"นักอาชญาวิทยา"เผยยิ่งรู้ลึกยิ่งหดหู่ ตำรวจทำลายหลักฐานพาคนร้ายหนี

15 ก.ย. 66

รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล คณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต เผยยิ่งรู้ลึกยิ่งหดหู่ ตำรวจทำลายหลักฐานพาคนร้ายหนี

 

วันนี้ 15 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการ คณะ อาชญาวิทยา และการบริหารงานยุติธรรม ม.รังสิต ถึงกรณีคดีลูกน้องกำนันนก ยิงสารวัตรศิวกร

โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าจริงๆแล้วหลักสากลต้องทำให้หน่วยงานตำรวจแยกออกจากการเมือง เพราะตำรวจนั้นจะกลายเป็นเครื่องมือของการเมือง หลายประเทศ เช่น อเมริกา และ อังกฤษ ตำรวจไม่ได้ขึ้นอยู่กับประธานาธิบดี หรือนายกรัฐมนตรี มีแต่ประเทศไทย ที่ตร.นั้นขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี100เปอร์เซ็นต์ ซึ่งส่งผลให้การบังคับใช้กฎหมายนั้นเป็นปัญหาเกิดความเกรงใจกัน


ในกรณีที่บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาลรอง ผบ.ตร.ให้ข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปให้การไม่มีใครพูดความจริง ตนเองมองว่าเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ใจมาก เพราะนายตำรวจที่โดนยิงนั้นเป็นตำแหน่งสารวัตร ซึ่งหมายความว่าผู้ก่อเหตุนั้นไม่ได้เกรงกลัวเลย ซึ่งสะท้อนและทำลายต่อระบบความเชื่อมั่นที่ประชาชนนั้นมีต่อรัฐ ขนาดตำรวจยังโดนแบบนี้ ประชนคนทั่วไปจะคิดยังไง หนำซ้ำ ยังมีตำรวจส่วนหนึ่งที่ร่วมช่วยเหลือ คุ้มกัน ดูแล พาผู้ก่อเหตุหลบหนี เป็นอะไรที่ข้าราชการตำรวจด้วยกันและประชาชนทั้งประเทศนั้น รับไม่ได้

ส่วนกรณีที่นายหน่อง เป็นคนลงมือด้วยตัวเอง หรือกำนันนก เป็นคนสั่งให้ลงมือยิงนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่ที่พยานหลักฐานตนเองให้ข้อสังเกตหนึ่งประเด็นคือ "นายหน่อง"ไม่ได้มีสาเหตุโกรธเคืองกับสารวัตรศิวกรแต่อย่างใด ไม่มีเหตุอะไรที่นายหน่องจะไปลงมือทำร้ายสารวัตรคนนี้จนถึงขั้นเสียชีวิต

แต่ขณะเดียวกันตัวของกำนันเองมีเรื่องของรถสิบล้อที่ต้องวิ่งผ่านถนนหลวง และตร.ทางหลวงก็ต้องบังคับใช้กฎหมายรวมถึงก่อนหน้านี้มีเรื่องของ "ส่วยสติ๊กเกอร์"ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาเองมีนโยบายในการปราบปรามและส่งนายตำรวจศิวกรเข้ามาเพื่อปราบปราม และดูแลแก้ไขปัญหา


ส่วนกล้องที่ยังกู้ไม่ได้อีก 2 ตัว และอยู่ในจุดสำคัญ ซึ่งเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งหากไม่สามารถกู้ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้ เพราะประเทศไทยก่อนหน้านี้หลายสิบปี ก็ยังไม่มีการใช้กล้องวงจรปิดกันอย่างแพร่หลาย เวลาจะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ก็จะอาศัยพยานบุคคล ซึ่งกรณีนี้ก็สามารถเทียบเคียงได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามการมีหลักฐานจากกล้องจรปิดก็จะทำให้สำนวนมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น


ส่วนกรณีที่บิ๊กโจ๊ก บอกว่าจากการดูวงจรปิดพบว่ามีการวางแผนกันก่อนก่อเหตุยิง ซึ่งต้องดูว่า ณ ช่วงเวลาที่กำนันนั้นตบโต๊ะและลุกออกไปอีกโต๊ะหนึ่ง ต้องดูว่าภาพช่วงนั้นยังมีอยู่หรือไม่ หรือมีการถอดวงจรปิดไปแล้ว เพราะถ้ามีการถอดวงจรปิดในช่วงนั้นจริง แสดงว่าคนที่ไปถอดกล้องวงจรปิด ต้องมีการประเมินสถานการณ์แล้วว่าจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น และรู้ตำแหน่งของกล้องว่าส่องไปที่จุดเกิดเหตุ

ส่วนตัวตนเองเชื่อว่าขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่หลายภาคส่วน กำลังทำงานกันอย่างเต็มที่และจากคำพูดของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ก็เชื่อมั่นในพยานหลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้ คาดว่าจะสามารถมัดตัวผู้กระทำผิดได้อย่างแน่นอน.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส