วันที่ 2 ก.ย. 62 ร.ต.อ.สมเกียรติ บุญมีจิว รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีหญิงสาวถูกฆาตกรรมอำพราง เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพัก หมู่ 7 ต.วัดจันทร์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ ก่อนรุดตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม ผกก. สภ.เมืองพิษณุโลก เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 แพทย์เวรโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัย
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ภายในห้องนอนพบศพ น.ส.นันพิกา เกตุทอง อายุ 41 ปี เจ้าของบ้าน สภาพศพถูกห่อคลุมด้วยผ้าห่ม มีเลือดไหลเต็มพื้น มีบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคมที่บริเวณศีรษะ 2 แห่ง ห่างตาข้างขวา 1 แห่ง เป็นแผลฉีกขาดฉกรรจ์ สวมเสื้อลายเทาดำแขนยาว ท่อนล่างสภาพเปลือย นอกจากนี้ ที่มือถูกมัดด้วยเชือกไนล่อนสีขาว ขาทั้งสองข้างถูกมัดด้วยสายยู ศพเริ่มขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นเน่าทั่วบริเวณ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน เจ้าหน้าที่จึงส่งร่างผ่าชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร
นางลูกจันทร์ เกตุทอง อายุ 67 ปี พร้อมกับนายภาคภูมิ เกตุทอง อายุ 37 ปี แม่และน้องชายของผู้เสียชีวิต เดินทางมาจาก จ.สุโขทัย ร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้า พร้อมเปิดเผยว่า ปกติลูกสาวพักอาศัยอยู่กับสามี คือ นายยีอี่ไซ่ หรือ เหลียง อายุ 41 ปี ชาวจีน ช่วยกันทำมาหากิน เปิดร้านขายน้ำเต้าหู้ บริเวณสี่แยกวุ่นวาย ถ.สิงหราชเดโชชัย ต.บ้านคลอง อ.เมืองพิษณุโลก แต่เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา ลูกสาวโทรศัพท์มาหาน้องชาย ให้ไปรับที่สนามบิน จ.พิษณุโลก แล้วก็เงียบหายไป จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้
หลังจากนั้น จึงให้ญาติที่อยู่ จ.พิษณุโลก มาดูที่บ้าน ก็พบว่าประตูรั้วถูกปิดล็อก จึงต้องแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้ไปตัดกุญแจบ้านเพื่อตรวจสอบ เปิดประตูเข้าไปได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากห้องนอนอย่างรุนแรง กระทั่งไปพบศพของลูกสาว ส่วนสามีของลูกสาวก็หายไปพร้อมกับรถยนต์กระบะ
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ตรวจสอบแล้ว พบว่าเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว เมื่อเวลา 10.08 น. ของวันที่ 1 ก.ย. 62 คาดว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการฆาตกรรมอำพราง จึงได้ขออำนาจหมายศาลจังหวัดพิษณุโลกออกหมายจับแล้ว โดยจะประสานกับตำรวจสากลเร่งติดตามตามตัว คาดว่าหลบหนีกลับไปยังประเทศจีน
ขณะที่ชาวบ้านละแวกใกล้เคียง เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเวลา 22.00 น. ของคืนวันที่ 31 ส.ค. ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังลั่นมาจากที่บ้านหลังเกิดเหตุ มีเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครสนใจ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องในครอบครัว กระทั่งวันนี้มาทราบเหตุสะเทือนขวัญ โดยสามีของผู้เสียชีวิตมักมีนิสัยขี้โมโห อารมณ์ร้อน เคยก่อเหตุชกภรรยาจนฟันหักมาแล้ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นว่า ในคืนวันเกิดเหตุทั้งคู่น่าจะมีปากเสียงทะเลาะกัน อาจเป็นเรื่องหึงหวง เพราะผู้ตายมีรูปร่างดี หน้าตาสวย ก่อนจะก่อเหตุใช้อาวุธมีดทำครัวที่อยู่ในบ้านฟันศีรษะ และใบหน้าภรรยาจนเสียชีวิตคาที่ แล้วจับแก้ผ้า มัดมือมัดเท้า ใช้ผ้าห่มคลุมอำพรางศพ ก่อนจะขับรถยนต์หลบหนีไป