"ทนายตั้ม" โพสต์แฉไปไถไป "ชูวิทย์" สไลด์หน้ายอมรับเป็นโจร เอาเงินมาจริง แต่ไม่ได้เอามาใช้ส่วนตัว ลั่นอย่ามาเรียกตนว่าคนดี เพราะตนไม่ใช่ฮีโร่อยู่แล้ว
เป็นประเด็นร้อนข้ามคืน เมื่อ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดัง ได้โพสต์ภาพเงินสดก้อนโตบรรจุในถุงกระดาษ พร้อมเขียนแคปชั่นว่า "แฉไป ไถไป" ก่อนจะคอมเมนต์รัวๆ ว่า "คนที่คุณเห็นอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด หมดศรัทธา"
"ไถสีเทามา 50 ล้าน บริจาคเอาหน้าที่ละ 3 ล้าน สร้างภาพกลับตัวกลับใจ ผมไม่อยากสวนกระแสนะครับ ผมก็เป็นคนนึงที่ชื่นชมมาตลอด แต่พอรู้ความจริงแล้ว มันหมดรักเลยจริงๆ ผมไม่อยากให้มีอาชีพแบบนี้ สร้างประเด็นข่าว ตีๆ แล้วไถ ใครยอมจ่ายก็ไม่พูดถึง เราจะยกย่องคนแบบนี้เป็นฮีโร่จริงหรือครับ"
"คนที่บอกว่ารวยแล้วไม่เอาเงินแค่นี้ คิดใหม่นะครับ ยิ่งรวยยิ่งโลภ ถ้าวันนี้ผมมีเงินพันล้าน คุณเอามาให้ผมฟรีๆ ย้ำว่าฟรีๆ ซัก 10 ล้าน จะไม่เอาหรือครับ ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องทำไร คนรวยไม่ใช่พระนะครับ จะได้ไม่ต้องใช้เงิน"
นอกจากนี้ เฟซบุ๊กเพจ "เหยื่อ" ตั้วตั้งตัวตีในการแฉขบวนการพนันออนไลน์ ก็เข้ามาคอมเมนต์ว่า "นักแฉที่ว่าจะเป็นใครไม่รู้ แต่ที่ไม่ต้องรู้ก็เชื่อถือได้คือ เคสนี้ทนายมีพยานหลักฐาน แน่นตึบ" ก่อนที่ทนายตั้มจะตอบกลับว่า "ผมเคยชื่นชมคนๆนี้ ถึงกับบอกกับคนใกล้ตัวเลยว่า พี่เค้าดีจริงๆ เงินคงทำอะไรไม่ได้ แต่พอรู้ความจริง โอ้โห มึงนี่โคตรเลวกว่าใครอีก ยังไงก็เป็นกำลังใจให้เพจเหยื่อนะครับ ที่ออกมาแฉเพื่อสังคมจริงๆ ไม่ใช่แฉเพื่อตัวเอง (ลองกระซิบถามแหล่งข่าวของเพจเหยื่อนะครับ ว่าเรื่องที่ผมโพสต์จริงหรือติงนัง)"
จากนั้นกระแสก็มุ่งไปที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เพราะจากคอมเมนต์นั้นเข้าเค้าที่สุด ซึ่งนายชูวิทย์ก็ไม่รอช้า โพสต์ตอบโต้กลับทันที ว่าไม่ได้ไถ แต่ถูกอีกฝ่ายอ้างว่าเป็นคนของ "สารวัตรซัว" ยัดเยียดเงินมาให้เพื่อให้หุบปากหยุดแฉ ซึ่งนายชูวิทย์นำเงิน 6 ล้านที่ได้มาไปบริจาคให้กับวงการแพทย์ พร้อมโพสต์ภาพหลักฐานโดยระบุว่า
"แฉไป ไถไป? เงิน 2 ถุง ถุงละ 3 ล้าน ที่ทนายตั้มพูดถึง เห็นแล้วจำได้ชัดเจน เป็นเงินที่นายตำรวจผู้ใหญ่นอกราชการคนหนึ่งที่ผมรู้จักมานาน นำมาให้ที่โรงแรมของผม โดยบอกว่าเป็นเงินของ “ซัว” ให้ผมช่วยหยุดโจมตี
ผมบอกไปว่า “ไม่รับเคลียร์” มันไม่สามารถช่วยอะไรได้ ผมยังต้องแฉต่อ แต่นายตำรวจท่านดังกล่าว ยืนยันยัดเยียดให้ผมรับไว้ และสิ่งที่ง่ายที่สุด คือ ผมเก็บเงินไปใช้ส่วนตัว เพราะไม่มีใครทราบ แต่ผมเลือกที่จะนำเงินในถุงแรกจำนวน 3 ล้าน ไปบริจาคให้โรงพยาลธรรมศาสตร์ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วาเลนไทน์เดือนที่แล้ว และอีกถุงจำนวน 3 ล้านเท่ากัน ไปบริจาคให้โรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ทั้งสองครั้งมีสื่อมวลชนไปทำข่าวเป็นสักขีพยาน และผมก็ยังแฉเรื่อง “ซัว” อย่างต่อเนื่อง
หลักการของผมชัดเจนตรงไปตรงมา ไม่ปฏิเสธ แต่เงินที่ยัดมาไม่เคยคิดจะใช้ส่วนตัวแม้แต่สักบาทเดียว หากผมจะเก็บไปใช้เอาไว้แจกอีหนูก็ได้ แต่เงินแค่นี้ไม่มีความหมาย หากมี 50 ล้านมาให้อย่างที่ทนายตั้มว่าจริง ผมก็นำไปบริจาคอีก จะเรียกผมว่าอะไรก็ได้ นักบุญคนบาป โรบินฮู้ด นักแฉใจบุญ หรือใครจะเอาอย่างผมก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มันรับแล้วเข้ากระเป๋าตัวเองทั้งนั้น ลองถามทนายตั้มดูสิครับ
อย่าเรียกผมว่าคนดี หรือมาศรัทธาอะไรผมเลยครับ ผมก็ไม่ใช่ “ฮีโร่” อยู่แล้ว ส่วนใครจะตราหน้าผม ก็ขอรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่า ผมนั้นเป็นโจร เพียงแต่เป็น "โจรที่เอาเงินบาปไปทำบุญ” ยังนึกไม่ออกเลย จะทำให้ดีกว่านี้ได้ยังไง ใครรู้ช่วยบอกที คนที่จะถ่ายรูปถุงเงินนี้ได้ ก็น่าจะต้องเป็นเจ้าของเงิน คนที่ให้รูปทนายตั้มบอกว่ายังไง? เงิน 50 ล้านที่ไหน? ผมจะรอฟัง"
ต่อมาทนายตั้มได้คอมเมนต์เพิ่มเติมว่า "หลังจากเห็นโพสต์นี้ ตอนนี้พี่ชูวิทย์ก็รับแล้วนะครับ ว่ารับเงินสารวัตรซัว ที่แกรับเพราะแกพอจะเดาได้ว่าผมมีอะไรมากกว่านี้ แต่ยอดนี้จะเอาไปบริจาคจริงหรือเปล่า พรุ่งนี้รู้กัน" โดยมีรายงานว่าจะตั้งโต๊ะแถลงข่าววันนี้ (23 มี.ค.) เวลา 10.00 น. ส่วนนายชูวิทย์ก็จะแถลงข่าวเช่นกันในเวลา 12.00 น.
ทั้งนี้ จากการส่องคอมเมนต์ก็พบว่า ประชาชนที่ทราบข่าวนี้ก็แบ่งออกเป็นสองทีม บางคนก็เชียร์ทนายตั้มที่ออกมาแฉ แต่บางส่วนก็สงสัยว่าทนายตั้มได้ใบสั่งจากใครมาให้แฉหรือไม่ และตั้งคำถามว่าทำไมไม่แฉคนที่ให้เงิน แต่มาแฉคนที่รับเงิน ขณะเดียวกันบางคนก็หนุนนายชูวิทย์เพราะชอบที่ออกมาแฉขบวนการสีเทา สีดำในประเทศไทย แต่บางคนก็บอกว่าถึงจะรับเงินมาแล้วเอาไปบริจาคไม่ได้ใช้ส่วนตัวก็ถือว่าผิดอยู่ดี ไม่ควรทำ เป็นต้น
Advertisement