ตำรวจไซเบอร์ แถลงจับกุมหนุ่มขายข้อมูล 15 ล้านรายชื่อให้กลุ่มธุรกิจเทา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมรวบ 2 หนุ่มเมียนมา แก๊งโรแมนซ์สแกม
พลตำรวจโท วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมด้วย พลตำรวจตรีอำนาจ ไตรพจน์ รองผู้บัญชาการ อละ พลตำรวจตรีชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 แถลงผลการจับกุม นายศุภากรณ์ หรือ ปลื้ม อายุ 24 ปี ผู้ต้องหา ในความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีที่ได้ขายข้อมูลส่วนบุคคลให้บุคคลอื่น
ซึ่งการจับกุมดังกล่าว เป็นการขายผลมาจากการ สามารถจับกุม นายผดุงเกียรติ หรือ เบนซ์ ที่ขายข้อมูลส่วนบุคคล กว่า 2 ล้าน รายชื่อ ทั้งข้อมูลรายชื่อ เบอร์โทรศัพท์ อีเมลให้กับกลุ่มธุรกิจสีเทา กลุ่มเว็บพนันออนไลน์ กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ เพื่อที่จะนำข้อมูลดังกล่าวไปหลอกลวงประชาชน ซึ่งยังเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งถูกตำรวจจับกุมไปเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา
จากนั้นตำรวจได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่าเป็นกลุ่มของ นายปลื้ม ที่เป็นเจ้าของ เฟซบุ๊ก ชื่อ “งานไม่ทำ รำอย่างเดียว” ซึ่งพบหลักฐานที่มีการตกลงซื้อขายข้อมูลยกไดรฟ์ที่มีจำนวนชื่อกว่า 2 ล้าน รายชื่อ ขายให้กับผู้ต้องหาที่เคยถูกจับกูมีก่อนหน้านี้ในราคา 7,000 บาท
และจากการสอบปากคำเบื้องต้น พบว่า นายปลื้ม เป็นคนกลางที่รับซื้อข้อมูลจากกลุ่มลูกค้าที่เคยซื้อขายอาหารเสริมยี่ห้อดังแบรนด์หนึ่ง และรับซื้อมาจากกลุ่มธุรกิจสีเทา ซึ่งตามคำกล่าวอ้าง บอกว่าซื้อมา 15 ล้านรายชื่อ และผู้ต้องหา นำมาแบ่งขายเป็นแพ็กเกจให้กับกลุ่มที่สนใจใน ดาร์กเว็บ ซึ่งแพ็กเกจก็จะแตกต่างกันออกไป เคยได้ขายได้เดือนละ 4 แสบาท
และจากการตรวจสอบข้อมูลรายชื่อที่ผู้ต้องหานำไปขาย พบว่าผู้ต้องหามีการนำข้อมูลที่เป็นข้อมูลปลอมผสมไปด้วย และมีการนำข้อมูลมาวนขายซ้ำอีกด้วย และนอกจากนี้ นายปลื้ม ยังนำความรู้ของตัวเองจะไปพัฒนาเว็บไซต์ ไปขายให้กับกลุ่ม ที่รับซื้อโดยมีการกล่าวอ้างว่าจะสามารถขายเครื่องส่งสัญญาณข้อความผ่าน SMS รวมถึงจะมีการขายแอปพลิเคชันที่สามารถบันทึกใบหน้าเหยื่อเพื่อไปไว้สำหรับสแกนกดเงินของบัญชีธนาคาร
ซึ่งจากคำกล่าวอ้างดังกล่าวทางตำรวจไซเบอร์จะนำไปขยายผลว่ามีการทำได้จริงหรือไม่ แต่เบื้องต้นจากหลักฐานที่ตรวจสอบผ่านคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือยังไม่พบว่าสามารถทำได้จริง ซึ่งตำรวจจะขยายผลถึงต้นตอการซื้อขายรายชื่อ ที่ผู้ต้องหาซื้อมาและกลุ่มที่ซื้อต่อจากผู้ต้องหาไป
โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่พบว่าผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับ จ่าสิบโทเขมรัตน์ บุญช่วย หรือ 9 เนียร์ ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ เรื่องการขายข้อมูลส่วนบุคคล 55 ล้านรายชื่อ
ส่วนอีกคดีคดีเป็นการจับกุมขบวนการ “หลอกให้รักออนไลน์” (Romance scams) จากกรณีที่ผู้เสียหาย แจ้งความผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ กรณีถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน โดยคนร้ายใช้เทคนิคทางจิตวิทยาผ่านเครื่องมือสื่อสารเป็นการส่งข้อความมาในลักษณะชวนคุยเพื่อหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และตกลงคบเป็นแฟน ทั้งยังอ้างว่า จะส่งของมาให้เป็นเงิน กระเป๋าพร้อมด้วยนาฬิกา และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ แต่ผู้เสียหายต้องโอนเงินค่าขนส่งไปให้ก่อนนั้น
เจ้าหน้าที่ได้มีการขออนุมัติหมายศาลออกหมายค้นและเข้าตรวจค้นเมื่อวันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมาจำนวน 7 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 รายคือ
1. MRS.MYINT. สัญชาติเมียนมา บุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 2672 / 2566 ลงวันที่ 22 ส.ค. 66
2. MR.SHOON สัญชาติเมียนมา บุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 2676 / 2566 ลงวันที่ 22 ส.ค. 66
พร้อมของกลางที่ตรวจยึดอายัด รถยนต์หรู MacBook iPad ธนบัตรดอลลาร์ ธนบัตรพม่า ธนบัตรไทย และสมุดบัญชีธนาคาร พร้อมของกลางอื่นอีกหลายรายการ โดยมีการแจ้งข้อหาเป็นการกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่น ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย