พ.ต.ท.ค้ำประกันเพื่อนตำรวจ ต้องแบกหนี้แทน 2 ล้าน ไม่มีเงินส่งลูกเรียน

25 มิ.ย. 66

พ.ต.ท.ค้ำประกันเพื่อนตร.แล้วชิงลาออกต้องรับหนี้แทน 2 ล้าน เหลือเงินเดือนติดบัญชี 70 บาท ไม่มีเงินส่งลูกเรียนเกือบจบชีวิตพร้อมกันทั้งครอบครัว

วันที่ 25 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวได้รับได้รับแจ้งว่ามีเด็กเรียนเก่งแต่ขาดทุนทรัพย์ไปเรียน แม้แต่เสื้อผ้ายังไม่มีไปเรียน ทั้งที่มหาลัยจะเปิดในวันที่ 3 ก.ค.นี้ จึงได้เดินทางไปพบกันนางสาวพาณิภัค อายุ 19 ปี อาศัยอยู่กับพ่อแม่ในบ้านพักตำรวจ ภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งกำลังช่วยแม่ทำอาหารกล่องไปขายหน้าปากซอยเพื่อหารายได้ช่วยเหลือครอบครัว อีกทาง

พาณิภัค เปิดเผลว่าตนเองหลังจากจบ ม.6 ก็สอบติดหลายโรงเรียนดัง แต่ตนเองเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าทนบุรี แต่ในตอนนี้ตนเองยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง เพราะครอบครัวครัวยากจน พ่อเป็นตำรวจยศ พันตำรวจโท แม่เป็นแม่ค้า ที่ตนเองต้องมาลำบากในขณะคือการที่พ่อถูกหักเงินเดือนจนแทบไม่เหลือเลี้ยงครอบครัว เพราะต้องใช้หนี้เข้าที่ไปค้ำประกันเพื่อนตำรวจยอดเงินกว่า 2 ล้านบาท ทำให้เหลือเงินติดบัญชีเพียง 70 บาทเท่านั้น  แต่แม่ก็ไม่ยอมหยุดนิ่งทำอาหารกล่องขายสร้างราคาได้ประทังชีวิต ต้องตื่นกันตี 4 ผัดเส้นจันทร์ใส่กล่องขาย

หนูเคยลำบากมาตั้งแต่ ม.3 ไปเรียนที่โรงเรียนนวมินทราชูทิศกรุงเทพมหานคร โชคดีมีผู้ใหญ่ใจดีให้อาศัยอยู่บ้านพักฟรีจนเรียนจบ ขณะอยู่หอพักแม่จะส่งให้อาทิตย์ละ 500 บาท ตนเองต้องเก็บอดออมไว้ในยามที่จะต้องชื้ออุปกรณ์การเรียนเพื่อเติม ต้องกินข้าวเย็นกับคะนอนก้อนนำมาต้มข้าวกิน ประทั้งชีวิต

ขณะที่นางสาวพัชริยา อายุ 43 ปี แม่ของพาณิภัค กล่าวว่าตนเองต้องสู้เพื่อลูกให้ได้ ลำบากแค่ไหนก็ยอม ต้องสู้ส่งลูกให้เรียนให้จบ เพื่อจะได้ช่วยกันเลี้ยงน้องชายคนเล็กให้เรียนจบตามกันไป ทุกวันนี้เงินเดือนพ่อไม่เหลือที่จะดูแลครอบครัวได้ แต่เราต้องดินรนเพื่อลูก เคนคิดจะฆ่าตัวตามทั้งครอบครัว เพราะหาทางออกไม่ได้ แต่ทุกคนคือกำลังใจต้องสู้กันต่อไป เพื่ออนาคตลูก

ส่วน พ.ต.ท.วิริยะ อายุ 51 ปี สว.อก.กองบังคับการตำรวจภ๔ธรพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่าตนเองรู้สึกเสียใจมากที่ไม่สามารถจะดูแลลูกเมียให้สมบูรณ์ได้ ซึ่งตนเองก้ไม่โทษใครเพราะมันเป็นการยินยอมค้ำประกันให้กัน ซึ่งตัวเองโชคร้ายที่คู่สัญญากู้เงินมาแล้วลาออกไป จนต้องรับภาระหนี้แทนถึง 2 ล้านบาท จึงถูกหักบัญชีจะเหลือ 70 บาท เคยคิดท้อกินเหล้าทุกวัน จนมาเห็นลูกๆต้องสู้ต่อ จึงต้องสติตั้งหลักใหม่ รับจ้างขึ้นเวรบ้าง มีใครจ้างทำอะไรก็รับจ้างไป ได้เงินมาเยียวยาครอบครัวแม่น้อยนิด ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไร ห่วงลูกมากยังไม่มีเสียผ้าจะใส่ไปเรียนเลยในตอนนี้  

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส