ตอนนี้คงไม่มีใครไม่กล่าวถึง "มาวิน ธนะปรีดากุล" นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของตัวแทนนำเข้า DMC Thailand ถึงความสำเร็จในหลายๆ ธุรกิจของเขา และในวันนี้ "มาวิน" นักธุรกิจหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงคนนี้ ก็อยากจะมาบอกเคล็ดลับการก้าวไปสู่ความสำเร็จและมีกำไรแบบเป็นกอบเป็นกำ จากประสบการณ์การทำงานของตัวเอง
1.รักในธุรกิจของตัวเอง
เพราะธุรกิจนี้เราสร้างมากับมือ ความสำเร็จคือสิ่งที่เราต้องการดังนั้นจะทำเป็นเล่น ไม่จริงจัง ขอไปที ไม่ได้ และตรงกันข้ามเราต้องทำงานด้วยความรัก ความสนุก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราไม่ท้อ สามารถผ่านจุดที่ยากลำบากไปได้อย่างง่ายดาย ซึ่งความรู้สึกชอบนี้จะสอนกันไม่ได้ มันต้องเกิดมาจากจิตใต้สำนึกของเราเอง ถ้าไม่รู้จะเริ่มจากอะไร ลองคิดถึงที่มาของการทำธุรกิจนี้ และเมื่อสำเร็จแล้วมันจะได้ผลตอบรับอะไรกลับไป เช่น คุณทำธุรกิจเพื่อให้ครอบครัวมีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือและถ้าคุณทำสำเร็จ ทุกคนในครอบครัวก็จะสบายเป็นต้น
2.ต้องหาคำนิยามของธุรกิจตัวเองให้ได้
ลองตั้งคำถามให้กับธุรกิจของเราเองว่า ธุรกิจเราคืออะไร ? ขายเสื้อผ้า หรือ ขายดีไซด์ ? ขายขนมหม้อแกง หรือ ขายวัฒนธรรมไทย ? ขายความสวยหรือขายความรวย? และของเราล่ะ คำนิยามสั้น ๆ ของธุรกิจเราคืออะไร หากเรารู้มันก็จะเป็นตัวบอกทิศทางให้เราตระหนักได้ว่าควรจะเดินไปทางไหน เพื่อสื่อสารให้ลูกค้ารู้ว่าเรากำลังขายอะไร อีกทั้งยังง่ายในการกำหนดกลุ่มลูกค้าด้วย
3.ต้องรู้จักกลุ่มลูกค้า
การทำธุรกิจที่ดีเราต้องรู้ว่ากลุ่มลูกค้าของเราคือใคร กลุ่มไหน และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ การมองพวกเขาเป็น “เพื่อนสนิท” ที่รู้ใจเขาไปหมด เมื่อเขาเห็นสินค้าของเราแล้วเขาอยากได้ รู้สึกว่ามันมีค่าสมควรแก่ราคา และเมื่อเขาถูกใจการซื้อซ้ำก็จะตามมา และธุรกิจของเราก็จะไปรอด
4.ธุรกิจต้องนำเสนอ “คุณค่า” ไม่ใช่ “ราคา”
เมื่อเรารู้ว่ากลุ่มลูกค้าของเราคือใคร และสินค้าหรือบริการของเราเข้าไปตอบโจทย์ชีวิตเขาได้อย่างไรแล้ว คราวนี้ให้เราคิดว่าเราควรจะมอบ “คุณค่า” อะไรให้กับเขา ซึ่งหลายๆคนมองข้ามไปเพราะไปคิดถึงแต่เรื่อง “ราคา” อย่างเดียว แบบนี้อาจไม่ตรงใจลูกค้ามากนัก เพราะคุณค่าต่างหาก ที่จะทำให้ลูกค้าเชื่อใจและไว้ใจสินค้าของเรา
5.ต้องเรียนรู้และปรับปรุงธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ในการดำเนินธุรกิจจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเรียนรู้และปรับปรุงอยู่เสมอ เพราะหากไม่ทำ ก็เท่ากับว่า ธุรกิจนั้นเตรียมตัวที่จะต้องเจอกับการขาดทุน ล้มละลาย และหายไปอย่างช้าๆแน่นอน
6.อย่ากลัวว่าจะล้มเหลว
ในการทำธุรกิจอย่าได้กลัวความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวไม่ใช่ความโชคร้ายเสมอไป แต่เป็นโอกาสที่จะทำให้เราได้เรียนรู้ เมื่อเราทำดีที่สุดแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะสำเร็จเสมอ จงนำเอาความล้มเหลวนี้มาเป็นประสบการณ์ และแก้ไขให้ดีขึ้นในอนาคตจะดีกว่า เชื่อเถอะทุกอย่างย่อมเป็นเหตุเป็นผล ผู้ที่ประสบความสำเร็จหลายคนล้วนเคยล้มเหลวมาแล้วทั้งนั้น
7.ฟื้นตัวให้เร็วหากผิดพลาด
หากธุรกิจต้องพบกับคำว่า “ล้มเหลว” อย่ามัวแต่เสียใจ โทษตัวเอง หรือจมปลักอยู่กับที่ ควรคิดในแง่ดีและนำความผิดพลาดนั้นมาวิเคราะห์และเรียนรู้ เพื่อที่จะพัฒนาบริษัทต่อไปจะดีกว่า ที่สำคัญจงจำเอาไว้ว่าอดีตแก้ไขไม่ได้ จงทำอนาคตและปัจจุบันให้ดีที่สุด
8.มีความเชื่อมั่น
จงเชื่อเถอะว่าบริษัทจะสำเร็จได้ตัวคุณต้องมีความเชื่อมั่นและคิดบวกมาก่อน ซึ่งความเชื่อมั่นนี้จะส่งผลไปถึงผู้ร่วมงานของคุณได้อีกด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ควรจะมีความเชื่อมั่นเสมอ แล้วความสำเร็จจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
9.อย่ามั่นใจจนไม่ฟังใคร
ความมั่นใจในการทำธุรกิจเป็นสิ่งดีแต่อย่าทำตัวมั่นใจเกินไปจนไม่ฟังใครท้วงติงอะไรเลย ทางที่ดีควรที่จะฟังความคิดจากทุกคนเพื่อจะได้นำมาพัฒนาตัวเองและบริษัท
10.ตัดสินใจให้เร็วอย่ามัวช้าเพื่อโอกาสที่ดี
หากมีสิ่งดีๆที่จะทำให้ธุรกิจของเราพัฒนาไปได้ อย่าผัดวันประกันพรุ่งรอที่จะทำเด็ดขาด การรอไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย
11.สิ่งที่สำคัญที่สุดในบริษัทก็คือตัวคุณเอง
ไม่ว่าในบริษัทจะมีพนักงานนับร้อยคนหรือเครื่องจักรราคาแพงเท่าใด แต่คนที่สำคัญที่สุดก็คือตัวคุณเองดังนั้นพยายามดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อจะได้เห็นพัฒนาการและความสำเร็จของบริษัทคุณไปนานๆ
12.รักษาคุณธรรมไว้ เพื่อการทำงานที่น่าเชื่อถือ
อย่าได้พยายามลดมาตรฐานตัวเองเพื่อที่จะเอาชนะคู่แข่งให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นสินค้าของเราก็จะแย่ลงไปเรื่อยๆ จงทำธุรกิจแบบตรงไปตรงมาเพื่อรักษามาตรฐานที่ดีและเป็นที่ยอมรับของลูกค้าดีกว่า
13.ลองเสี่ยงเพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่า
หากว่าการเสี่ยงจะนำเสนอสิ่งใหม่ๆให้กับบริษัทหรือวงการธุรกิจ และมีหนทางที่ดีอีกหลายอย่างที่เปิดโอกาสรออยู่ จงทำ
และนี่คือเคล็ดลับที่ มาวิน นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงได้แชร์ไว้เป็นประสบการณ์ให้ start up ได้ใช้เป็นแนวทางสู่การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จที่เรานำมาแนะนำกัน ไม่ยากเลยใช่ไหม ใครที่เริ่มต้นทำธุรกิจหรือทำมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่มีแนวโน้มที่จะรุ่งสักที ลองนำแนวคิดเหล่านี้ไปพิจารณากันดูนะ