอมเมนต์ด่า ดังนั้นตอนนี้ตนเองกับภรรยาก็ไม่ได้ดูข่าวอีกเลย ยืนยันว่าเรื่องที่ทะเลาะกันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ ไม่ได้มีนัยยะอะไรเกี่ยวกับเรื่องคดี

367975

ส่วนเรื่องคราบเลือดที่ติดบนหมอน นายพุด กล่าวว่า ในวันดังกล่าวขณะที่ลูกกำลังนอนกินนม ตนเองเห็นว่าลูกชายมีอาการไอ และมีเลือดไหลออกมาทางปาก แต่ไม่ได้เข้าไปดูลูกด้วยตนเอง จึงไม่ทราบว่าเลือดไหลออกมาได้อย่างไรและไม่ทราบว่าปากลูกแตกจริงหรือไม่คนที่เข้าไปดูอาการคือภรรยาตน ดังนั้นอาการต่าง ๆ ที่ตนเคยพูดผ่านสื่อไปเป็นข้อสันนิษฐานของภรรยา ที่มาบอกตนอีกที ซึ่งมีการตั้งข้อสันนิษฐานไว้หลายประเด็น แต่ไม่ได้พาลูกไปหาหมอเพราะติดธุระ จึงไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงลูกเป็นอะไรกันแน่

542869

ขณะที่ นายประกอบ ศิลารัตน์ ผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยว่า หมู่บ้านแห่งนี้มีบ้านเรือนจำนวน 300 หลังคาเรือน และมีประชากรจำนวน 1,200 คน หลังจากเกิดเหตุเด็กหายตนเองก็ได้ตรวจสอบในุมชนไม่พบว่ามีใครหายออกจากพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้ช่วยเหลือตำรวจในการสืบหาข้อมูล โดยการไปพูดคุยกับชาวบ้านในหมู่บ้านทำให้ทราบว่าชาวบ้านส่วนใหญ่เกือบ 100% พุ่งเป้าสงสัยที่ตัว น.ส.นิ่ม แม่ของเด็กว่าอาจมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ โดยเฉพาะชาวบ้านที่ถูกพาดพิงไปก่อนหน้านั้น ต่างรู้สึกไม่พอใจที่ถูกกล่าวหา

สำหรับ น.ส.นิ่ม แม่เด็ก เป็นคนต่างถิ่น เพิ่งย้ายมาอยู่ในชุมชนได้ไม่นาน ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักนิสัยใจคอ ส่วนนายพุด พ่อของเด็ก ตนเองเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต นิสัยเป็นคนซื่อ ๆ ไม่มีพิษภัยกับใคร

ส่วนกรณีที่สังคมโจมตีพ่อแม่เด็กว่า ให้สัมภาษณ์แต่ละครั้งพูดไม่ตรงกันนั้น หากจะมองอย่างเป็นธรรมตนมองว่าทั้งพ่อและแม่เด็กอายุยังน้อยทั้งคู่ การที่ถูกตำรวจเค้นสอบปากคำทุกวันก็อาจมีอาการเบลอหรือพูดไม่ตรงกันบ้าง แต่สุดท้ายหลักฐานจากตำรวจจะเป็นตัวชี้ว่าใครพูดจริงหรือใครโกหก แต่ยืนยันว่าชาวบ้านในชุมชนไม่มีใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ตนขอฝากไปถึงคนที่เอาเด็กไปหรือคนที่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ให้เอาเด็กมาคืน หากหวาดกลัวเจ้าหน้าที่ก็ให้ติดต่อมาที่ตนหรือติดต่อสื่อฯ หรือมูลนิธิใดก็ได้ ขอเพียงให้เด็กปลอดภัยอย่าทำอันตรายเด็ก

554457

น.ส.สุภาภรณ์ เที่ยงแท้ หรือ เล็ก พี่สะใภ้ของนายพุดและเป็นป้าของน้องต่อ บอกว่า ที่เดินทางมาในวันนี้มาเป็นเพื่อนกับป้าหมีและมาหา น.ส.ปุ๊ ซึ่งเป็นเพื่อนของตน ที่วันนี้ถูกตำรวจเรียกสอบปากคำที่โรงพัก เนื่องจาก น.ส.ปุ๊ เกี่ยวข้องในเส้นทางการเงินของบัญชี ซึ่งคดีน้องต่อหายตัวไปปริศนาตำรวจกำลังสอบเส้นทางการเงินของทุกคนในครอบครัวของน้องต่อ

442819

โดยแฟนของ น.ส.ปุ๊ ได้โอนเงินมาฝากไว้ในบัญชีของตนชั่วคราวจำนวน 10,000 บาท ตอนนั้นคือวันที่ 5 ก.พ. 66 เวลา 17.00 -18.00 น. เมื่อโอนเงินมาเสร็จ น.ส.ปุ๊ ก็มีการรบกวนให้ตนกดเงินสดออกมาให้ ซึ่งวันโอนเงินเป็นวันที่หลานหายตัวไปพอดี ตำรวจจึงเรียกสอบ น.ส.ปุ๊ ในวันนี้ รวมทั้งญาติ ๆ อีกหลายคนก็ถูกเรียกมาสอบเช่นกัน

ในส่วนที่ตำรวจพบหลักฐานบางอย่างในบ้านพัก ไม่ว่าจะเป็นคราบเลือดของน้องต่อบนหมอน คราบเหนียวปริศนาที่พบบนผ้าห่มของน้องต่อ และคราบเลือดตรงท่อพีวีซีหน้าห้องน้ำ ตนไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรและใครเป็นคนทำ เพราะตอนไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับนายพุดและภรรยาในการเลี้ยงน้องต่อ

ซึ่งตนขอชี้แจงกับทีมข่าวในส่วนประเด็นที่นายพุทธมีการพาดพิงถึงตนว่า ตนทำเสียงดัง “ตึง ๆ” ในช่วงตีสามของวันที่ 5 ก.พ. 66 ยืนยันทั้งป้าหมีและตนที่นอนในห้องพักหลับสนิทไม่ได้ทำเสียงดังตามถูกพาดพิง ที่ผ่านมาตนก็ไม่อยากแฉพฤติกรรมของน้องชายแฟนและน้องสะใภ้คือ น.ส.นิ่ม เมื่อได้เงินค่าคลอดบุตรจำนวน 15,000 บาท น.ส.นิ่ม ไม่ได้เอาเงินไปซื้อของให้ลูก แต่เอาเงินไปซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ในราคา 8,900 บาท และระหว่างที่ทั้งนายพุดและน.ส.นิ่มเลี้ยงลูก ทั้งสองคนเกี่ยงกันเลี้ยงน้องต่อ โดย น.ส.นิ่ม จะติดเล่นโทรศัพท์มือถือ และเคยอุ้มและวางน้องต่อด้วยความแรง บางครั้งก็ยัดขวดนมใส่ปากน้องต่ออย่างไม่ค่อยสนใจ ซึ่งทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยเรื่องเกี่ยงกันเลี้ยงลูก

201707

นายสุบิน แสงสว่าง อายุ 67 ปี ปู่ของน้องต่อและเป็นพ่อของนายพุด บอกว่า ตนเสียใจมากที่หลานหายตัวไปจากบ้านพัก ซึ่งในวันเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในบ้านพักเพราะไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ปกติทุกวันตนจะนอนที่เตียงด้านหน้าบ้านพัก หากตนอยู่ด้วยในวันเกิดเหตุหลานคงไม่หายไป เพราะปกติหลานจะงอแงขอกินนมช่วงตีห้าถึง 6 โมงเช้า ซึ่งส่วนใหญ่ทุกเช้านายพุดและภรรยาก็จะหลับลึกไม่ค่อยตื่น ตนก็ต้องตะโกนบอกทั้งสองให้ตื่นมาดูลูกเอานมให้ลูกกิน จะเป็นแบบนี้ทุกเช้า พอน้องต่อกินนมเสร็จก็จะคลานออกมาเล่นแถว ๆ พัดลมหน้าที่นอนพ่อแม่

ตนแปลกใจมากที่ลูกสะใภ้ให้การกับตำรวจและให้สัมภาษณ์กับนักข่าวคำพูดไม่ตรงกันสักครั้ง ส่วนตัวก็แปลกใจที่หากคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านพักแล้วอุ้มลูกออกจากจุดที่นอนที่พ่อแม่เด็กนอนอยู่ ลูกสะใภ้จะไม่ตื่นแล้ววิ่งไปดูคนร้ายที่อุ้มลูกออกไปเลยหลังน้องต่อหายตัวไปหลายวัน ทั้งลูกตนและแม่เด็กก็ไม่ได้มีพิรุธอะไร และไม่ได้กระวนกระวายใจอะไร แต่ก็มีความกังวลที่ลูกหาย ระยะหลังก็จะทะเลาะกันบ่อย ซึ่งนายพุดเป็นคนอารมณ์ร้อนก็จะด่าภรรยาบ่อยแล้วก็ขึ้นเสียงกับภรรยา แต่ตนไม่รู้ว่าทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องอะไรเพราะตนไม่อยากใส่ใจ

หากทั้งคู่เข้าเครื่องจับเท็จในวันพรุ่งนี้ก็ดี ส่วนตัวไม่ได้ว่าทั้งคู่โกหกแต่ก็กรณีที่น้องต่อหายตัวไปจากบ้านพักแปลกมาก เพราะหากคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านชาวบ้านจะต้องเห็น ซึ่งตั้งแต่ตนอยู่ที่หมู่บ้านนี้ไม่เคยมีคนแปลกหน้าเข้ามาขโมยของหรืออุ้มเด็กหายหรือเกิดเหตุอาชญากรรม

ส่วนเรื่องหลักฐานในคดีต่าง ๆ ที่ตำรวจเก็บไปตรวจสอบจากบ้านพักของตน ตนไม่ทราบข้อมูลจริง ๆ ในส่วนนี้ และตนไม่เคยถูกตำรวจเรียกสอบปากคำเพราะว่าในวันเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ที่บ้านพัก ตนก็อยากให้พ่อแม่พูดความจริงทุกอย่าง หากผิดก็ว่าไปตามผิด ซึ่งหากคดีสรุปว่าพ่อแม่ไม่ได้ทำจริง ก็อยากให้คนร้ายเอาน้องต่อเมื่อคืนอยากให้เห็นใจครอบครัวที่หลานหายตัวไป

441048

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พาชมบ้านหลังเกิดเหตุว่า น้องต่อจะอยู่ตรงไหนของบ้านบ้าง โดยบ้านหลังเกิดเหตุลักษณะเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ด้านหน้าเปิดเป็นร้านค้า หากเดินเข้ามาในบ้านจะเจอแคร่ไม้ เป็นที่นอนของปู่น้องต่อ หากเดินเข้าไปในบ้านจะเจอห้องครัวเป็นที่ประกอบอาหาร ตรงข้ามห้องครัวเป็นห้องนอนของป้าน้องต่อลักษณะมีประตูปิดมิดชิด

439677

ส่วนห้องนอนที่เกิดเหตุจะอยู่ข้างกันมีคนที่นอน 4 คน ประกอบด้วย น้องต่อ นอนตรงกลาง, นายพุด พ่อน้องต่อ นอนริมฝั่งซ้าย, ถัดจากนายพุดเป็นที่นอนของ น.ส.นิ่ม แม่น้องต่อ, และ น้องมิ้น หลานของนายพุด นอนริมห้องฝั่งขวา

สำหรับกิจวัตรประจำวัน หลังจากตื่นนอน น้องต่อก็จะนอนกินนมอยู่ในห้องนี้ทั้งนอน กินนม และนอนเล่น เว้นแต่ว่าช่วงไหนจะมีคุณปู่หรือป้ามาช่วยดู ก็จะอุ้มน้องต่อมาอยู่บริเวณกลางบ้าน ส่วนด้านหลังบ้านจะติดกับบ้านของญาติ โดยกึ่งกลางระหว่างบ้าน 2 หลัล จะมีห้องน้ำ ส่วนบริเวณด้านหน้าจะมีโอ่ง เป็นจุดที่นิ่มพาน้องต่อมาอาบน้ำ และล้างขวดนม

จากการสอบถามคนในครอบครัว ทราบว่าในช่วงเย็นเกือบทุกวัน พุดจะพาน้องต่อเดินเล่นอยู่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งจะเห็นได้ว่าหากวันไหนอยู่บ้าน น้องต่อจะอยู่บริเวณนี้ไม่ไปไหนไกล เว้นแต่วันไหนที่นิ่มพาน้องต่อไปข้างนอกซึ่งก็ไม่ทราบว่าไปที่ไหนบ้าง

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม