ควันหลงวันลอยกระทง 12 พ.ย. 62 ในพื้นที่ 5 อำเภอรอบ
ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ยังพบนักท่องเที่ยวและชาวบ้านปล่อยโคมลอยกันเต็มท้องฟ้า ในช่วงวันที่ 9-12 พฤศจิกายน แม้จะมีมาตรการห้ามปล่อยโคมลอย ทั้งนี้โชคดีที่มีกระแสลมพัดจากด้านทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก ทำให้ท่าอากาศยานเชียงใหม่ที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของตัวเมืองมีซากโคมลอยตกในเขตอากาศยานขึ้นลงน้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดย 11-12 พ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของท่าอากาศยานเชียงใหม่เก็บซากโคมลอยได้ 21 ลูกด้วยกัน ซึ่งทางท่าอากาศยานได้เพิ่มมาตรการในการดูแลเพิ่มรอบเจ้าหน้าที่ในการตรวจตราและเก็บกู้ซากโคมลอยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดกับการขึ้นลงของอากาศยานไว้อยู่แล้ว
ขณะที่เพจเฟซบุ๊คชื่อ
“กูรูเชียงใหม่เรื่องเชียงใหม่กูรู้” โพสต์คลิปจากแฟนเพจชาวอ.สันกำแพง ความยาวประมาณ 4 นาที เป็นภาพซากโคมลอยหลายพันลูกตกเกลื่อนเต็มพื้นที่โดยรอบของโรงพยาบาลสันกำแพง ทั้งสองข้างถนน บ้านเรือนประชาชน สถานที่ราชการตามนาข้าว พื้นที่สาธารณะตามสายไฟฟ้า เสาไฟฟ้าต้นไม้ใหญ่ ที่ต่างมีซากโคมลอยที่ถูกปล่อยตกเกลื่อนไปทั่ว หรือกรณีที่มีออร์แกไนซ์จัดงานพร้อมขายแพ็คเก็จให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีนหลายพันคนเข้าร่วมกิจกรรมปล่อยโคมลอยนับหมื่น
นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยอมรับว่า แม้จะมีการกำหนดพื้นที่และช่วงเวลาที่ชัดเจนแล้วว่า ห้ามปล่อยโคมลอย แต่ที่ผ่านมา ก็มีเหตุเพลิงไหม้ 3 ครั้ง ทั้งผางประทีป และโคมลอย รวมไปถึงที่สนามบิน แต่ก็ยังมีการกระทำที่ฝ่าฝืน ซึ่งทางจังหวัดจะได้กลับมาทบทวนแก้ไขต่อไป หลังจากนี้ จะเพิ่มการทำป้ายคัทเอ้าท์สามภาษา ไทย จีน อังกฤษ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าใจ และขอความร่วมมือยิ่งขึ้นด้วย เมื่อคืนที่ผ่านมา (12 พ.ย.) ได้มีการจับกุมผู้ที่่ฝ่าฝืนขายโคมลอย - ดอกไม้ไฟ ในเขตพื้นที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมมากกว่า 3 พันโคม
ทั้งนี้ ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกประกาศ ห้ามปล่อยโคมลอยใน พื้นที่ข้างท่าอากาศยานเชียงใหม่ ควบคุม 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองเชียงใหม่ ครอบคลุมทุกตำบล จำนวน 16 ตำบล, อ.หางดง ทุกตำบล รวม 11 ตำบล, อ.สารภี จำนวน 4 ตำบล คือ ต.ขัวมุง, ดอนแก้ว, ท่าวังตาล และหนองผึ้ง, อ.แม่ริม จำนวน 3 ตำบล คือ ดอนแก้ว ริมใต้ และแม่สา และ อ.สันทราย จำนวน 1 ตำบล คือ ต.หนองหาร และพื้นที่ที่อยู่นอกเขตควบคุมก็สามารถปล่อยได้ ตั้งแต่เวลา 19.00 - 01.00 น. ของวันถัดไปเท่านั้น หมดเวลากำหนดแล้วห้ามปล่อยเด็ดขาด
ที่ จ.ลำปาง บ้านเลขที่ 22/1 บ้านศาลาเม็งซอย 7 ม.9 ต.ท่าผา อ.เกาะคา จ.ลำปาง ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว เกิดไฟลุกไหม้โหมกระหน่ำ เจ้าหน้าที่รีบใช้น้ำเข้าฉีดสกัดเพื่อดับไฟและเพื่อไม่ให้ลุกลามติดบ้านใกล้เคียงใช้เวลาเกือบ 30 นาที จึงควบคุมเพลิงไว้ได้
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าของบ้านไปทำงานต่างจังหวัด มีเพียง นายชลธวัตร อายุ 26 ปีลูกชายอาศัยอยู่เพียงคนเดียว แต่ขณะเกิดเหตุก็ไม่อยู่บ้าน คาดว่าจะออกไปเที่ยวงานลอยกระทงกระทั่งชาวบ้านเห็นจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ ตำรวจสันนิษฐานว่าไฟฟ้าอาจจะลัดวงจร หรือไม่ก็ถูกโคมไฟที่มีคนปล่อยในคืนวันลอยกระทงตกใส่บ้าน จึงได้ประสานตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐานลำปาง มาตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง