“อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร” ปัด ครอบครัวชินวัตร เบรก “ทักษิณ” กลับไทย แจงมีแต่ความเป็นห่วง ให้ตัดสินใจด้วยตัวเองว่าอยากกลับตอนไหน
วันที่ 14 มิ.ย. 66 ที่พรรคเพื่อไทย น.ส. แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่า ครอบครัวชินวัตร เบรกนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังไม่ให้เดินทางกลับประเทศไทยตอนนี้ว่า “ไม่มีอะไรเลย มิติทางการเมืองที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรเลย มีแต่มิติทางครอบครัว”
ถ้าเรื่องมันจริงจังซีเรียสขนาดนั้น เราคงไม่นัดกันรับประทานข้าวนอกบ้าน คุยกันที่บ้านแล้วคงจบได้ แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นแค่ความห่วยใยของ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ที่ตอนนี้เป็นเสาหลักของครอบครัว อยู่ห่างกันมา 17 ปี ก็เป็นห่วงทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องของตน เพราะห่วงในฐานะแม่ของลูกสาวคนเล็ก เขาไม่ได้พูดในฐานะแม่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย แต่เขาพูดในฐานะแม่คนหนึ่งของลูกสาวคนเล็ก ความห่วงใยคุณพ่อ ความห่วงใยคนในครอบครัว ซึ่งไม่มีมิติทางการเมืองด้านอื่นจริงๆ ข่าวก็วิเคราะห์ไปมากมาย ตนอยากจะสายตรงว่าไม่มีอะไรเลย แค่เป็นความเป็นห่วงเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองตอนนี้อยากให้นาย ทักษิณ กลับมาประเทศไทยอยู่หรือไม่ น.ส. แพทองธาร กล่าวว่า เรื่องกลับนั้น อยากให้กลับอยู่แล้ว แต่อยากให้นาย ทักษิณ ตัดสินใจด้วยตัวเองว่าอยากกลับตอนไหน และกลับอย่างไร ตนคิดว่าท่านออกไปนานมากแล้ว ท่านตั้งใจอยากกลับมา ไม่ว่าจะปีแรกๆ ปีกลางๆ หรือระหว่างปีสองปีนี้ ท่านอยากกลับมามาก เพราะอยากกลับมาเลี้ยงหลาน ยิ่งตอนนี้เพิ่งมีหลานคนที่ 7 ยิ่งอยากกลับเลย แต่ให้ท่านตัดสินใจเองดีกว่า
เมื่อถามว่า ครอบครัวชินวัตรได้มีการเบรกตามที่มีข่าวหรือไม่ น.ส. แพทองธาร กล่าวว่า ไม่มี เราไม่ได้มีการเบรก แต่เราพูดแค่ว่า เป็นห่วงนะ ดูข้อมูลให้ครบ อยากกลับมาเมื่อไหร่ก็ดู เป็นข้อความที่เราพูดกันเสมอทุกครั้ง ดูให้ดี ตัดสินใจให้ดี เป็นความเป็นห่วงของครอบครัว ไม่ได้เป็นการเบรกว่าอย่ากลับมานะ หรือตอนนี้กลับมาไม่ได้ เพราะมันไม่แฟร์กับคุณพ่อด้วย ท่านออกไป 17 ปี ดังนั้นจะกลับมาเมื่อไหร่ให้ท่านตัดสินใจเองดีกว่า ชีวิตเป็นของท่าน
เมื่อถามต่อว่า นายทักษิณก็รับฟังใช่หรือไม่ น.ส. แพทองธาร กล่าวว่า ท่านก็รับฟัง เราฟังกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะพี่น้อง พ่อแม่ แต่สุดท้ายแล้วการตัดสินใจเรื่องของใครก็เป็นเรื่องของคนนั้น ทั้งนี้จากที่คุยล่าสุดก็ยังเป็นอย่างนั้น ได้ถามท่านว่าดูเหตุการณ์การเมืองอย่างไรบ้าง ท่านก็บอกว่าดูอยู่แล้ว ไม่อยากกลับมาแล้วเป็นความวุ่นวาย เพราะแน่นอนว่าพ่อมีความสำคัญทางการเมือง การกลับมาต้องดูความเหมาะสมในเหตุการณ์การเมืองต่างๆ
เมื่อถามว่า แบบนี้มีความเป็นไปได้ว่าจะเลื่อนหรือไม่ น.ส. แพทองธาร กล่าวว่า “ไม่ค่ะ ตอนนี้ยังไม่มีนะคะ แต่เราก็ต้องดูเหตุการณ์ใกล้ๆ ด้วย อันนี้คิดเอง คิดแทนนะ คุณพ่อไม่ได้พูดกับอิ๊งค์ เพราะเรื่องวันที่เขาจะให้อิ๊งค์ประกาศ เขายังไม่ได้บอกว่าจะเลื่อน”
เมื่อถามว่า หากไม่พูดถึงความเป็นห่วงของครอบครัวแล้ว ส่วนตัวพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ น.ส. แพทองธาร กล่าวว่า ถ้าตนไม่พร้อมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็คงไม่เป็น ตนไม่พร้อมก็คงไม่ให้นำชื่อไปลง ถ้าตนไม่พร้อมก็ไม่ก้าวเข้ามาตรงนี้ เพราะหากเราไม่พร้อมก็ต้องบอกคนในพรรคว่าเราไม่พร้อม
เมื่อถามว่า คุณหญิงพจมาน มองข้ามช็อตไปหรือไม่ ที่มีความเป็นห่วง น.ส.แพทองธาร นั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะมองว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับนาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้า พรรคก้าวไกลหรือไม่ ถึงมีข่าวออกมาในสถานการณ์แบบนี้ น.ส. แพทองธาร กล่าวว่า ตนคิดว่าสิ่งที่คุณหญิงพจมานคิด คือก่อนเลือกตั้ง ตนก็มีสิทธิ์เป็นนายกฯ ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะตน นายเศรษฐา ทวีสิน หรือนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ก็มีสิทธิ์เป็นนายกฯ ถ้าเราเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ตนคิดว่าคุณหญิงพจมานก็ยังมองตรงนั้น ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นไหม ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นอันดับหนึ่ง ตนต้องเป็นนายกฯหรือไม่ เราจะคุยกันอย่างไรในพรรค มีความเป็นห่วงเสมอเป็นมุมของคนเป็นแม่