“วันชัย สอนศิริ” ชี้ “ก้าวไกล” เข้าวินอันดับ 1 เลือกตั้ง 66 ใช่ว่าต้องเป็น รัฐบาลเสมอไป ยกเคส “เพื่อไทย” เปรียบเทียบ แนะรวม “ภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนา”
วันที่ 16 พ.ค. 66 นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของที่ประชุมร่วมรัฐสภา ภายหลัง พรรคก้าวไกลได้เสียงมาเป็นอันดับ 1 ในการ เลือกตั้ง 66 ว่า หากใครสามารถรวบรวมเสียง ส.ส.ได้เกินกว่ากึ่งหนึ่ง เราต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ซึ่งไม่ได้ผิดอะไรไปจากหลักการเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 62
และในปีนี้ ต้องติดตามกันต่อไปว่า พรรคก้าวไกล ซึ่งมีเสียงมาอันดับ 1 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามีเสียงเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร เป็นข้อตกลงของพรรคการเมือง หรือเป็นมารยาททางการเมืองที่ใครได้เสียงอันดับ 1 ก็มักจะให้พรรคนั้นเป็นคนประสานในการจัดตั้งรัฐบาลก่อน ซึ่งขณะนี้พรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองอื่นๆ ก็พูดเช่นนั้น หากเป็นเช่นนี้ก็ถือเป็นภารกิจของพรรคก้าวไกลในการประสานหาความร่วมมือว่าสามารถรวมกับพรรคการเมืองอื่นได้เกิน 251 เสียง จนกระทั่งถึง 376 หรือไม่
“ผมก็ไม่แน่ใจว่าคนได้เสียงอันดับ 1 จะต้องเป็นรัฐบาลเสมอ ครั้งที่แล้วพรรคเพื่อไทยก็มีเสียงมาอันดับ 1 แต่ก็ต้องเป็นฝ่ายค้าน แต่ถ้ารวมเสียงได้มากโดยหลักการแล้วก็คิดว่าต้องเคารพเสียงตรงนี้ ครั้งนี้พรรคก้าวไกลได้เสียงอันดับ 1 ก็จริง แต่ไม่ได้คะแนนเสียงเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเกินกว่า 251 เสียง ต้องดูต่อไปถ้าเขาประสานกับพรรคเพื่อไทยได้อันนี้ก็มีสิทธิได้เกิน 300 เสียง ต้องดูว่าเขาตกลงกันได้หรือเปล่าว่าใครเป็นนายกฯ และการทำนโยบายต่างๆ นั้นรวมกันได้หรือเปล่า เราไม่รู้ เพราะ ส.ว.อยู่ข้างหลัง ไม่ใช่คนที่จะต้องเสนอใครมาเป็นนายกฯ มันอยู่ที่ ส.ส.ก่อน” นายวันชัย กล่าว
นายวันชัย กล่าวต่อว่า รายการต่อมาต้องดูว่าถ้าเขาสามารถรวมกับ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนาด้วย ถ้าเขาสามารถประสานพรรคการเมืองที่มาจากประชาชนได้ทั้งหมด ผมว่าเขาก็ขาดลอยแทบไม่ต้องใช้เสียง ส.ว.เลยแม้แต่เสียงเดียว ฉะนั้น ผมคิดว่าตอนนี้อย่ามาคิดว่า ส.ว.จะโหวตให้ใครหรือไม่ เพียงแต่ตนจะดูอยู่ต่อไปว่าพรรคก้าวไกลจะสามารถประสานกับทุกพรรคการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลได้หรือเปล่า
นายวันชัย กล่าวต่อว่า เท่าที่จับตาดูเห็นว่ามี ส.ว.หลายคนประกาศชัดเจนว่าไม่ได้หมายความว่าเสียงข้างมากอันดับ 1 เพียงอย่างเดียว แต่จะต้องดูคนที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และดูนโยบายของพรรคการเมืองด้วย สิ่งเหล่านี้จะเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย และตนก็เชื่อว่าเช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองอื่นว่าการจะร่วมรัฐบาลกับใครคงไม่ดูแค่เสียงมาอันดับ 1 แต่คงต้องดูว่านโยบายเข้ากันได้หรือไม่ และจะต้องเสนอใครเป็นนายกรัฐมนตรี
นายวันชัยกล่าวว่า ส.ว.ก็คิดไม่ต่างกัน ขอให้ติดตามกันต่อไป แม้พรรคก้าวไกลได้เสียงมาเป็นอันดับ 1 ก็จริง แต่ต้องดูว่าเขาสามารถประสานเรื่องนโยบาย เรื่องตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเรื่องต่างๆ ได้ลงตัวหรือไม่ และอย่าเพิ่งมาตั้งเป้า หรือเล็งมาที่ ส.ว.โดยตรง
เมื่อถามว่า ส่วนตัวมีเงื่อนไขในการตัดสินใจเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างไร นายวันชัยกล่าวว่า ส่วนตัวยังยืนยันในหลักการเดิม หากพรรคการเมืองสามารถประสานและรวมกันได้เสียงข้างมากก็ไม่ขัดข้อง ยืนยันใช้หลักการเดิม แต่ยอมรับว่าต้องนำเรื่องอื่นๆ มาประกอบ ซึ่งโดยหลักแล้วเคารพเสียงของประชาชนเป็นสำคัญ