ค่าไฟหอพักแพงกว่าค่าเช่าห้อง จ่ายแบบนี้เก็บเงินซื้อบ้านดีกว่า
โลกออนไลน์แชร์ค่าหอพักของหญิงสาวรายหนึ่ง โดยเจ้าตัวเช่าห้องพักเดือนละ 2,000 บาท แต่ค่าไฟที่ต้องจ่ายนั้นสูงถึง 3,800 บาท ส่วนค่าน้ำ 180 บาท ค่าส่วนกลาง 100 บาท รวมเป็นเงิน 6,080 บาท ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า “ปกติจ่ายค่ำไฟแค่ 2,900 บาท รัฐลดค่าไฟแล้วยังไง ? ห้องเช่าก็จ่ายเท่าเดิมอยู่ดี”
เป็นที่รู้กันสำหรับคนทีเช่าหอพักอาศัย โดยค่าน้ำค่ำไฟนั้นทางหอพักจะชาร์จบวกเพิ่มเป็นทวีคูณ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการเก็บค่าไฟอยู่ที่หน่วยละ 5–8 บาท ส่วนค่าน้ำอยู่ที่หน่วยละ 20–25 บาท จนบางครั้งค่าน้ำค่าไฟแพงกว่าค่าเช่าห้องเสียอีก ซึ่งผู้ประกอบกิจการหอพักก็มักจะอ้างว่าค่าชาร์จเพิ่มทำไปเพื่อนำมาจ่ายค่าส่วนกลาง อาทิ ไฟบันได ลิฟต์ แต่ในกรณีดังกล่าว ชาวเน็ตต่างพากันตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมผู้ใช้หอพักรายนี้ถึงใช้ไฟไปถึง 475 หน่วย
จากการตรวจสอบ หน่วยงานหลักในการคุ้มครองผู้บริโภค ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ออกประกาศควบคุมสัญญาเรื่องธุรกิจให้เช่า เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 ระบุมีเนื้อหา ห้ามเก็บค่าเช่าล่วงหน้าเกิน 1 เดือน การยกเลิกสัญญาเช่าต้องแจ้งล่วงหน้าก่อน 30 วัน นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า “ห้ามหอพัก อพาร์ทเมนท์ เรียกเก็บค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรฯ เกินกว่าอัตราที่ผู้ให้บริการกระแสไฟฟ้าและน้ำประปาเรียกเก็บจากผู้ประกอบธุรกิจ” ทำให้ผู้เช่ามีสิทธิ์จ่ายค่าน้ำค่าไฟตามอัตราที่การไฟฟ้าและการประปาเรียกเก็บ โดยผู้ให้เช่าต้องนำใบเสร็จหรือแสดงหลักฐานในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อย่างชัดเจน พื่อป้องกันการเรียกเก็บค่าน้ำ ค่าไฟ ที่เกินความเป็นจริงจากผู้ให้เช่า
แต่ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ผู้ประกอบกิจการห้องเช่าหลายรายยังคงชาร์จค่าน้ำค่าไฟผู้เช่า บางรายแยกบิลค่าน้ำค่าไฟออก และเพิ่มเงินค่าส่วนกลางของหอพักให้สูงขึ้น ซึ่งแท้จริงแล้ว ผู้เช่าก็ไม่ได้รับการดูแลส่วนกลางอะไรจากหอพัก
ดังนั้นหากผู้เช่าพบว่าหอพักหรืออพาร์ทเมนท์มีการเก็บค่าน้ำค่าไฟเกินความเป็นจริง ก็ควรเรียกร้องสิทธิ์ตามประกาศการควบคุมดูแลกฎหมาย สามารถร้องเรียนกับทางสคบ. โทร 1166 หรือ ร้องเรียนผ่านระบบออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์สคบ. โดยหอพักหรืออพาร์ทเมนท์ใดฝ่าฝืนต้องมีโทษจำคุก 1 ปี และปรับไม่เกิน 1 แสนบาท