นัดสืบพยาน คดี ฌอน บูรณะหิรัญ ฉ้อโกงเงินบริจาคไฟป่า

10 ต.ค. 66

ศาลนัด สืบพยาน โจทก์ คดี ฌอน บูรณะหิรัญ ไลฟ์โค้ชชื่อดัง ฉ้อโกงเงินบริจาคเงินช่วย ไฟป่า

ความคืบหน้าคดีไลฟ์โค้ชชื่อดัง ฌอน บูรณะหิรัญ เปิดรับบริจาคเงินช่วยไฟป่าภาคเหนือจนก่อนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตในประเด็นความโปร่งใสประชาชนเรียกร้องให้ออกมาชี้แจงยอดบริจาคและรายละเอียดต่างๆที่ชัดเจน

กระทั่งวันที่ 14 พ.ค.64 นายฌอน เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจ โดยระบุว่าเงินที่ได้จากการบริจาค 1.3ล้าน ใช้บริจาคไปประมาณ 1.1 ล้านยอดบริจาคเหลือประมาณ 2 แสน ต่อมาอัยการจังหวัดนนทบุรีได้สั่งฟ้อง ฌอน ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนโกงเงินบริจาค

ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00น.(10ต.ค.66) ที่ศาลจังหวัดนนทบุรีได้มีการนัดสืบพยานโจทก์ โดยมี นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ หัวหน้าศูนย์การทะเบียนภาค 5 และเป็นอดีตปลัดอำเภอศูนย์ดำรงค์ธรรมอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ มาเป็นพยานในศาล

นายบุญญฤทธิ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 63 ได้เกิดไฟป่าอย่างรุนแรงในพื้นที่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ หลังจากนั้นวันที่30 มี.ค.63 นายฌอน บูรณะหิรัญ ได้มีการโพสต์เปิดรับบริจาคเงินทางเฟซบุ๊ก 

หลังจากนั้นมีประชาชนเข้าไปร่วมบริจาคเงินเข้าบัญชี นายฌอน บูรณะหิรัญ เป็นจำนวนมากสูงกว่า 1.3ล้านบาท และ 1 ในประชาชนที่ร่วมบริจาคมีดาราชายชื่อดังโตโน่ภาคิน บริจาค 100,000 บาท

ซึ่งขณะนั้นตนทำหน้าที่เป็น ปลัดอำเภอศูนย์ดำรงค์ธรรม อำเภอแม่ริม ก็ได้รับเรื่องร้องเรียนว่า นายฌอน ได้เปิดรับเงินบริจาคจริง แต่เมื่อได้มาแล้วกลับไม่ได้เอาเงินไปช่วยตามวัตถุประสงค์ จึงมีการแจ้งความดำเนินคดี ที่สภ.แม่ริม

วันนี้ตนมั่นใจในพยานหลักฐานที่นำมาให้ศาลดูว่าสถานีดับไฟป่าไม่เคยได้รับการช่วยเหลือใดๆจากนายฌอน บูรณะหิรัญ เลยและได้นำรูปของคุณฌอน ที่มาลงรับบริจาคสลิปการโอนเงินและรายชื่อผู้ที่รับบริจาคทั้งหมดกว่า 5,980 คน ยอดเงิน ทั้งหมด 1,248,000 บาท ซึ่งมียอดเงินบริจาค 2 ยอดที่นายฌอนบูรณะหิรัญได้รับบริจาคแล้วไม่ได้เอาเงินไปช่วยเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า แต่เอาไปใช่ส่วนตัว

ตนอยากฝากเรื่องหมอกควันไฟป่า เป็นเรื่องสำคัญกระทบความมั่นคงกระทบสุขภาพประชาชน เพราะฉะนั้นการเอามานำเสนอแบบนี้มันไม่ถูกต้อง อยากให้ช่วยกันจะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป ซึ่งมันเป็นความเดือดร้อนของประชาชนจริง

วันนี้ที่สำคัญพยานที่เดินทางมาตั้งใจบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือหลังคุณฌอนได้เงินมาแล้วนำไปจ่ายค่าบัตรเครดิตของตัวเองและนำเงินไปใช้ส่วนตัวถอนครั้งละ 500,000 รวมแล้วกว่าล้านบาท.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส