ชาวบ้านเฮ! หนี้กองทุนหมู่บ้าน 45 ล้าน ธนาคารให้ผ่อน 5 ปี ไม่มีฟ้อง

27 ส.ค. 66

จบมหากาพย์เงินกองทุนหมู่บ้าน 45 ล้าน ธนาคารไกล่เกลี่ยลูกหนี้ผ่อนชำระภายใน 5 ปี โดยไม่ฟ้องบังคับคดีเพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน

จากกรณีคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชาวบ้านจำนวน 16 หมู่บ้าน ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ถูกธนาคารออมสินฟ้องหมู่บ้านละ 2-3 ล้านบาท จากยอดกู้รวมทั้ง 45 ล้านบาท สร้างความเดือนร้อนเป็นอย่างมากเพราะกลัวธนาคารฯจะดำเนินการอายัดทรัพย์สิน โดยสถาบันการเงินชุมชนตำบลบัลลังก์ก่อตั้งขึ้นปลายปี2554 การก่อตั้งใช้เงินจากกองทุนหมู่บ้าน 16 แห่งที่ไปกู้เงินจากธนาคารออมสินสาขาโนนไทยนำมาให้สถาบันการเงินฯบริหารโดยมีหนังสือสัญญากู้ระบุว่า “สถาบันการเงินฯ” ตกลงจะเป็นผู้ติดตามดูแลเงินของสมาชิกและชำระหนี้ให้ธนาคารออมสิน แต่เมื่อชาวบ้านทยอยส่งเงินคืนปรากฏว่าไม่มีการนำเงินดังกล่าวไปปิดเงินต้นคืนธนาคาร โดยสถาบันการเงินฯส่งแต่ดอกเบี้ยที่ธนาคารเรียกเก็บทำให้ปี 2563-2565 ธนาคารออมสินสาขาโนนไทยทยอยฟ้องดำเนินคดีกับประธานและกรรมการกองทุนหมู่บ้านเพื่อให้ชดใช้หนี้สินดังกล่าว

นางยุพิน อายุ 57 ปี บ.คูเมือง ม.3 ต.ตำบลบัลลังก์ อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา ชาวบ้านกู้เงินกองทุนฯเผยว่า ตนเองกู้เงินจากสถาบันกองทุนมาจำนวน 150,000 บาท และของสามีอีก 50,000 บาทรวมแล้วเป็น 200,000 บาท ต่อมามีปัญหาหลายอย่างจนไม่สามารถที่จะจ่ายเงินคืนให้กับกองทุนได้ หลังจากเกิดปัญหามานานหลายปีทำให้สมาชิกจำนวนหลายรายถูกธนาคารฟ้อง จนกระทั่งมีการไกล่เกลี่ยกับธนาคารออมสินจนมีข้อตกลงกันว่าให้หยุดดอกเบี้ยและให้ทยอยจ่ายเงินต้นกับธนาคารโดยตรงไม่ต้องผ่านคณะกรรมการของกองทุนหมู่บ้านฯ มีมากจ่ายมากมีน้อยใจน้อยแต่ต้องให้จบภายใน 5 ปี เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระและปัญหาหนี้สินที่เกิดขึ้นซึ่งจากการพูดคุยก็ทำให้ตนเองรู้สึกคลายวิตกกังวล ไม่ต้องเกิดภาวะเครียดเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเพราะธนาคารหาทางออกให้ โดยมีข้อแม้จะไม่มีการฟ้องเพื่อบังคับคดียึดทรัพย์สินกันภายหลัง

นางกรรณิกา ชาวบ้านกู้เงินกองทุนฯเปิดเผยว่าตนไม่กู้เงินจากกองทุนมาจำนวน 100,000 บาท และเกิดปัญหาขึ้นทำให้ไม่มีการส่งทั้งเงินต้นและเงินดอก ต่อมาพบว่าทางธนาคารได้ทำหนังสือจะทำการฟ้องร้องให้รีบไกล่เกลี่ย จึงได้มีการพูดคุยกับธนาคารเพื่อหาทางออกจนกระทั่งรับทราบถึงปัญหาก่อนที่จะลงเอยกันด้วยธนาคารจะไม่คิดเงินดอก จ่ายเพียงแค่เงินต้นเท่านั้นโดยจะมีการเก็บเงินทุกวันที่ 20 ของทุกเดือน ทำให้ตนรู้สึกสบายใจในการทำมาค้าขายและหมดห่วงวิตกกังวลว่าที่บ้านจะถูกยึดจึงขอขอบคุณทางธนาคารที่ให้การช่วยเหลือปัญหาทุกอย่างจะได้จบลงเลยด้วยดี

นายภาณุวิชญ์ รัตนรักษ์ ผู้จัดการธนาคารออมสินสาขาโนนไทย เปิดเผยว่า จากปัญหาดังกล่าวทางธนาคารได้มีการปรึกษาหารือกับทางนายอำเภอโนนไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางช่วยเหลือผู้ที่ถูกฟ้องร้องและบังคับคดี โดยพบว่ามีคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านฯทั้ง 16 หมู่บ้าน ได้มีการมากู้เงินจากธนาคารออมสินรวมยอดประมาณ 45 ล้านบาท โดยแต่ละหมู่บ้านจะมียอดกู้ 2-3 ล้านบาทเพื่อที่จะนำเงินดังกล่าวไปปล่อยให้กับสมาชิก

จนกระทั่งมีการบริหารงานที่ผิดพลาด ทำให้สมาชิกไม่เกิดความเชื่อมั่นคณะกรรมการฯจึงทำให้ไม่มีการส่งเงินต้นและเงินดอกจนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ทำให้ธนาคารมีการฟ้องร้องเพื่อดำเนินคดีก่อนที่จะมีการไกล่เกลี่ยกับลูกหนี้และพูดคุยเพื่อสอบถามถึงปัญหาจนกระทั่งหาทางออกให้ลูกหนี้ โดยการที่จะชะลอเงินดอกจ่ายแต่เงินต้นตามความเป็นจริงพร้อมทั้งระงับการบังคับคดีโดยให้ผู้เป็นหนี้จ่ายกับธนาคารโดยตรงในทุกวันที่ 20 ภายในระยะเวลา 5 ปี ให้แล้วเสร็จทำให้ชาวบ้านเกิดความพอใจและทำตามกติกาที่มีการพูดคุยกันไว้จึงทำให้ปัญหามีการคลี่คลายไปในทางที่ดี

นายไพรัตน์ วิทยาอนุมาส นายอำเภอโนนไทย เผยว่า จากปัญหากองทุนหมู่บ้านได้ไปกู้เงินธนาคารออมสินก่อนจะมาจัดตั้งเป็นสถาบันการเงินชุมชนฯเมื่อปี2554 ซึ่งเป็นนโยบายของธนาคารออมสินต่อมาได้มีการรวมตัวของกองทุนหมู่บ้านจำนวน 16 หมู่บ้านและไปยื่นกู้กับธนาคารออมสินก่อนจะมีการตั้งคณะกรรมการฯ ปรากฏว่าต่อมาพบว่ามีการบังคับคดีเพราะกรรมการกองทุนไม่จ่ายเงินให้กับธนาคารฯ ทำให้เกิดปัญหาจนทำให้เวลาล่วงเลยไม่มีการผ่อนชำระทั้งเงินต้นและเงินดอกทำให้มีการฟ้องร้องบังคับคดีกลับกองทุนหมู่บ้านจำนวนหลายกองทุนที่ได้ไปกู้มา

ต่อมาได้รับการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินให้มีการไกล่เกลี่ยเรื่องดังกล่าวเพราะทราบว่าชาวบ้านก็ได้รับความเดือดร้อนจากการบังคับคดี ก่อนจะมีการพูดคุยโดยธนาคารออมสินจะร่วมกันในการแก้ไขปัญหาพูดคุยเจรจาประนอมหนี้ยืดหยุ่นรวมไปถึงหาหลักเกณฑ์ต่างๆมาพูดคุยกัน รวมไปถึงจะระงับการบังคับคดีเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนกับคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านที่เป็นผู้ไปกู้โดยมีข้อสรุปว่าให้มีการผ่อนชำระโดยเปิดบัญชีการชำระหนี้ให้หมดภายใน 5 ปี และให้กองทุนไปไล่เบี้ยลูกหนี้ของตนเองที่มีอยู่จริงรวมไปถึงปรากฏหลักฐานหากชำระไม่เสร็จตามกรอบเวลาให้ขยายเวลาในการชำระหนี้ต่อไปเพื่อให้ปัญหามันหมดไป

นอกจากนี้มีกลุ่มชาวบ้านต้องการให้ปลดนายกเทศมนตรีคนหนึ่งออกจากตำแหน่งนั้นตนมองว่ามันเป็นคนละเรื่อง เพราะว่าเรื่องสถาบันการเงินชุมชนทราบว่านายกเทศมนตรีท่านนั้นเคยเป็นกรรมการสถาบันการเงินก่อนที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี เรื่องการจะปลดออกจากตำแหน่งนั้นมันคนละเรื่องซึ่งทางอำเภอก็ไม่มีอำนาจที่จะไปดำเนินการตรงนั้นต้องแยกเพราะมันคนละประเด็น

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส