คำของประธานฯถือเป็นเด็ดขาด “วันนอร์” ครูเก่าสั่ง “ธีรัจชัย” นั่งลง ย้ำชัด ! ไม่ให้ “โรม” ยื่นญัตติซ้ำ
วันที่ 22 สิงหาคม 2566 เมื่อเวลา10.00 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมที่รัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นทักท้วงกรณีที่ประธานรัฐสภาไม่มีการบรรจุญัตติของตนเองที่ค้างอยู่ในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566 กรณีการขอให้ที่ประชุมรัฐสภาทบทวนมติวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ที่ไม่ให้มีการเสนอชื่อบุคคลซ้ำในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นการดำเนินการที่ถูกต้องหรือไม่ (ญัตติที่เสนอโดยนายรังสิมันต์ โรม สืบเนื่องมาจากการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 พรรคก้าวไกลยืนยันเสนอพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นครั้งที่สอง)
โดยนายรังสิมันต์ กล่าวว่า การตีความข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ที่อ้างว่ามติในที่ประชุม ซึ่งมีความเห็นเป็นเด็ดขาดแล้ว ไม่สามารถนำกลับมาทบทวนได้นั้น ไม่ได้หมายความว่า ต้องถือตามคำวินิจฉัยตลอดไป เช่นเดียวกับที่ศาลฎีกา ซึ่งเคยมีคำวินิจฉัยทบทวนคำพิพากษาของตัวเอง อีกทั้งรัฐธรรมนูญยังระบุชัดด้วยว่า การเลือกนายกรัฐมนตรี ให้เลือกจากแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งพรรคการเมืองเสนอชื่อมา แม้จะเสนอชื่อใครไปแล้ว ถึงลงมติไม่ผ่าน รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้ระบุว่า บุคคลนั้นไม่นับเป็นแคนดิเดตนายกฯอีกต่อไป ดังนั้นความเป็นแคนดิเดตนายกฯยังคงมีอยู่ต่อไปเรื่อยๆ ขอให้กลับมาสร้างบรรทัดฐานที่ถูก
ระหว่างนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้ตัดบทขอให้นายรังสิมันต์หยุดอภิปราย เพราะพูดมานานแล้ว ไม่ได้ขัดขวางการอภิปราย แต่นายรังสิมันต์ได้พูดครบประเด็น จนสมาชิกเข้าใจแล้ว จึงควรพอเท่านี้ ดังนั้นในฐานะประธานรัฐสภา จึงขอใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 80 ใช้อำนาจวินิจฉัย ไม่รับญัตติด่วนของนายรังสิมันต์ที่เสนอด้วยวาจา
แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ สส.ก้าวไกล หลายคน พยายามโต้แย้งคำวินิจฉัยของประธานรัฐสภา โดยเฉพาะ นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. ซึ่งระบุว่า “ประธานรัฐสภาวางตัวไม่เป็นกลาง รู้เห็นเป็นใจกับเสียงข้างมาก” ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ไม่พอใจ กล่าวตอบโต้ด้วยน้ำเสียงอันแข็งกร้าว ขอให้นายธีรัจชัยถอนคำพูดในทันที ถ้าไม่ถอนคำพูดจะไม่อนุญาตให้พูดต่อ เพราะเป็นการกล่าวหาประธานรัฐสภาอย่างรุนแรง ท่ามกลางเสียงของสมิกรัฐสภาที่ดังแทรกเข้ามาเป็นระยะ
“ถ้าไม่ถอนคำพูด ผมเสียหาย คนข้างนอกจะหาว่าประธานรู้เห็นเป็นใจ ถ้าไม่ถอน ผมไม่ให้พูด ไม่ต้องมาเดี๋ยวหรอกครับ นั่งลง จะนั่งลงไหม คุณกล่าวหาแล้วคุณไม่ถอนคำพูดไม่ได้ คำสั่งของประธานรัฐสภาถือเป็นเด็ดขาด”
โดยนายธีรัจชัยได้ขอถอนคำพูด แต่ก็พยายามที่จะอธิบายต่อว่าไม่ได้กล่าวหา แต่นายวันนอร์ได้ใช้อำนาจสั่งให้ดำเนินการประชุมตามในระเบียบวาระต่อไป