ครูอนุบาลทำโทษเด็กอนุบาล 2 วัย 5 ขวบ เขียนอักษรตัว ‘T’ ไม่สวย ถอดกระโปรงเด็ก ประจานหน้าชั้นเรียนท่ามกลางเพื่อนร่วมห้อง แถมขู่ไม่ให้บอกแม่
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ 16 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ่อและแม่ได้นำลูกสาวคือ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 5 ขวบ นักเรียนระดับชั้นอนุบาล 2/2 โรงเรียนเทศบาลแห่งหนึ่ง ใน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เข้าพบผู้สื่อข่าวประจำ จ.ตรัง เพื่อเป็นกระบอกเสียงเรียกร้องความเป็นธรรม หลังจากที่ลูกสาวได้กลับมาบอกกับผู้ปกครองว่า เวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา คุณครูผู้หญิงชื่อย่อ บ. ซึ่งเป็นครูประจำชั้น ได้ทำโทษลูกสาว โดยการถอดกระโปรง กลางห้องเรียนต่อหน้าเพื่อนๆทั้งหญิงและชายในชั้นเรียนกว่า 28 คนโดยอ้างว่าลูกสาวเขียนอักษรภาษาอังกฤษตัว ที (T) ไม่สวย และได้นำกระโปรงมาวางตั้งไว้บนพื้นหน้าชั้นเรียน พร้อมกับให้ลูกสาวกลับไปนั่งเขียนตัวที (T) ที่โต๊ะโดยมีเพียงแค่กางเกงในตัวเดียว
ผู้เป็นแม่ กล่าวว่า เวลาประมาณ 17.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากลูกสาวกลับจากโรงเรียน ก็ได้มาเล่าตนฟังว่าวันนี้ถูกคุณครูถอดกระโปรงออกไปตั้งที่พื้นหน้าชั้นเรียน ตนจึงถามว่าลูกทำอะไรผิด ลูกบอกว่าเพราะหนูเขียนตัวที ไม่สวย จึงลงโทษด้วยการถอดกระโปรง ทำให้ขณะนั้นลูกร้องไห้ทั้งวัน หลังจากนั้นก็ได้เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะโดยมีเพียงแค่กางเกงในเท่านั้น โดยที่ลูกพยายามใช้ผ้ากั้นเปื้อนปิด ก่อนจะเขียนตัวทีจนเสร็จ และคุณครูก็อนุญาตให้มาหยิบกระโปรงไปใส่กลับ หลังจากทราบเรื่องในวันเดียวกันตนก็ได้ทักไลน์ไปถามคุณครู แต่คุณครูกลับปฎิเสธว่าไม่ได้ทำ และภายในห้องไม่ได้มีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น แถมยังชมว่าน้องเป็นเด็กน่ารัก และปกติ ซึ่งได้รับข้อมูลมาไม่ตรงกับความเป็นจริงที่ลูกเล่า
ถัดมาหลังจากนั้นในวันศุกร์ที่ 14 ก.ค. ลูกได้เลิกเรียนและกลับมาบอกว่า คุณครูคนเดิมได้พูดภาษาใต้กับลูกว่า “กลับไปฟ้องแม่อีกไหม ถ้ากลับไปบอกแม่อีก ก็ไม่ต้องนอนกลางวันแล้ว” ตนจึงเกิดความไม่สบายใจ เพราะลูกร้องไห้ และพูดตลอดว่าไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว เพราะว่ากลัวคุณครู และอับอายเพื่อนๆ ตนจึงได้โทรสอบถามผู้ปกครองและเพื่อนๆของน้องคนอื่นๆที่เรียนอยู่ในห้องเดียวกัน แต่เด็กทุกคนที่สอบถามกลับเล่าตรงและเหมือนกับที่ลูกสาวมาเล่าตนว่าเหตุการณ์เป็นแบบนั้นจริงๆ พร้อมทั้งบอกว่าคุณครูคนดังกล่าวชอบดูกางเกงในของเด็กในห้อง
ถัดมาอีกวันตนก็ได้โทรหาผอ.โรงเรียนฯ เพื่อบอกเล่าในเรื่องนี้ หลังจากนั้นคุณครูคนดังกล่าวก็ได้โทรกลับมาหาตน โดยในตอนแรกปฎิเสธว่าไม่ได้ทำพยายามบอกว่าลูกตนเรียบเรียงเหตุการณ์ผิด แต่ตนก็พยายามซักถามและพยายามบอกว่าให้พูดความจริง หากบอกความจริงตนจะไม่เอาเรื่อง คุณครูจริงพูดยอมรับสารภาพว่าถอดกระโปรงจริง แต่ถอดลงมาแค่เพียงหัวเข่า และให้ยืนอยู่อย่างนั้น แต่ก็ยังเป็นการยอมรับแบบไม่บริสุทธิ์ใจ เพราะยังไม่ได้เป็นเหตุการณ์บอกเล่าที่ตรงกับที่ลูกสาวบอก ซึ่งตนจะรู้ดีว่าลูกตนจะไม่พูดโกหก ก็เลยอยากให้คุณครูออกมาพูดความจริงว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นอย่างไร ให้ออกมาพูดกันด้วยความเป็นจริง เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่าเป็นการลงโทษที่ผิดวิธีและผิดจรรยาบรรณวิชาชีพครู แต่หากจะทำโทษในลักษณะอื่นตนก็ไม่ได้ขัดอะไร
ตอนนี้ลูกรู้สึกกลัวอับอาย เพราะเป็นผู้หญิง เด็กผู้ชายคนอื่นๆเห็นหมด ทำให้ลูกไม่อยากไปโรงเรียน และกลัวคุณครูคนดังกล่าวไปเลย แม้เมื่อลูกได้ยินว่าตนจะโทรหาครู ลูกก็กลัวไม่ให้ตนโทร และนำมือถือของแม่ไปแอบ แถมมีอาการร่าเริงน้อยลง โดยวันพรุ่งนี้ (17 ก.ค.) ตนก็ยังคงไม่ให้ลูกไปโรงเรียน เพราะลูกยังมีอาการตกใจและกลัวอยู่ ซึ่งตนก็จะเข้าไปสอบถามและหาข้อเท็จจริงกับทางโรงเรียนในวันพรุ่งนี้ (17 ก.ค.) เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ตนก็ได้ไปแจ้งความให้ดำเนินคดีไว้กับ ร.ต.อ.สุวิทย์ สุวรรณราช รอง สว.(สอบสวน) สภ.ย่านตาขาว ไว้แล้วเมื่อวานนี้ 15 ก.ค.66 และอยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับเลขคดีในเร็ววัน เพื่อให้เรื่องที่ร้องทุกข์เข้าสู่ขั้นตอนของกฎหมาย และตนอยากให้ดำเนินการทางคดีให้ถึงที่สุด และให้คุณครูออกมาชี้แจงรับผิดและพูดความจริงในสิ่งที่ทำลงไป และอยากจะฝากไปถึงโรงเรียนเทศบาลฯ ให้ดำเนินการสอบสวนทางวินัยและจรรยาบรรณวิชาชีพของครูรายดังกล่าว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวยังได้รับข้อความเสียงสนทนา ซึ่งเป็นพยานหลักฐาน จากผู้ปกครองที่พูดคุยกับคุณครูรายดังกล่าว ซึ่งในช่วงแรกคุณครูปฎิเสธว่าไม่ได้กระทำ แต่เมื่อผู้ปกครองพยายามพูดให้คุณครูบอกความจริงและจะไม่เอาเรื่อง คุณครูกลับรับสารภาพว่าถอดมาเพียงแค่หัวเข่า และต่อหน้าเพื่อนๆในชั้นเรียน เป็นการลงโทษที่เด็กเขียนตัวทีไม่สวย และน้องร้องไห้ แต่ไม่ได้พูดขู่ว่าถ้าบอกแม่จะไม่ให้นอนกลางวัน และจะบอกกับทาง ผอ.โรงเรียนฯ แบบที่บอกกับทางคุณแม่เช่นกัน แต่ก็ยังรับสารภาพไม่สอดคล้องกันทั้งหมดกับที่เด็กบอกเล่ากับผู้ปกครอง ทั้งนี้ท้ายข้อความคุณครูรายดังกล่าวยังขอโทษกับผู้ปกครองและครอบครัว และยังยอมรับว่าเด็กไม่ได้ดื้อด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้โทรไปสอบถามกับทาง ผอ.โรงเรียนฯ ดังกล่าว ระบุว่า ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้สืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้วแต่คงไม่เป็นเช่นนั้น และได้สอบถามพูดคุณกับคุณครูรายดังกล่าวแล้ว แต่คุณครูยืนยันกับตนว่าไม่ได้ทำพฤติกรรมเช่นนั้น และในวันพรุ่งนี้ (17 ก.ค.) ผู้ปกครองได้นัดตนเพื่อพูดคุยกันพร้อมกับคุณครูรายดังกล่าว ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป