พลายประตูผา อยู่ที่เดิม ถูกใช้ข้ออ้าง "ตกมัน" เลี่ยงไม่ให้จนท.ไทยหาเจอ

4 ก.ค. 66

ช้างพลายประตูผา ถูกผูกอยู่ที่เดิม วัดเล็กๆ ในการดูแลของวัดพระเขี้ยวแก้ว แต่หนีการให้ได้พบคณะบุคคลสำคัญด้วยการบอกว่า "ตกมัน" และย้ายไปที่อื่น

ดร.ชญาน์นันท์ อัศวธรรมานนท์ อ.ประจำสาขาพระพุทธศาสนา-วิทยาลัยสงฆ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีของช้างไทย "พลายประตูผา" หลังจากที่เคยเปิดเผยว่า พลายประตุผา ถูกพาออกนอกพื้นที่ เลี่ยงเจอคณะเจ้าหน้าที่ไทยซึ่งจะเข้าไปให้การช่วยเหลือช้าง

ล่าสุด ดร.ชญาน์นันท์ โพสต์ข้อความระบุว่า ท่านทูตประตูผาหรือไทยราชา สมชื่อสมฐานะหรือสมเพชเวทนาอย่างไหนดี 43 ปีแล้วหนอพ่อพลายเอ๋ย พ่อจะทุกข์ตรมเพียงใดไม่มีใครได้ยินเสียงที่แสนเจ็บปวดของพ่อพลาย ความเจ็บปวดที่ไร้เสียง น้ำตาเป็นสายเลือดเสมือนห่าฝนปีแล้วปีเล่า คิดถึงแผ่นดินของเรามากเพียงใดหนอ ศพพ่อพลายจะฝังแผ่นดินไหน คำตอบคือแผ่นดินสิงหล
มีความกระจ่างที่จะต้องอธิบาย

สถานที่พลายประตูผาอยู่คนที่โน่นเขาบอกว่าอยู่วัดพระเขี้ยวแก้ว คนไทยจึงเข้าใจว่าเป็นวัดพระเขี้ยวแก้วที่มีพระเขี้ยวแก้วหรือพระทันตธาตุประดิษฐาน แต่กลายเป็นวัดเล็กๆ ที่มีช้างไทยพลายประตูผาผูกอยู่ โดยมีชื่อวัดอีกชื่อและมีป้ายตั้งไว้ชัดเจนริมถนนเลยแถมอยู่ห่างกันต้องนั่งรถมาเป็นสิบกว่านาที

แต่ทว่าวัดนี้อยู่ในพิกัดการปกครองดูแลขึ้นอยู่กับวัดพระเขี้ยวแก้ว การที่ย้ายหนีคือไม่ได้ย้ายหนีในความหมายของสถานที่ผูกช้างเพราะประตูผาตกมันเขานำมาผูกไว้บริเวณวัดเล็กแห่งนี้นานเป็นเดือนแล้ว แต่หนีการให้ได้พบคณะบุคคลสำคัญด้วยการปฏิเสธด้วยเหตุตกมัน และมีการแจ้งว่าย้ายไปไกล 50 ถึง 60 กม. จากลังกา หลังตรวจเช็คจนมั่นใจข้อมูลว่าอยู่ที่เราไปอยู่ที่นั่นยังยืนที่เดิม

หากจะไปหา ถ้าเราไปเดินหาช้างพลายประตูผาทั่ววัดพระเขี้ยวแก้วเราจะไม่เจอ งงหรือไม่งง เพราะตำแหน่งที่ประตูผาผูกอยู่มีชื่อวัดอีกชื่อ แต่วัดนี้อยู่ที่ดินของวัดพระเขี้ยวแก้วและมีชื่อวัดของทางวัดนี้เองตั้งป้ายไว้ด้วย (ที่ดินกรรมสิทธิ์ของวัดพระเขี้ยวแก้วกว้างมากเพราะเคยเป็นพระราชวังและอาคารสภามาก่อน)

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส