"หมอปลาย พรายกระซิบ" ชี้ นายกคนที่ 30 มีลักษณะพิเศษที่บ่า และไม่ใช่คนจากพรรคอันดับ 2 "พิธา" หมดสิทธิแล้ว เตือนปลายปีจะมีม็อบรุนแรง
การหารือของพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้เท่าที่เห็นผลออกมาน่าจะผิดหวังสำหรับใครหลายๆ คน รวมถึงตนด้วย สิ่งที่เห็นมันไม่ตอบโจทย์กับประชาชนกับสิ่งที่ต้องการ และเป็นเรื่องที่พลิกโผอีกรอบ คือจากการคุยกันมีความยุ่งเหยิง การคุยกันข้างในอาจจะมีการทะเลาะกันนิดหน่อย แต่ตนรู้สึกว่ามันคือการทะเลาะเพื่อเตรียมตัวไปอีกระดับหนึ่ง เราในฝั่งประชาชนต้องเตรียมใจในการฟัง และมาร์กหัวทีละคนเลยว่าใครพูดมีอะไรยังไงบ้าง อาจจะไม่ใช่ในทางที่ดีสักเท่าไหร่
และสำหรับวันที่ 27 กรกฎาคม ที่จะมีการประชุมสภากันอีกครั้ง เท่าที่เห็นก็ยังไม่ได้คำตอบสุดท้าย ตนคิดว่ายังไม่ได้ว่านายกคือใคร มันจะมีเหตุการณ์ต่างๆ เช่น คนนู้นคนนี้ทำผิด และยังไม่ได้เสนอชื่อแบบชัดเจน มีการประท้วงภายในสภา รวมถึงข้างนอกก็วุ่นวายพอสมควร เลยคิดว่าอาจจะมีการผลัดไปอีกสักพักหนึ่ง
ส่วนประเทศไทยจะได้นายกคนใหม่เมื่อไรนั้น หมอปลาย ระบุว่ามันจะมีเหตุการณ์วุ่นสุดๆ ช่วงกันยายน ตุลาคม เพราะฉะนั้นเดือนสิงหาคมน่าจะมีเหตุหรือมีการประชุมอีกรอบเพื่อบอกว่าใครคือใคร ตนจะรอลุ้นช่วงกลางๆ เดือนสิงหาคม
เท่าที่เห็นมีคนที่มาเป็นแน่ๆ นายกคนที่ 30 เท่าที่เห็นเป็นคนที่มีสีบ่าแข็ง ไม่ใช่คนที่เป็นนักธุรกิจจ๋าๆ เผยตัวย่อ ยังเป็นแนวๆ พ. หรือตัว P
บอกสำหรับใจของตนคือยังไงก็ได้ขอให้ไม่มีเหตุที่คนประท้วงเยอะๆ เกิดความไม่พอใจ ความรุนแรง การที่จะตั้งนายกคนใหม่ต้องนึกถึงประชาชนและประเทศรอบๆ ที่เขาค้าขายกับเราด้วย ไม่งั้นถ้าเกิดผลกระทบมันจะเป็นผลกระทบงานใหญ่ คุณมาเป็นนายก คุณก็ต้องสร้างเสถียรภาพให้กับประเทศ
บอกถ้าเป็นคนที่ตนเห็น ณ ตอนนี้ เขาเป็นคนที่อะลุ่มอล่วย ทุกคนซูฮกเขา เพราะฉะนั้นนักการเมืองจะแฮปปี้ แต่ประชาชนจะก้ำกึ่ง รวยกระจุก จนกระจาย จะเป็นในลักษณะนี้ เรียกว่ากระทบเศรษฐกิจหนักๆ เลย
ถ้าถามว่ามาจากพรรคอันดับ 2 ไหม คนนี้ไม่น่าจากพรรคอันดับ 2 ตนคิดว่าน่าจะเป็นเหมือนเดิมคือพรรคอันดับ 2 ไม่รู้จะเอาใครขึ้น เลยเป็นพรรคอันดับ 3 หรือ 4 มีคนที่เขาคิดว่าเหมาะสม เขาก็ส่งขึ้นมา แล้วคิดว่าทุกคนเคารพได้
ส่วนจะมีพรรคอื่นร่วมด้วยหรือไม่นั้น พรรคอื่นอาจจะมีการเสนอชื่อ แต่คงไม่ได้พลิกโผเท่าที่คิดไว้มาก บอกพรรคสีน้ำเงินมาร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว พรรคสีน้ำเงินต้องรัฐบาลเท่านั้น เห็นชัดและเห็นมานานแล้ว บอกเท่าที่ดู 8 พรรคร่วมก็มีการแตกกระจาย และการโหวตก็จะได้เห็นเลยว่าเป็นยังไง ทั้งงูเห่า งูมีพิษ ต้องระวังจะโหวตอะไรก็คิดไว้ด้วยว่าตัวเองจะถูกตัดตอนหรือเปล่า
หมอปลาย ย้ำด้วยว่า ช่วงปลายปีถึงรู้ว่านายกคือใคร แต่จะมีช่วงก่อนปลายปี จะมีคนที่ขึ้นมาก่อนเพื่อทำให้ประเทศชาติสงบ เขาจะใช้คำนี้ ซึ่งคำนี้มันจะทำให้มีความรุนแรงหนักกว่าเดิม
และสำหรับ คุณพิธา พูดแล้วก็กลุ้มใจ ต้องใช้คำว่าหมดหวัง และเสียดายทุกอย่าง คือการเลือกตั้งมันใช้งบประมาณเยอะ การที่คุณมาทำแบบนี้ ถ้าคุณอยากได้คุณก็เอามาแค่จำนวนที่คุณอยากให้เป็น แล้วเอามาให้ประชาชนเลือกเลยดีกว่าไหม มันจะได้เสียความรู้สึกกันน้อยลง
เพราะตอนนี้ทั้งฝั่ง คุณพิธาและ "เพื่อไทย" เครียดทั้งสองฝ่าย ตนบอกตรงๆ เลยว่าถึงแม้เพื่อไทยและก้าวไกลจะบอกว่าเขาจับมือกันแน่น แต่มันจับไม่ได้ เพราะด้วยใจ ความรู้สึก มันหมดซึ่งความศรัทธาแล้ว และด้วยแรงกระพือของประชาชน แต่เขากลับมาทำแบบนี้ มันคือสิ่งที่ไม่สมควรตั้งแต่แรก สรุปคือ เพื่อไทย ก้าวไกล ต้องแยกกันอยู่แล้ว ย้ำว่าอยู่ที่เขาจะมองว่าเพื่อประเทศชาติไหม
ด้าน คุณพิธาจะยังวนเวียนอยู่ในการเมือง และอยากให้วนเวียน ดวงเขาจากข้างล่างได้เป็นนายกคนที่ 30 เรียบร้อยแล้ว แต่ดวงบนโลกมนุษย์ด้วยกฎหมายมันยังไม่ได้ ตนก็เสียใจ ซึ่งดวงเขามีโอกาสหนึ่งครั้ง แสดงว่าอาจจะไม่ได้เป็นนายกอีกแล้ว
สำหรับกรณีให้รออีก 10 เดือน สำหรับประชาชน รอ 10เดือนได้ แต่ประเทศมันต้องขับเคลื่อน เพราะฉะนั้น 10 เดือนเป็นระยะเวลาค่อนข้างนาน ต่างชาติเขาอยากเข้ามาลงทุน เขาก็ไม่กล้า เกี่ยวกับการท่องเที่ยวก็มีปัญหา ตนมองว่าถ้าเป็นนักการเมืองก็คงอยากจัดการ 10 เดือนให้เร็วที่สุดเพื่อประชาชนของเรา ย้ำสิ้นปีได้รู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร ถามว่าดีกว่าเดิมไหม คือถ้าได้นายกขึ้นมาและคนเข้าใจ รับได้ว่าเหตุผลคืออะไร ตนว่าดีแน่นอน
ในช่วงเดือนสิงหาคมน่าจะมีเรื่องของการประกาศว่าใครจะเป็นแคนดิเดตแบบชัดเจน แต่ละรายชื่อที่ขึ้นมามันมีความไม่เหมาะสม ทำให้ประชาชนจำเป็นต้องจัดการ อันนี้คือชนวนเตรียมตัวสู้กันเต็มที่ มีม็อบแน่นอน ความรุนแรงจะอยู่ช่วงกันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน 3 เดือนนี้จะหนักๆ ซึ่งมันจะไม่ใช่คนไทย จะมีนักข่าวต่างชาติเข้ามาร่วมด้วย ยิ่งทำให้รุนแรงหนักมาก เนื่องจากการเป็นประชาธิปไตยแบบสุดโต่ง
มันจะเกิดความโมโห เครียด ทำอะไรโดยขาดสติ มันเลยจะมีทั้งความรุนแรง เสียเลือดเสียเนื้อ ระเบิด ย้ำฝ่ายชุมนุมรุนแรงแล้ว ฝ่ายทหารจะยิ่งต้องรุนแรงกว่า ไม่เข้าใจพวกเราว่าต้องการอะไร อาจจะได้เห็นการย้อนรอยของแก๊สน้ำตา มันเป็นเหมือนการผสมกันระหว่างรอบก่อนกับรอบนี้ เพราะตนกลัวว่ารุ่นใหม่แรงกว่ารุ่นเก่า
พร้อมขยายความว่านักข่าวต่างชาติที่เข้ามา ปัญหาอาจจะมาจากเกิดจากการกระจายข่าว เด็กรุ่นใหม่ก็ภาษาเก่งมาก เพราะฉะนั้นถ้าเขาพูดออกสื่อทีเดียวทุกสำนักทั่วโลกเขาจับจ้องหนักมากๆ ว่าทำไมก้าวไกลถึงไม่ได้ขึ้น แต่ก้าวไกลพูดอะไรกระตุกต่อมนิดเดียวเขาพร้อมเข้ามาเต็มที่ นั่นแหละทำลายทุกอย่างของประเทศนี้ เช่น ภาพลักษณ์จะเสียหมด ในส่วนอีกปัญหาหนึ่งคือเกิดจากกลุ่มวัยรุ่นผู้หหญิง ตนเข้าใจสำหรับคนที่ผิดหวัง และอยากเปลี่ยนประเทศ ประชาชนก็ต้องอยู่ให้ได้ในทุกวิกฤติ
ความรุนแรงอาจจะถึงขั้นใกล้เคียงกับการปิดประเทศ หรือไม่นั้น หมอปลาย ระบุ ต่างชาติเขามองแล้วว่าประเทศเรามันอันตราย มันมีปัญหาที่เขาไม่รู้ว่ามาถึงแล้วเขาจะขึ้นเครื่องบินกลับได้ไหม เช่น เพื่อนตน ลูกค้า พูดและมองแบบนี้ ตนเลยคิดว่ามันน่ากลัว และขอร้องว่าอย่าทำให้เกิด มีเค้าโครงว่ามันจะเกิด เพราะบริเวณตึกใหญ่ แหล่งรวมต่างชาติมาทำงาน จะโดน สี่แยกใหญ่ รวมถึงการคมนาคม เรียกว่า 2-3 เดือนที่จะถึงอาจจะมีอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น
ถ้าผ่านช่วงนี้ไปทุกอย่างจะดีขึ้น บอกปีหน้าทุกคนจะปรับตัวได้ ทุกอย่างจะลงล็อก ฟ้าจะเริ่มสว่างอีกครั้ง สุดท้ายขอเตือนนักข่าวเวลานำเสนอให้นำเสนอข่าวทั้งสองมุม เพราะการให้ข่าวมุมเดียวมันทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเอนเอียง ถึงเวลามันจะตีกันของทั้งสองฝั่ง ทำให้ความคิดมันอยู่แค่แง่เดียว