พบศพนายหน้าค้าทุเรียนถูกฆ่าโหดถุงครอบหัวมือมัดเท้าฝังดิน

9 ก.ย. 66

พบศพนายหน้าค้าทุเรียนถูกฆ่าโหดถุงครอบหัวมือมัดเท้าฝังดินหลังหายออกจากบ้าน 4 วัน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 9 ก.ย. 66 ร.ต.อ.เสกสรร เรืองฟทธิ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุพบศพผู้เสียชีวิตถูกฝังอยู่บริเวณริมตลิ่งของคลองในหมู่บ้านตายา ม.1 ต.สุวารี อ.รือเสาะ

ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าผ่านสวนยางพาราและสวนผลไม้ที่ปลูกแบบผสมผสาน จากถนนในหมู่บ้านประมาณ 700 เมตร พบชาวบ้านจำนวนหนึ่งนั่งและยืนจับกลุ่มที่บริเวณใกล้หลุมฝังศพ หลังจากที่ชาวบ้านได้ช่วยกันขุดเนินทราย ซึ่งอยู่ด้านหลังของขนำในสวนทุเรียน ประมาณ 30 เมตร เจ้าหน้าที่จึงได้กันชาวบ้านออกห่างก่อนเข้าตรวจสอบ

พบศพดังกล่าวอยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้า ใส่เสื้อยืดโปโลสีฟ้า สวมผ้าโสร่งลายหมากรุกสีน้ำตาล ที่ศีรษะมีกระสอบใส่ข้าวสารสีขาวคลุมไว้และใช้เชือกฟางมัดปลายถุงกับลำคอ ส่วนมือทั้ง 2 ข้างถูกมัดด้วยเชือกฟาง แถมเท้าทั้ง 2 ข้างก็ถูกมัดด้วยเชือกฟางเช่นกัน และคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่บริเวณขนำ พบร่องรอยคล้ายมีคนจำนวนหนึ่งมาที่ขนำ ซึ่งมีรอยเท้าและเศษผ้าส่วนหนึ่งเจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน เพื่อนำไปพิสูจน์ทางกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์

ต่อมา น.ส.แยนะ อายุ 60 ปี ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าศพผู้เสียชีวิตคือนายเจ๊ะลง แบลือแบ อายุ 71 ปี ซึ่งเป็นสามี มีอาชีพเป็นนายหน้ารับซื้อทุเรียน ประกอบอาชีพนี้มานานกว่า 3 ปี

ก่อนหน้านี้ตนได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รือเสาะ ว่าสามีได้หายตัวออกจากบ้านพักเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา ขณะขี่รถจยย.โดยบอกทางบ้านว่าจะเดินทางไปดูทุเรียน จากนั้นก็ได้หายไปและมาพบศพในวันนี้

จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบหลักฐานสำคัญๆหลายรายการ และคาดว่าคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้ อย่างน้อยมีด้วยกัน 2 คนขึ้นไป

โดยเจ้าหน้าที่จะขอความร่วมมือ เชิญเจ้าของสวนจุดเกิดเหตุมาให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ แต่พบว่าขณะนี้เจ้าของสวนได้หายออกไปจากบ้าน ซึ่งมีความพิรุธและตกอยู่ในฐานะผู้ต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จะติดตามตัวมาสอบสวนและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

ส่วนปมเหตุในเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นความขัดแย้งในเรื่องส่วนตัว ที่อาจจะเกี่ยวโยงกับการเป็นนายหน้าค้าผลไม้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อติดตามคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป

ด้าน น.ส.ปาตีเมาะ หลานสาว กล่าวว่า ปกติผู้เสียชีวิตจะไปเช้าเย็นกลับประมาณ 6 โมงเย็น ไม่เคยมีปัญหากับใคร แม้จะออกไปเป็นนายหน้ารับซื้อทุเรียน และเป็นคนเข้าสังคมชอบช่วยเหลือคนอื่น แม้กระทั่งเพื่อนบ้านมีปัญหาก็จะช่วยเคลียร์ให้ตลอด.

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส