กรณีนักแสดงและผู้จัดสาว
"หนิง ปณิตา" ออกมาโพสต์ฉะหลังโดนตำรวจเรียกให้จอดรถ เนื่องจากตัวเองขับรถผิดเลน
โดยเจ้าตัวยอมรับว่าทำผิดกฎหมายจริง พร้อมทั้งระบุข้อความว่าตำรวจนั้นเดินวนรอบรถ ถามยี่ห้อรถ มีท่าทีไม่ยอมเขียนใบสั่ง
เหมือนจะเรียกรับสินบน
โดยหลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถยนต์และเขียนใบสั่งให้ดาราสาว "หนิง ปณิตา" เจ้าหน้าที่ได้ระบุความผิด 4 ข้อหา ได้แก่ ฝ่าฝืนเครื่องหมายบนพื้นทาง, ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่, ไม่แสดงแผ่นป้ายการชำระภาษีประจำปี และนำรถยนต์ที่ยังไม่ได้ชำระภาษีมาใช้ในทาง
ซึ่งต่อมา เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บันทึกข้อมูลใบสั่งเข้าสู่ระบบจัดเก็บข้อมูลใบสั่ง PTM (Police Ticket Management) ปรากฎว่ารถยนต์
"มาเซราติ ควอตโตรปอร์เต้ V8 2011" ทะเบียน กท 191 กรุงเทพมหานคร คันดังกล่าวของ "หนิง ปณิตา" นั้น ถูกสวมทะเบียน เพราะทะเบียน กท 191 กรุงเทพมหานคร นี้เป็นของรถยี่ห้อ BMW รุ่น 740Le xDrive pure excellence
ด้านดาราสาว "หนิง ปณิตา" และสามี "จิน- จรินทร์ ธรรมวัฒนะ" เอง ก็ได้ชี้แจงพร้อมนำหลักฐานเอกสารเข้าไปชี้แจงต่อพนักงานสอบสวน สน.วิภาวดี เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่ารถยนต์มาเซราติคันคันดังกล่าวไม่ได้นำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย แต่ซื้อต่อมาจากคนรู้จัก ซึ่งรถมีทะเบียนถูกต้อง อยู่ระหว่างขอป้ายทะเบียนใหม่และรอการสลับเลขทะเบียน
สำหรับความคืบหน้าของกรณีรถยนต์มาเซราติ ของ "น.ส.ปณิตา ธรรมวัฒนะ หรือ หนิง ปณิตา" วันนี้ (24 ต.ค. 62) เวลา 09.00 น. "หนิง ปณิตา" และ "จิน จรินทร์ ธรรมวัฒนะ" สามี พร้อมน้องณิริน ลูกสาว ได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจนครบาลวิภาวดี เพื่อขอโทษ ก่อนที่จะนำรถยนต์มาเซราติไปตรวจสอบที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ถนนวิภาวดีรังสิต โดย "หนิง ปณิตา" ได้นำกระเช้าผลไม้มาแสดงความขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
"หนิง ปณิตา" ได้แถลงถึงเหตุการณ์นี้ ขอโทษถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ขอโทษจากใจจริง ๆ ถือเป็นบทเรียนหนึ่งในชีวิต สำหรับใครที่ผิดหวังในตัวหนิง
หนิงก็ได้ขอโทษส่วนตัวกับแฟนคลับไปแล้ว วันนี้ก็ถือโอกาสขอโทษทุกคนอีกครั้ง ตนจะพยายามแก้ไขความใจร้อนของตัวเอง เพื่อที่ใครจะได้ไม่ต้องผิดหวังในตัวหนิงอีก ขอโทษคุณตำรวจที่ทำให้ไม่สบายใจในการปฏิบัติหน้าที่ ตนได้อ่านคำติชมในโลกโซเชียล คำคอมเมนต์ที่ดี ๆ ตนได้อ่านแล้วตอบกลับไป ส่วนคอมเมนต์ที่ไม่ดี ที่ด่าด้วยถ้อยคำรุนแรง หรือบางคอมเมนต์นำภาพตนไปตัดต่อกับรูปโป๊ หรือบางคอมเมนต์บอกจะเรียกคนมารุมโทรม ตนก็ได้ลบออกไป คงไม่คิดฟ้องกลับ เพราะในกรณีนี้ตนทำผิดจริง ๆ แต่แค่อยากจะวอนข้อให้มีขอบเขตของคำพูด จากนี้ถ้ามีโอกาสที่ตนจะสามารถช่วยงานจราจรของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ตนก็ยินดี
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พล.ต.ต. จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) พร้อมด้วย ส.ต.ท.ธีรพงษ์ ขาบจันทึก ผบ.หมู่ งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดี รังสิต กก.2 บก.จร. นายตำรวจผู้ปฏิบัติงานในวันเกิดเหตุ ก็ได้กล่าวว่า เหตุการณ์นี้ก็ถือเป็นบทเรียนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นกัน ที่จะนำมาปรับปรุงวิธีการทำงานและการบังคับใช้กฎหมายกับประชาชน
สำหรับประวัติรถยนต์มาเซราติคันดังกล่าว "จิน จรินทร์" เป็นเจ้าของลำดับที่ 4 มีการเช็คข้อมูลก่อนที่จะซื้อมาจากพี่ที่สนิทกัน ซื้อมาในนามบริษัท โดยตนไม่เอาทะเบียนมาด้วย จึงโอนคืนกลับไป เจ้าของเดิมคงนำทะเบียนไปติดรถ BMW ตามที่เป็นข่าว โดยสำหรับทะเบียนของรถมาเซราติคือ 8 กฎ 3940 ได้สูญหายไป ขณะนี้กำลังขอป้ายทะเบียนใหม่อยู่ มั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไร
จากนั้น หลังจากที่ "หนิง ปณิตา" แถลงข่าวเสร็จสิ้น เจ้าตัวก็ได้มอบกระเช้าผลไม้ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้ให้สัมภาษณ์เดี่ยวอีกครั้งหนึ่ง เพื่อแสดงความขอโทษต่อเหตุการณ์นี้ และขอบคุณทุกคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น โดยเจ้าตัวบอกว่า
ทุกคนสามารถตำหนิเธอได้ เพราะเธอผิดจริง แต่ก็อยากจะวอนคนที่ขอตำหนิถึงขั้นรุนแรง เช่นนำภาพหน้าเธอไปตัดต่อกับร่างเปลือยหรือด่าบุพการี
ตำหนิได้แต่ให้ตำหนิอย่างสมเหตุสมผล ตนผิดแต่คนในครอบครัวไม่ผิด ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ ตนขอโทษไปแล้วหลายช่องทาง แต่วันนี้ตนเพิ่งเคลียร์คิวได้ จึงเพิ่งเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยตัวเอง ขณะนี้ตนตอบคนที่เข้ามาคอมเมนต์เกือบครบแล้ว ซึ่งตนจะตอบให้ครบทุกคอมเมนต์ด้วยตัวเอง
ในเรื่องใบขับขี่นั้น ในวันนั้นตนมี แต่ใบขับขี่นั้นหมออายุ เพราะตนไม่ได้ขับรถยนต์มานาน เนื่องจากเคยประสบอุบัติเหตุหลายครั้งจนกลัว คล้ายอาถรรพ์ที่ต้องประสบอุบัติเหตุติดต่อกันหลายปี โชคดีที่ตนรอดมาได้ หากขับก็จะขับใกล้ ๆ แต่รถยนต์มาเซราติคันนี้ก็ไม่ค่อยได้ใช้ จากนี้ตนจะไปจัดการเอกสารและใบขับขี่ให้เรียบร้อย ส่วนค่าปรับต่าง ๆ ตนจ่ายไปเรียบร้อยหมดแล้ว
ความเครียดที่ผ่านมามันทำให้เราเสียน้ำตาไหม ?
"มันก็ต้องเสียน้ำตาเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องยอมรับความเป็นจริงด้วยว่าเราทำผิด เราทำผิดจริง ๆ ดังนั้นต่อให้มันรุนแรงแค่ไหนเราก็ต้องรับมันให้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว หนิงเองก็ต้องขอบคุณด้วยเหมือนกัน ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์จากคนที่เข้ามาตำหนิหนิง หรือต่อว่าหนิง เพราะหลาย ๆ คอมเมนต์ของหลาย ๆ คน เขาก็เหมือนยังให้โอกาสหนิงอยู่ อันนี้หนิงอ่านทุกข้อความนะคะ"
"บางคนที่เข้ามาคอมเมนต์เขาบอกว่าหนิงไม่ขอโทษ ซึ่งจริงๆ หนิงขอโทษไปแล้วนะคะผ่านรายการคุยแซ่บโชว์ แต่ว่าบางครั้งเขาอาจจะไม่ได้ยินคำตรงนั้น และหนิงก็สามารถบอกได้เลยว่ามันคือนาทีที่ 07.11 น. เพราะตอนที่มีคนบอกมาว่าหนิงไม่ขอโทษ หนิงก็ได้กลับไปย้อนดูเทปรายการประมาณ 3-4 รอบ ว่าหนิงได้พูดคำว่าขอโทษแล้วจริง ๆ "
ทำไมเราถึงเลือกที่จะเข้าไปตอบข้อความนับร้อยคอมเมนต์ ทั้ง ๆ ที่เราสามารถปล่อยผ่านไปได้ ?
"หนิงแคร์คนที่เขารัก คนที่เขาเป็นห่วง และคนที่เขาหวังดีกับหนิงจริงๆ เพราะถ้าหากไม่มีพวกเขา หนิงก็คงไม่มีวันนี้ด้วยเหมือนกัน ฉะนั้นในเมื่อวันนี้หนิงทำตัวเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี หนิงก็อยากจะขอโทษพวกเขาด้วยตัวเองค่ะ"
มีคอมเมนต์ไหนบ้างที่เราอ่านแล้วเสียน้ำตา ?
"ทุกคอมเมนต์ค่ะ ขนาดพูดตอนนี้หนิงยังจะร้องเลย คือ...ต่อให้เป็นคอมเมนต์ด่า แต่หนิงกลับรู้สึกว่าจริง ๆ แล้วเขาเองก็มีความหวังดีให้หนิง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีนะคะบางคอมเมนต์ที่เขาถามหนิงมาว่า ถ้าเจ๋งจริงจะลบคอมเมนต์บางคอมเมนต์ทำไม ซึ่งอันนี้หนิงต้องบอกเลยว่า บางข้อความมันก็แรงเกินไปจริง ๆ เพราะเขาไม่ได้ด่าแค่หนิง แต่เขาด่าครอบครัวหนิง ด่าลูกหนิง ซึ่งคนเหล่านั้นเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย และคนที่ผิดก็คือหนิงแค่คนเดียว"
สามีเราให้กำลังใจยังไงบ้าง ?
"เขาก็ทำทุกอย่างค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางมาเป็นตัวแทนหนิงก่อนในช่วงที่หนิงยังเดินทางมาไม่ได้ และจริง ๆ วันนี้เขาเองก็ไม่ต้องมาด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังมาเป็นเพื่อน มาคอยให้กำลังใจ เพราะเอาจริงๆ เรื่องของเอกสารอะไรต่างๆ หนิงไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก เนื่องจากหนิงรู้สึกว่าการขับรถของหนิงมันเป็นอาถรรพ์ ตั้งแต่สมัยที่ขับรถคว่ำ เพราะตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้หนิงก็ไม่ได้ขับรถเองเลย"
เหมือนเรามองว่ามันคืออาถรรพ์ เพราะการขับรถของเรามักมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ?
"มันก็แอบคิดเบา ๆ ค่ะ เพราะสุดท้ายแล้วเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดเรื่องนี้จริงๆ มันก็คือความประมาท ความใจร้อน และความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเรานั่นแหละ หนิงจึงลืมมองไปว่าตำรวจบางท่านเขาอาจจะไม่ได้ทำงานรวดเร็วดังใจเรา เพราะบางครั้งการที่เขาช้านั้น เขาอาจจะช้าเพราะต้องใช้ความละเอียดในการตรวจสอบ ซึ่งเรื่องความใจร้อนหนิงโดนดุเยอะมากค่ะ"
กระแสในทวิตเตอร์มีการเอาภาพเราไปตัดต่อด้วย ?
"เรื่องนี้ทำให้หนิงเสียน้ำตาเยอะมากค่ะ หนิงรู้สึกว่ามันเกินไป เพราะหนิงไม่เคยโดนแบบนี้มาก่อน แต่ถามว่าหนิงจะเอาเรื่องไหม ก็คงไม่หรอกค่ะ เพราะอย่างที่หนิงบอกครั้งนี้หนิงเป็นคนผิด ซึ่งมันก็สมควรแล้วที่หนิงจะโดน แต่หนิงขอแค่ให้มันสมเหตุสมผลสักหน่อย คือ...ลงโทษหนิงได้ ตำหนิหนิงได้ แต่ขอให้หนิงได้มีที่ยืนบ้าง"
เรื่องรถของเราที่ถูกขุด เรารู้สึกหนักใจไหม ?
"ไม่ ไม่ค่ะ ส่วนตัวหนิงเองไม่ได้มีความหนักใจอะไรกับตรงนี้ ดีแล้วด้วยซ้ำที่มีการตรวจสอบ เพราะสุดท้ายความจริงมันจะได้คลี่คลาย"
รถคันนี้คือสามีเราเป็นคนซื้อ ?
"ใช่ค่ะ แต่ว่าซื้อในนามของบริษัทหนิง ซึ่งโดยปกติแล้วรถคันนี้หนิงจะเป็นคนใช้ แต่ด้วยความที่หนิงไม่ค่อยได้ขับรถ รถมันก็เลยจะถูกจอดทิ้งเอาไว้เฉยๆ คือ...เอาจริงๆ นะ ทุกครั้งที่หนิงทำท่าจะขับโดยเฉพาะช่วงกลางคืน ทุกคนในบ้านก็จะห่วงมากเป็นพิเศษ เพราะว่าหนิงเคยติดเชื้อเลสิกที่ตา มันเลยทำให้หนิงมีปัญหาในการมองเห็นตอนกลางคืน ถึงแม้ว่าทุกวันนี้หนิงจะชินกับการมองเห็นมากขึ้นแล้ว แต่ความเป็นห่วงของทุกคนก็ยังมีอยู่"
ดูเหมือนว่าอุบัติเหตุรถคว่ำในอดีตยังส่งผลถึงความรู้สึกของเราและหลายๆ คน ?
"หนิงกลัวมาก เพราะมันคว่ำเหมือนในหนังเลยค่ะ คว่ำหลายตลบ ถึงแม้ช่วงหลังมานี้หนิงจะไม่ได้ขับรถด้วยตัวเองแล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้ขับมันก็จะต้องมีนั่นมีนี่ตลอด"
เรื่องใบขับขี่ของเรา ณ ตอนนี้คือ ?
"หนิงมีค่ะ แต่เหมือนว่าใบขับขี่หนิงหมดอายุ หนิงเลยตั้งใจว่านี่แหละเดี๋ยวจะไปทำทุกอย่างให้เรียบร้อย อะไรที่หนิงทำผิดไปหนิงก็จะแก้ไขทุกอย่างให้มันดีขึ้น หนิง เพราะหนิงไม่อยากให้คนที่คอมเมนต์ถึงหนิง หรือคนที่เขาพร้อมให้อภัยหนิง เขาต้องมาผิดหวัง และรู้สึกเสียใจในตัวหนิงอีก"