เพื่อนบ้านท้าแม่ "น้องต่อ" สาบานจัดฉากลูกหาย พบเบาะแสใหม่

ความคืบหน้ากรณี ด.ช.ต่อศักดิ์ แสงสว่าง หรือ น้องต่อ หนูน้อยวัย 8 เดือน ลูกชายของ นายสิทธิโชค แสงสว่าง หรือ พุด อายุ 19 ปี และ น.ส.นิ่ม ภรรยา อายุ 17 ปี หายตัวไปจากบ้านในพื้นที่หมู่ 6 ต.หินมูล อ.บางเลน จ.นครปฐม ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 66 อย่างเป็นปริศนาตำรวจยังไม่สามารถคลี่คลายคดีได้

วันที่ 16 ก.พ. 66 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่บ้านพักพ่อแม่ของน้องต่อ ในพื้นที่หมู่ 6 ต.หินมูล อ.บางเลน จ.นครปฐม โดยช่วงเช้าพ่อแม่น้องต่อเตรียมออกจากบ้านพักเพื่อเดินทางไปที่ สภ.บางหลวง เพราะช่วง 10.30 น. ตำรวจเรียกตัวพ่อแม่เด็กสอบปากคำเพิ่มเติม

น.ส.นิ่ม แม่ของน้องต่อบอกว่า ตอนนี้ตนเครียดมากและเหนื่อยล้า เพราะทุกวันหลังลูกหายตัวออกจากบ้านพักไปอย่างปริศนา ตนและสามีถูกตำรวจเรียกสอบปากคำทุกวัน โดยเฉพาะช่วงสัปดาห์นี้ถูกเรียกสอบตั้งแต่เช้าถึงดึกต่อเนื่องลักษณะนี้ติดกันหลายวันแล้ว ตั้งแต่ประมาณ 10.00-23.00 น.

ซึ่งตำรวจก็สอบประเด็นเดิม ๆ เหมือนที่เคยถามครั้งแรกจี้ถามตนกับสามีทุกวันว่า เห็นลูกครั้งสุดท้ายก่อนหายตอนไหน ลูกหายไปได้อย่างไรจากบ้านพัก สงสัยใคร และตนกับสามีมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ตนก็ตอบคำถามเดิม ๆ ทุกวัน ยืนยันว่าก่อนหน้านี้ที่เคยให้การไปได้พูดความจริงไปหมดแล้วไม่ได้พูดโกหก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 
สอบเครียด นิ่ม-พุด พร้อมเก็บดีเอ็นเอตรวจ สื่อฯบุกพิสูจน์จุดลับตาอุ้มน้องต่อ? (คลิป)
ย่าฉะ! ขอสะใภ้พูดความจริง หลังน้องต่อหายตัวปริศนาเข้าวันที่ 5 (คลิป)
ไขคดี ''​น้องต่อ''​ เปิดพิรุธคำให้การพ่อแม่ ตร.เตรียมนำตัวเข้าเครื่องจับเท็จพรุ่งนี้ (คลิป)
4วันยังไร้วี่แวว "น้องต่อ" หายปริศนา ชายคนสนิทพลิกลิ้นมีสัมพันธ์แม่เด็ก (คลิป)

ทั้งนี้ตำรวจยังได้เรียกญาติในครอบครัว บุคคลที่เคยเกี่ยวข้องกับตนมีแฟนเก่าและชาวบ้านในหมู่บ้านไปสอบปากคำเพิ่มเติม โดยตนมองว่า ตำรวจทำหน้าที่สอบปากคำทุกคนที่คาดว่าเกี่ยวข้องในคดี เพื่อคลายปมน้องต่อหายตัวไปเป็นปริศนา ทำให้อาจมีบางคนที่ถูกตำรวจเรียกสอบไม่พอใจที่ตนกับสามี เป็นต้นเหตุทำให้คนนั้นถูกสอบปากคำ

ยืนยันตนไม่ได้พูดพาดพิงถึงใครแล้วจี้ให้ตำรวจไปสอบปากคำใคร อยากให้ทุกคนเข้าใจหัวอกตนที่ลูกหายตัวไป แล้วก็อยากเจอลูก มีความหวังว่าตำรวจจะเจอเบาะแสและคลี่คลายคดีโดยเร็ว และตำรวจยังได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของตนรวมทั้งญาติด้วย

ด้าน นายพุด พ่อของน้องต่อ เผยว่า ตำรวจเรียกตนและภรรยาไปสอบปากคำทุกวัน โดยช่วงเช้าและบ่ายจะแยกห้องสอบเดี่ยว ส่วนช่วงเย็นจะนำตัวตนและภรรยามาเจอกันแล้วก็สอบคู่จนถึงช่วงดึก ส่วนประเด็นในการสอบปากคำก็เป็นประเด็นเดิม ๆ เหมือนทุกวัน ตำรวจถามเหตุการณ์ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร และจะพูดย้ำเสมอว่า “ขอให้พูดความจริง มีอะไรที่รู้ก็ขอให้บอก” ซึ่งตนก็จะยืนยันเดิม ๆ ว่าให้การไปหมดแล้วบอกหมดทุกอย่าง มีแต่ภรรยาที่เห็นลูกก่อนหายตัวไป ส่วนตนไม่เห็นลูกครั้งสุดท้ายเพราะตนนอนหลับ ขณะที่ตำรวจจะนำตัวตนและนิ่มเข้าเครื่องจับเท็จหรือไม่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าวันไหน

ตอนนี้ตนกับภรรยาได้รับผลกระทบจากญาติและคนในหมู่บ้านบางส่วนที่ถูกตำรวจเรียกสอบปากคำ ยืนยันตนไม่ได้อยากทำให้ใครเดือดร้อน แต่ตำรวจก็ต้องเรียกสอบทุกคนเพราะอาจเจอเบาะแสบางอย่างในคดี อยากให้ทุกคนเข้าใจในส่วนนี้ด้วย

น.ส.เปิ้ล ลูกสาวของลุงรุ่งคนที่ถูก น.ส.นิ่ม พาดพิงถึง ให้ข้อมูลว่าว่า วันนี้ตำรวจเชิญไปให้ปากคำที่โรงพัก เนื่อง น.ส.นิ่ม แม่ของน้องต่อบอกกับตำรวจว่าสงสัยตนเนื่องจากตนชอบเล่นกับน้องต่อ และชอบซื้อเสื้อผ้ามาให้ ยอมรับว่าเมื่อก่อนตนเองเคยไปเล่นกับน้องต่อและเคยซื้อเสื้อผ้าให้จริง แต่ซื้อให้ด้วยความเวทนาสงสารเด็กเพราะเห็นสภาพความเป็นอยู่ พ่อแม่ดูแลลูกไม่ดีสักเท่าไหร่

ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวน้องต่อ เพราะในวันเกิดเหตุวันที่ 5 ก.พ. 66 ตนเองอยู่บ้านสามีที่ ต.ดอนข่อย ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านหลังเกิดเหตุประมาณ 20-30 กิโลเมตร กระทั่งช่วงสายญาติโทรบอกว่าน้องต่อหายจึงเดินทางมาในหมู่บ้านเพื่อติดตามสถานการณ์

ส่วนสาเหตุที่นิ่มให้ปากคำพาดพิงถึงตน เชื่อว่าเป็นการเบี่ยงประเด็นให้พ้นจากตัวเอง ซึ่งตนคิดมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าสักวันจะต้องถูกพาดพิงถึงเพราะบ้านอยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน จึงไม่ได้กังวลใด ๆ ก็ให้การไปตามข้อเท็จจริง 

ด้าน นายรุ่ง แสงสว่าง ลุงนายพุด เผยว่าประเด็นช่วงเช้าวันนี้ที่ลูกสาวตนมีปากเสียงกับนิ่มยอมรับมีการพูดคุยกันจริงเพื่อเคลียร์ปัญหาบางอย่างแต่ไม่ได้ทะเลาะกัน เนื่องจากนิ่มให้การกับตำรวจวานนี้โดยบอกสงสัยลูกสาวของตนว่าอาจมีส่วนเกี่ยวกับการหายตัวไปของน้องต่อ เพราะลูกสาวตนรักและเอ็นดูน้องต่อ เคยช่วยเหลือและซื้อของให้น้องต่อบ่อยครั้ง จึงมีการเคลียร์ใจกันเมื่อเช้าระหว่างทั้งคู่ ซึ่งลูกสาวตอนบอกกับนิ่มว่าไม่น่าให้การแบบนั้นเป็นการพูดพาดพิงถึงญาติคนอื่น เพราะที่ผ่านมาครอบครัวตนพยายามช่วยทุกอย่างเพราะสงสารน้องต่อ

ตอนที่เคลียร์ใจกันตนโมโหมากที่นิ่มว่าลูกสาวตน จึงท้าทายนายพุดและนิ่มบอกว่า “เดี๋ยวไปกับกู ไปที่วัดบางแม่หม้าย หลวงพ่ออาน ให้ไปสาบานที่นั่น เพราะศักดิ์สิทธิ์ มันก็ไม่ไป“ ที่ตนท้าสาบานเพราะพุดกับนิ่มให้การกับตำรวจและบอกทุกสื่อว่าพูดความจริง ตนจึงจะเอาหลานไปสาบานว่าพูดความจริง

ด้าน น.ส.สุนิสา อินทร์บำรุง อายุ 36 ปี ผู้แจ้งเบาะแส ได้พาทีมข่าวไปชี้จุดที่เห็นชายต้องสงสัยอยู่บริเวณแยกห้วยขวาง ถนนเลียบคลองชลประทาน ตำบลห้วยขวาง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ระยะทางห่างจากบ้านน้องต่อ 35 กิโลเมตร ลักษณะเป็น 4 แยก

น.ส.สุนิสา เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 ก.พ. 66 เวลาประมาณ 4 ทุ่มกว่า ๆ หลังจากที่ตนเลิกงานจาก จ.กาญจนบุรี กำลังขับรถกลับบ้านที่ อ.เมือง จ.นครปฐม พอมาถึงแยกนี้ปรากฎว่าเห็นรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับผ่านมา รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวได้จอดกลางแยกเพื่อให้ตนข้ามไปก่อน จากการสังเกตพบว่ามีผู้ชาย 2 คนอยู่บนรถและตรงกลางมีเด็กเล็กนั่งอยู่ โดยผู้ชายคนขับสวมเสื้อแขนยาว รูปร่างท้วม อายุประมาณ 40-50 ปี ส่วนผู้ชายคนซ้อน ผิวดำ รูปร่างผอม อายุประมาณ 20-30 ปี ขณะที่เด็กที่นั่งอยู่ตรงกลางเป็นเด็กเล็กอายุประมาณ 7-8 เดือน ผิวขาวนอนหลับอยู่ 

จาการสังเกตของตนเห็นว่า ผู้ชายคนซ้อนจะชี้นิ้วคอยบอกทาง ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้ขับขี่ตนไม่ทันได้สังเกตว่าเป็นรถรุ่นใด เพราะตนขับผ่านไปก่อน ซึ่งในใจลึก ๆ ก็เกิดสงสัยว่าช่วงเวลาดึกขนาดนั้นพาเด็กออกมาขับรถทำไม และคนที่พาเด็กมายังเป็นผู้ชายทั้งคู่ไม่น่าจะใช่ครอบครัวเดียวกัน แต่ช่วงนั้นตนเองงานยุ่งไม่มีเวลาดูข่าวจึงไม่ทราบว่ามีเด็กหาย จนกระทั่งช่วง 2-3 วันก่อนได้เปิดดูข่าวก็บังเอิญนึกขึ้นได้ว่าเด็กที่ตนเห็นช่วงอายุและผิวพรรณคล้ายกับน้องต่อ แต่ตนก็ลังเลอยู่หลายวันไม่กล้าแจ้งความเพราะคิดว่าหากไม่ใช่น้องต่อกลัวตำรวจจะเสียเวลา

จนกระทั่งเมื่อคืนจึงตัดสินใจโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งรถของตนมีกล้องหน้ารถแต่ตนเปิดดูไม่เป็น จึงมอบกล้องดังกล่าวให้ตำรวจนำไปตรวจสอบแล้วก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในทางคดี เพราะตอนนี้ผ่านมาหลายวันเป็นห่วงความปลอดภัยของเด็ก

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้สำรวจ 4 แยก ที่มีผู้แจ้งเบาะแสชายต้องสงสัยอุ้มเด็กพบว่าไปได้หลายเส้นทางทั้ง ซึ่งเป็นทางสายหลักที่ชาวบ้านใช้สัญจร โดยช่วงกลางวันรถจะสัญจรเป็นจำนวนมาก แต่ช่วงกลางคืนจะค่อนข้างเปลี่ยว และหากชายต้องสงสัยเป็นคนอุ้มเด็กจริงเมื่อมาถึงแยกนี้จะสามารถไปได้หลายทิศทาง หากตรงไปจะไปโผล่ อ.บางเลน จ.นครปฐม ซึ่งเป็นบ้านของน้องต่อ หากเลี้ยวซ้ายเป็นเส้นทางไป จ.กาญจนบุรี หากเลี้ยวขวาจะเป็นเส้นทางไป อ.เมืองนครปฐม และถ้าหากย้อนกลับไปทางที่รถต้องสงสัยวิ่งมาจะเป็นเส้นทางไป จ.ราชบุรี

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้ทดลองนำเลือดหยดลงหมอนเพื่อจะดูการกระจายตัวและการซึมของเลือด โดยการทดลองทีมข่าวใช้เลือดหมูซึ่งใกล้เคียงกับเลือดคนที่สุด เพราะจากข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ได้ระบุไว้ว่า จากการตรวจสอบรอยเลือดบนหมอนของน้องต่อพบว่ามีปริมาณที่เยอะกว่าที่จะเป็นจากการปากแตก 

การทดลองที่ 1 ได้หยดเลือดปริมาณ 0.1 ซีซี แบบเลือดเพียวๆ พบว่าเลือดได้ซึมกระจาย ความกว้าง 2 เซนติเมตร ความยาว 2.5 เซนติเมตร ขนาดใกล้เคียงกับคราบเลือดบนหมอนของน้องต่อ แต่เลือดที่ทีมข่าวทดลองไม่ได้ซึมลงใส้หมอน

การทดลองที่ 2 ได้หยอดเลือดปริมาณเพียง 1 หยด โดยการใช้สลิงแตะเลือดแล้วหยดลงหมอน พบว่าเลือดได้ซึมกระจาย ขนาดความกว้าง 1.5 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร ซึ่งขนาดเล็กกว่าคราบบนหมอนของน้องต่อและเลือดไม่ได้ซึมลงไส้หมอน

การทดลองที่ 3 ได้นำเลือดผสมกับน้ำลาย แล้วหยดลงหมอนในปริมาณ 0.1 ซีซี. พบว่าเลือดกระจายตัวอย่างช้าๆ โดยเลือดได้ซึมกระจาย ความกว้าง 2 เซนติเมตร ความยาว 2.5 เซนติเมตร ขนาดใกล้เคียงกับคราบเลือดบนหมอนของน้องต่อ พอกรีดหมอนดูพบว่าเลือดซึมลงไส้หมอนความลึกประมาณ 0.1 เซนติเมตร